ตอนที่ 312 สหายเต๋า เจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพแห่งท้องทะเลทักษิณหรือไม่? (2)
จากนั้น หวงหลงเจินเหรินก็ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้อย่างลึกล้ำ
“เป็นข้าเองที่สับสนไปชั่วขณะ ข้าเกือบจะเชื่อคำพูดของผู้อื่นแล้ว ขอสหายเต๋าโปรดอย่าได้ขุ่นเคืองไปเลย!”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจก้าวถอยไปแล้วถอนหายใจ
“ผู้อาวุโส เมื่อท่านเข้าใจเรื่องนี้ได้ย่อมเป็นการดี ขอกล่าวตามตรงว่า ใช่ว่าผู้น้อยจะไม่เห็นแก่ตนเองบ้างเลย เรื่องของเผ่ามังกรเกี่ยวพันกับการที่ผู้น้อยจะยืนหยัดมั่นคงในศาลสวรรค์ในอนาคตได้หรือไม่เช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ผู้น้อยต้องใส่ใจและคิดการณ์ทุกอย่างให้รอบคอบ”
“บัดนี้ ผู้อาวุโส โปรดช่วยบอกผู้น้อยสักหน่อยได้หรือไม่ว่า คนที่บอกท่านว่าสำนักบำเพ็ญประจิมไม่เลวนั้น เป็นผู้ใดกันหรือ?”
หวงหลงเจินเหรินถอนหายใจและกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ข้าเองก็ไม่สบายใจนัก จึงไปหารองเจ้าสำนักหรานเติ้งแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานเพื่อขอคำชี้แนะบางอย่างจากเขา
ไม่คิดเลยว่ารองเจ้าสำนักจะเป็นเช่นนั้น!”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
ไม่แปลกเลยที่พบว่าเป็น “พระพุทธโบราณ” รองเจ้าสำนักหรานเติ้ง ซึ่งหลี่ฉางโซ่วรู้สึกไม่ดีกับนักพรตเต๋าหรานเติ้งเลย
หลี่ฉางโซ่วมองว่า ไม่มีอะไรให้ทำมากมายนัก ในช่วงแรกๆ ของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานใช้กลยุทธ์ในการรับศิษย์เพื่อขจัดภัยพิบัติ ในเวลานั้น สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานมีคนจำนวนมาก ซึ่งพวกเขาล้วนสามารถเลือกกลุ่มเพื่อจัดการภัยพิบัติโดยไม่ทำร้ายพลังต้นกำเนิดของพวกเขาได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องต่าง ๆ ล้วนขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในศึกปราบดาเทพ จนในท้ายที่สุด มันก็ลากคนอย่างคนอย่างอาจารย์ลุงจ้าวออกจากการต่อสู้ และก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งและค่ายกลเวทหมื่นเซียนได้ถูกสร้างขึ้น ในช่วงระหว่างนี้ นอกจากบุตรแห่งภัยพิบัติ เซินกงเป้า[1]ที่กล่าวว่า “ช้าก่อน สหายเต๋า” ได้กระโดดออกมาและลงมืออย่างเมามันไม่หยุดแล้ว ก็ยังมีนักพรตเต๋าหรานเติ้ง และนักพรตเต๋าลู่หยาที่ไม่อาจกำจัดความเกี่ยวพันออกไปได้!
และก่อนที่มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะสิ้นสุดลง นักพรตเต๋าหรานเติ้งก็ “ถอยหนี” ไปได้สำเร็จ นอกจากนี้ เขายังได้ลักพาเซียนจินสองสามคนซึ่งอยู่ในกลุ่มสิบสองเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานไปที่สำนักบำเพ็ญประจิม เพื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้าสำนักต่อไป…
วันนี้ รองเจ้าสำนักหรานเติ้งได้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนให้แก่หวงหลงเจินเหริน…
หรือว่าหรานเติ้งผู้นี้ได้ติดต่อกับสำนักบำเพ็ญประจิมแล้ว?
