ตอนที่ 825 ไม่รนหาที่ตาย ไม่ตาย (8) ตอนที่ 826 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 825 ไม่รนหาที่ตาย ไม่ตาย (8) / ตอนที่ 826 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (1)
ตอนที่ 825 ไม่รนหาที่ตาย ไม่ตาย (8)

ที่นิ่งเงียบก่อนหน้านี้ก็แค่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับนาง แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ท่าทีและการกระทำของจวินอู๋เสียในเรื่องนี้จึงเปลี่ยนไปด้วย

“อะแฮ่ม แล้วเราจะทำอย่างไรกับศพนี้ดี” เฉียวฉู่ถามพร้อมกับไว้อาลัยให้แก่ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนอยู่ในใจ เขาอาจจะไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก แต่เขาเคยได้ยินมาจากเฟยเยียนว่าจวินอู๋เสียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผู้ครองบัลลังก์ของรัฐชี

หนึ่งรัฐชี อีกหนึ่งก็สำนักชิงอวิ๋น แล้วยังมีสำนักศึกษาเฟิงหัวอีก และฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนก็อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่ง ‘ความสำเร็จ’ ของจวินอู๋เสีย

จวินอู๋เสียหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวออกมาและโยนมันไปให้เฉียวฉู่

“โปรยให้ทั่วร่าง”

เฉียวฉู่พยักหน้า เขาเดินไปโปรยผงอะไรสักอย่างลงบนร่างของจ้าวซวิน ในชั่วพริบตาศพนั้นก็เน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว แม้แต่กระดูกก็ไม่ละเว้น ในเวลาไม่กี่นาทีสั้นๆ ร่างทั้งร่างที่นอนอยู่บนพื้นก็กลายเป็นแอ่งโลหิต จวินอู๋เสียลากอ่างน้ำในห้องมาเทน้ำลงบนพื้น ล้างรอยโลหิตที่เหลืออยู่ให้หายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อแก้ปัญหาจนเกือบเสร็จแล้ว ฮวาเหยาก็หยิบเอาชุดเครื่องแบบของสำนักศึกษาสุรบุปผาในห้องของจ้าวซวินออกมา และทุกคนก็ออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็วด้วยเส้นทางเดียวกับที่เข้ามา

เช้าวันต่อมา ศึกประลองภูติวิญญาณรอบต่อไปก็ได้เริ่มขึ้น ศิษย์จากสำนักศึกษาต่างๆ เริ่มออกเดินทางไปยังเขตลานประลองของตน สำนักศึกษาสุรบุปผายังคงมีศิษย์สามคนที่เข้ารอบนี้มาได้ ตอนแรกทั้งสามคนนั้นอยากจะรอจ้าวซวินก่อนออกเดินทาง แต่หลังจากรออยู่นาน พวกเขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของจ้าวซวิน พวกเขาไปเคาะประตูที่ห้องของจ้าวซวินและไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย ทุกคนเริ่มคิดว่าแปลกแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนจ้าวซวินกลับดึก และเขาได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้ พอนึกได้ว่าคู่ต่อสู้ของจ้าวซวินวันนี้เป็นใคร พวกผู้เยาว์ก็เลิกรอและพากันเดินออกไป

พวกเขาคิดว่าจ้าวซวินต้องรับข้อเสนอขององค์รัชทายาทแล้วและยอมละทิ้งการแข่งขัน

สถานการณ์เช่นนั้นไม่แปลกอีกต่อไป

จำนวนคนในเขตประลองที่หนึ่งลดลงมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ บรรยากาศในลานประลองตอนนี้ก็ผ่อนคลายขึ้นมาก พวกผู้เยาว์ที่ไปที่นั่นแต่เช้ากำลังอบอุ่นร่างกายและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและคำแนะนำจากรอบที่แล้วกัน พวกเขาต่างทำความคุ้นเคยกันและพูดคุยกันในกลุ่ม

ลานประลองมีเสียงดังเอะอะอึกทึก แต่เมื่อร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูเขตประลองที่หนึ่ง ทั้งลานประลองก็เงียบกริบทันที สายตาทุกคู่หันไปมองร่างเล็กๆ ที่เดินเข้าลานประลองมา

