ตอนที่ 311 สหายเต๋า เจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพแห่งท้องทะเลทักษิณหรือไม่? (1)
“สหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเล… เฮ้อ”
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่นักพรตเต๋าชราร่างสูงผอมในชุดคลุมสีเหลืองอ่อน หลังจากที่ทั้งสองได้พบและทักทายกันแล้ว นักพรตเต๋าชราก็ลังเลที่จะพูดอยู่สองสามครั้งแล้วยังคงถอนหายใจต่อไป
มันให้ความรู้สึกคล้ายกับว่า หลี่ฉางโซ่วกำลังใกล้ตายอย่างหมดหวังที่จะช่วยเหลือได้อีกต่อไปแล้ว …
“ผู้อาวุโส มีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านห่วงเรื่องเผ่ามังกรหรือ?”
หวงหลงเจินเหรินถอนหายใจอีกครั้งและนั่งลงข้าง ๆ เขาและนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน หลี่ฉางโซ่วถูก ชั่วขณะหนึ่งนั้น ปรมาจารย์อาวุโสผู้นี้ก็ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกงุนงงเช่นกัน ด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
เวลานี้ ในบรรดาสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาน้อยที่สุดคือ สำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานเป็นสำนักบำเพ็ญเต๋าที่เขาไม่คุ้นเคยด้วยมากที่สุด
“สหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเล…”
“เฮ้อ!”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจก่อนที่หวงหลงเจินเหรินจะทำก่อนเขา ทำให้หวงหลงเจินเหรินตกใจอย่างมาก
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส เกิดอันใดขึ้นหรือ? หากมีเรื่องใด ก็โปรดพูดมาได้ตรงๆ หากท่านมีคำชี้แนะใดๆ ผู้น้อยก็พร้อมจะฟังท่าน”
“เช่นนั้น ข้าก็ไม่ขอปิดบัง สหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเล ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ ก็เพราะมีเรื่องบางอย่างที่ยากจะพูดจริงๆ”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
เช่นนั้น ก็อย่าพูดเลย
ทว่าหวงหลงเจินเหรินก็ได้ถามออกไปแล้วว่า “สหายเต๋าช่วยบอกความจริงทุกอย่างกับข้าให้ชัดเจนได้หรือไม่? สำนักบำเพ็ญประจิมอยากให้เผ่ามังกรเป็นของพวกเขา หรือพวกเขาอยากให้เผ่ามังกรยอมจำนนต่อจอมปราชญ์เทพทั้งสองแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม?”
หลี่ฉางโซ่วพลันฉงนฉงายขึ้นในใจทันที
เป็นผู้ใดกัน มีใครไปพูดอะไรกับหวงหลงเจินเหรินบ้างหรือไม่? ไฉนหวงหลงเจินเหรินจึงถามคำถามเช่นนี้?
การใช้เผ่ามังกรเพื่อตนเองหมายถึง การทำให้เผ่ามังกรกลายเป็นเหมือนผู้บำเพ็ญเหวินจิงที่คอยทำงานสกปรกให้ แต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก และในยามคับขัน ก็จะถูกโยนออกไปรับผิดแทน
ส่วนการยอมจำนนต่อจอมปราชญ์เทพทั้งสองแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม ย่อมหมายถึง การเข้าร่วมกับสำนักบำเพ็ญประจิม จะได้รับโอกาสและการคุ้มครองจากจอมปราชญ์เทพ
แม้ทั้งสองอย่างนี้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ความจริงแล้ว ทั้งสองแตกต่างกันมากอย่างสุดขั้ว
คำถามนี้…
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดแล้วรู้ว่าเขาตอบไปตรงๆ ไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกผิด
เรื่องการนำเผ่ามังกรเข้าสู่สวรรค์นั้น ได้กระทำอย่างตรงไปตรงมาและใจกว้าง
การส่งเสริมเผ่ามังกรให้เข้าสู่ศาลสวรรค์ มีแต่จะส่งผลดีต่อเผ่ามังกรเท่านั้น ซึ่งเทียบเท่ากับการช่วยเหลือเผ่ามังกร
ไม่เช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วย่อมจะละอายใจเกินกว่าจะรับของขวัญจากเผ่ามังกรได้ต่อไป ซึ่งเมื่อนับแล้วก็พบว่า มีกล่องสมบัติล้ำค่าและสมบัติวิญญาณนับพันกล่อง
ในขณะนั้น เมื่อหวงหลงเจินเหรินได้ถามคำถามเช่นนั้นออกมา ก็ย่อมแสดงว่า เขาก็น่าจะเคยได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดและมีแนวคิดอุปาทานไปก่อนแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าหลี่ฉางโซ่วจะตอบว่าอย่างไร ก็ย่อมจะไม่ปลอดภัย
แต่บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วมีมาตรการรับมือแล้ว
เขายังคงชอบริเริ่มก่อน
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “วอนท่านผู้อาวุโสโปรดอภัยที่ล่วงเกินด้วย ผู้น้อยยังต้องขอถามท่านว่า เหตุใดถึงถามคำถามเช่นนั้น?”