“มันจะมาทำอะไรที่นี่” ผู้เยาว์บางคนพูดขึ้นอย่างเหยียดหยามขณะที่มองจวินอู๋เสียเดินเข้ามาในลานประลอง รอบที่แล้วๆ มาตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน จวินอู๋เสียไม่ได้สู้เลยสักครั้งเนื่องจากคู่ต่อสู้ทุกคนสละสิทธิ์ไปเสียทุกรอบ นั่นทำให้พวกศิษย์ที่ต่อสู้อย่างดุเดือดในทุกรอบการแข่งขันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ก็แค่มาอย่างนั้นแหละ เขารู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียตัวเองก็ไม่ต้องสู้”

“คู่ต่อสู้ของเขาวันนี้คือจ้าวซวินใช่หรือไม่”

“ใช่ ข้าดื่มกับจ้าวซวินเมื่อคืนนี้ เขาบอกพวกเราแล้วว่าวันนี้เขาจะไม่โผล่มา ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่ามีใครบางคนไปร้องไห้อ้อนวอนองค์รัชทายาท ขอให้พระองค์จัดการกับคู่ต่อสู้ของเขา โชคดีชะมัด! คนอย่างพวกเราไม่มีทางโชคดีอย่างนั้นได้เลย” ผู้เยาว์หลายคนพูดเสียงดังอย่างดูถูก มีทั้งคนที่อิจฉาจวินอู๋เสียและคนที่ดูถูกเหยียดหยามนาง

และในกลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้น มีชวีหลิงเย่ว์ที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองไปที่จวินอู๋เสียที่เดินเข้ามาในลานประลองช้าๆ อย่างกังวล

ตอนที่ 826 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (1)

การประลองยังไม่ทันเริ่ม จวินอู๋เสียก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนเสียแล้ว สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่นางแต่นางยังคงก้าวเดินอย่างช้าๆ เข้าไปในลานประลอง ดูเหมือนว่าสายตาที่ทิ่มแทงนางจากทุกหนแห่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางแม้แต่น้อย

“บางคนก็เกิดมาโชคดีชะมัด ขนาดไม่ได้ทำอะไร ไม่รู้อะไรเลย ก็ยังมีคนปูทางไว้ให้เดินเสียดิบดี ไม่เหมือนพวกเราที่ต้องสู้เสี่ยงชีวิตไม่ได้หยุดแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คนบางคนได้รับมาเพียงแค่พูดไม่กี่คำ” พวกผู้เยาว์กระซิบเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาขณะที่มองจวินอู๋เสีย เสียงของพวกเขาดังพอที่คนรอบๆ จะได้ยินอย่างชัดเจนซึ่งหลายคนที่ได้ยินส่วนใหญ่ก็จะเห็นด้วยกับผู้เยาว์พวกนี้ ต่างอิจฉา ‘ความโชคดี’ ที่น่าเหลือเชื่อของจวินอู๋เสียเป็นอย่างมาก

ถึงแม้จะเสียดสีเหน็บแนมกัน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำไปมากกว่านี้ต่อหน้าจวินอู๋เสีย อย่างไรเสียศิษย์ที่ถูกฆ่าตายไปนั้นก็มีส่วนเกี่ยวพันกับจวินอู๋เสีย และพวกเขาทุกคนก็หวาดกลัวในอำนาจของเหลยเชิน แต่ความกลัวนั้นก็ยิ่งเป็นเชื้อเพลิงให้พวกเขาอิจฉามากยิ่งขึ้น

ในที่สุดการแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น เสียงของการต่อสู้ดังมาจากเวทีประลองไม่หยุดตั้งแต่รอบแรก พวกผู้เยาว์ต่างแสดงความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ หวังว่าจะมีตำแหน่งให้พวกเขาในศึกประลองครั้งนี้

“คุณหนูชวี ไม่คิดหรือว่าเจ้านั่นมันทำเกินไป ทำเรื่องต่ำช้าขนาดนั้นเอาไว้แล้วยังมีหน้ามาที่นี่อีก” ผู้เยาว์คนหนึ่งที่ค่อนข้างสนิทสนมกับคนของสำนักศึกษาธงศึกเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ชวีหลิงเย่ว์ ท่าทางของเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ในเขตประลองที่หนึ่งนี้ พวกเขาต่างผ่านการต่อสู้อันดุเดือดกันมาหลายรอบ ผู้เข้าแข่งขันหลายคนได้แสดงความสามารถและพลังอันโดดเด่น ชวีหลิงเย่ว์จากสำนักศึกษาธงศึกได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้เยาว์ทั้งหมดจากเขตประลองที่หนึ่ง นางไม่เพียงแต่เป็นศิษย์อันดับต้นๆ ในสำนักศึกษาธงศึกเท่านั้น แต่นางยังเป็นคุณหนูใหญ่แห่งเมืองพันอสูรด้วย ทั้งสถานะและตำแหน่งของนางทำให้มีคนจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงได้

แน่นอนว่าชวีหลิงเย่ว์ได้กลายเป็นตัวเก็งที่จะชนะในเขตประลองที่หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม นอกจากชวีหลิงเย่ว์แล้ว เขตประลองที่หนึ่งยังมีอีกคนที่มีโอกาสเข้าไปถึงสิบอันดับแรก นั่นก็คือจวินอู๋เสีย แต่ทุกคนมีความรู้สึกต่อโอกาสในการผ่านเข้ารอบของจวินอู๋เสียแตกต่างไป…พวกเขาไม่รู้สึกภูมิใจในตัวอีกฝ่ายเลยสักนิด

ชวีหลิงเย่ว์ชำเลืองมองผู้เยาว์คนนั้นแวบหนึ่งแต่ไม่พูดอะไรออกมา

ผู้เยาว์คนนั้นไม่ละความพยายามที่จะพูดคุยกับชวีหลิงเย่ว์ “จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้มันผิดกฎนะ มีคนแบบหมอนั่นอยู่ กฎของศึกประลองภูติวิญญาณต้องโดนดูหมิ่นเป็นแน่ แต่ข้าเชื่อว่าคุณหนูชวีจะไม่ปล่อยให้คนพรรค์นั้นทำตามใจตัวเองต่อไปได้ หวังว่าคุณหนูชวีจะทำให้คนอย่างมันลดความยโสลงได้จริงๆ”

พูดได้ว่านอกจากชวีหลิงเย่ว์แล้ว คนทั้งเขตประลองที่หนึ่งไม่มีใครที่สามารถต่อต้านอำนาจขององค์รัชทายาทได้เลย ทุกคนที่นั่นแอบหวังให้จวินอู๋เสียเจอกับชวีหลิงเย่ว์ในการประลองเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และให้ชวีหลิงเย่ว์เอาชนะอีกฝ่ายอย่างขาดลอย ทุกคนจะได้โล่งใจกันได้เสียที

ชวีหลิงเย่ว์เดาะลิ้น ไม่อยากจะพูดอะไรกับผู้เยาว์คนนั้น ในตอนนี้นางรู้สึกสับสนพอสมควร เด็กสาวก้าวเท้าออกจากที่นั่นแต่สายตาของนางยังคงจับจ้องไปที่จวินอู๋เสียโดยไม่ได้ตั้งใจ แววตาของนางเจือความสงสัยและกังวล

การประลองจบลงไปคู่แล้วคู่เล่าและใกล้จะถึงตาของจวินอู๋เสียแล้ว ไม่มีใครสักคนเชื่อว่าจวินอู๋เสียจะก้าวขึ้นเวทีประลองและต่อสู้จริงๆ สายตาของทุกคนกวาดมองไปทั่วลานประลองอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของจ้าวซวินเลย และดวงตาของทุกคนก็ทอแววดูถูกเหยียดหยามทันที

อย่างที่คิด มันเอาอีกแล้ว!

จวินอู๋เสียก้มหน้าลง มุมปากของนางขยับเล็กน้อยราวกับกำลังคำนวณอะไรอยู่ เมื่อนางได้ยินเสียงเรียกชื่อของนาง นางก็เงยหน้าขึ้นและเดินตรงไปที่กลางเวทีประลอง