หวงหลงเจินเหรินตอบว่า “ข้าเพียงหดหู่ใจ จึงถามเช่นนั้น”
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะทันทีพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวไปข้างหน้าสองก้าวพร้อมด้วยแส้หางม้าของเขาแล้วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ผู้อาวุโส หากข้าเดาไม่ผิด น่าจะมีคนบอกท่านว่าสำนักบำเพ็ญประจิมนั้นดีมากเพียงใด และยังมีจอมปราชญ์เทพสองคน พวกเขายังอาจบอกท่านด้วยว่า สำนักบำเพ็ญประจิมมีชะตาเรืองโรจน์ และจะทำให้เผ่ามังกรได้รับประโยชน์จากโอกาสนี้ ซึ่งนั่นก็อาจจะช่วยสร้างความรุ่งโรจน์ให้เผ่ามังกรด้วยเช่นกัน… เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่?”
“อืม…” หวงหลงเจินเหรินยิ้มขัดเขินและพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
เขายอมรับว่า “ใช่ นั่นก็จริง ทว่าสิ่งที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลเช่นกัน ข้าเองก็ยังคิดว่าสำนักบำเพ็ญประจิมไม่เลว เพราะในท้ายที่สุด พวกเขาก็มีจอมปราชญ์เทพสองคน และดอกบัวทองคำระดับสิบสองที่คอยยับยั้งการเคลื่อนไว้ของสำนักต่างๆ หากพวกเขาสามารถกลายเป็นที่พักพิงให้เผ่ามังกรได้…”
“อะฮ่า! ท่านผู้อาวุโส ท่านกำลังสับสนแล้วขอรับ!”
หวงหลงเจินเหรินอดจะกังขาไม่ได้
สับสน? นี่ไม่เห็นเหตุผลชัดเจนหรือ? ข้าสับสนอย่างไรกัน?
แต่หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “กล่าวเช่นนี้ก็เท่ากับผลักดันเผ่ามังกรเข้าไปในหลุมไฟ[1]จริงๆ ผู้ใดที่กล่าวเช่นนี้ย่อมไม่รู้ความจริง หรือในใจของเขา… แค่กๆ ยังสับสนมึนงง”
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วคิดจะใช้คำว่า ‘มีเจตนาร้ายในใจ’
ทว่าเมื่อคิดดูดีๆ อีกครั้ง ผู้ที่มีอิทธิพลต่อหวงหลงเจินเหรินก็น่าจะเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ซึ่งเขาไม่ควรจะไปด่าว่าโดยตรง
เขาต้องล่วงเกินผู้คนให้น้อยที่สุด ซึ่งเป็นธรรมดาที่จะทำให้ผู้คนขุ่นเคืองเขาน้อยที่สุดเช่นกัน
เช่นนั้น เต๋าย่อมจะแข็งแกร่ง ปลอดภัยไร้กังวล
“โอ้?” หวงหลงเจินเหรินรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “ขอสหายเต๋าโปรดช่วยชี้แนะข้าด้วย”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋าใช้พลังเวทของท่านเพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกรับรู้การสนทนาระหว่างเราได้หรือไม่”
“ได้เลย ข้าจะทำเดี๋ยวนี้”
หวงหลงเจินเหรินชี้นิ้วออกไปเพื่อสร้างข่ายอาคมหลายสิบข่ายในทันที ซึ่งครอบคลุมไปทั่วทั้งห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล จากนั้นเขาก็จ้องมองอย่างจริงจังไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งอยู่ในร่างของเซียนชรา
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ศึกสู้ในทะเลทักษิณและทะเลบูรพาที่เกิดขึ้นระหว่างงานแต่งงานของอ๋าวอี่ยังไม่สิ้นสุด เสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่ของสิ่งมีชีวิตในทะเลยังไม่สลายไปหมดสิ้น กระดูกของเหล่าแม่ทัพและทหารมังกรยังไม่ไปสู่สุขติ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยเหตุใด? เป็นเพราะสำนักบำเพ็ญประจิมต้องการรวมเผ่ามังกรมาเป็นพวก แต่เผ่ามังกรไม่ยินดีจะเข้าร่วมด้วย สำนักบำเพ็ญประจิมจึงหันไปใช้วิธีและกลอุบายดังกล่าว พวกเขาสร้างภัยพิบัติและคร่าชีวิตผู้คนมากมายอย่างไม่ลังเล สำนักบำเพ็ญประจิมไร้คุณธรรมและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี พวกเขามีสองหน้าแตกต่างกัน เช่นนั้นแล้ว จะเรียกว่าเป็นจอมปราชญ์ปกครองไปได้อย่างไรกัน? แล้วสำนักบำเพ็ญประจิมจะเป็นที่พักพิงที่ดีไปได้อย่างไร?”
หวงหลงเจินเหรินพยักหน้าเบาๆ และขณะที่กำลังจะเอ่ยออกมานั้น เขาก็ได้ยินเทพแห่งท้องทะเลกล่าวว่า
“ผู้อาวุโส สิ่งที่ท่านกล่าวถึงเมื่อครู่ก่อน ในเรื่องที่เผ่ามังกรจะมีโอกาสรุ่งเรืองหากยอมสวามิภักดิ์ต่อสำนักบำเพ็ญประจิมนั้น ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้! สำนักบำเพ็ญประจิมจะนำความรุ่งเรืองมาให้ได้อย่างไร? เพราะทั้งหมดนั้น ล้วนต้องได้รับการยอมรับจากเต๋าสวรรค์ และการสะสมบุญ หากเผ่ามังกรเข้าร่วมกับสำนักบำเพ็ญประจิม แน่นอนว่า สำนักบำเพ็ญประจิมก็จะปฏิบัติต่อราชามังกรแห่งสี่คาบสมุทรและผู้อาวุโสเผ่ามังกรเป็นอย่างดี ทว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นๆ ในเผ่ามังกร? ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันจะเกิดเรื่องคล้ายกับการก่อกบฏวุ่นวายของเผ่าทะเล และปีศาจใต้ท้องทะเล ซึ่งถูกสำนักบำเพ็ญประจิมยั่วยุให้มาทำร้ายบรรดาสิ่งมีชีวิตต่างๆ
เขายังกล่าวต่อว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านคิดถึงเรื่องนี้หรือไม่? เหตุใดสำนักบำเพ็ญประจิมจึงต้องการสยบเผ่ามังกร? ไม่ใช่เป็นเพราะว่า พวกเขาประสงค์บุญที่เผ่ามังกรสะสมเอาไว้ รวมถึงความแข็งแกร่งที่เหลืออยู่ของเผ่ามังกรหรอกหรือ? หากเป็นเช่นนั้น ก็คงไม่นานนักที่เผ่ามังกรจะได้รับกรรมร้ายเพิ่มมากขึ้นในอีกหลายพันปีในขณะที่สำนักบำเพ็ญประจิมจะใช้ประโยชน์จากเผ่ามังกรเพื่อทำสิ่งต่างๆ มากมาย สำนักบำเพ็ญประจิมอาจให้ผลประโยชน์แก่เผ่ามังกรเพียงเพื่อแลกกับชะตากรรมของเผ่ามังกรที่จะต้องล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง! ท่านผู้อาวุโส ท่านคิดถึงเรื่องนี้หรือไม่?”
คำพูดของหลี่ฉางโซ่วมาจากก้นบึ้งในใจและเป็นเพียงคำชี้แจงถึงข้อดีข้อเสียที่หาได้เกินจริงไปไม่
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาดูน่าเชื่อถือทีเดียว
นอกจากนี้ คำพูดของหลี่ฉางโซ่วยังจริงใจ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สัมผัสได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นความรู้สึกของหวงหลงเจินเหริน…
ในขณะนั้น ใบหน้าของหวงหลงเจินเหรินกลายเป็นสีแดงก่อนจะซีดขาวไปอีกครั้ง เขาทั้งละอายใจและเสียใจที่ไปฟังคำพูดของผู้อื่นแล้วมาถามเทพท้องทะเลทักษิณ ซึ่งห่วงใยและหวังดีต่อเผ่ามังกรอย่างแท้จริง
เทพท้องทะเลคือ พี่น้องที่แท้จริงของเผ่ามังกร!
………………………………………………………………..
[1] ทำให้มีปัญหา สร้างปัญหา