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและไม่กล้าเข้าไปพัวพันในเรื่องนี้
เมื่อพูดถึงแผนการที่นักพรตเต๋าหรานเติ้งคิดค้นขึ้น ย่อมถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างจอมปราชญ์ที่แท้จริง เขาไม่ใช่แม้แต่ศิษย์ของจอมปราชญ์ แล้วจะหาญกล้าเข้าไปร่วมด้วยได้อย่างไร?
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เขายังเริ่มอธิบายบางอย่างถึงนักพรตเต๋าหรานเติ้ง
“ความจริงแล้ว สิ่งที่รองเจ้าสำนักเห็นเช่นนั้น ก็ใช่ว่าจะผิดไปทั้งหมด
เป็นเพียงว่า รองเจ้าสำนักยังคงมีมุมมองเกี่ยวกับปัญหาเหมือนยุคโบราณ ซึ่งแตกต่างจากโลกบรรพกาลในยามนี้”
หวงหลงเจินเหรินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่า สิ่งที่เทพแห่งท้องทะเลกล่าวมานั้น สมเหตุสมผล เขามองดูร่างจำแลงของเทพแห่งท้องทะเลในรูปของชายชราที่อยู่ต่อหน้าเขาและรู้สึกชื่นชมมากขึ้นเรื่อย ๆ
บัดนั้น หวงหลงเจินเหรินก็ถามอย่างจริงจังว่า “ขอสหายเต๋าโปรดช่วยชี้แนะข้าว่าควรทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อข้าได้ตัดสินใจช่วยเหลือสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของข้าแล้ว เช่นนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะยอมรับเจตนาดีของข้าหรือไม่ ข้าก็จะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นด้วยดี และจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง”
หลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวชื่นชมว่า “ท่านผู้อาวุโสช่างมีเมตตาและทรงคุณธรรมยิ่งนัก!”
“เป็นเพียงเพราะเกี่ยวพันกับสายเลือดของข้า และไม่อาจตัดกรรมให้ขาดได้”
“ผู้อาวุโส” หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจใช้ชายผู้ซื่อสัตย์คนนี้อีกครั้ง
เขากล่าวอย่างจริงจังว่า “ผู้น้อยเองก็มีเรื่องเล็กน้อยที่อยากจะขอให้ท่านผู้อาวุโสช่วยเช่นกัน”
“โอ้?” หวงหลงเจินเหรินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงรีบเอ่ยถามว่า “เรื่องใดกัน? ข้าจะทำให้เดี๋ยวนี้”
“ผู้อาวุโส เป็นเช่นนี้…”
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็อธิบายรายละเอียดต่อไป
เขาชี้แจงว่า อยากให้หวงหลงเจินเหรินช่วยทำอะไรบ้าง ซึ่งมันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับหวงหลงเจินเหริน ทว่าสำคัญมากสำหรับหลี่ฉางโซ่ว
นับได้ว่าเป็นคำเตือนเล็กน้อยของเขาที่เกี่ยวกับสำนักบำเพ็ญประจิม
สามถึงสี่วันต่อมา ในวังอวี้ซวีแห่งภูเขาคุนหลุน …
ในบรรดาสำนักบำเพ็ญทั้งสามของจอมปราชญ์เทพ วังอวี้ซวีน่าจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะไปหาได้
วังปี้โหยวของปรมาจารย์เจ้าสำนักทงเทียนเจี้ยวจู่ ถูกซ่อนอยู่นอกเกาะอมตะ ซึ่งผู้ที่ไร้วาสนาก็จะมองไม่เห็น
ส่วนวิหารไท่ชิงของเหล่าจื้อ ก็ไปซ่อนตัวอยู่ในวังสวรรค์เก้าชั้น ว่ากันว่า มันอยู่ที่จุดสูงสุด และภายในสามสิบสามวัน ห้ามมิให้ผู้ใดไปหาถึงที่นั่น ยกเว้นแต่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเท่านั้น
ส่วนวังอวี้ซวีนั้นถูกซ่อนอยู่ในชั้นเมฆบนภูเขาคุนหลุน ซึ่งเมื่อเงยหน้าขึ้น ผู้ฝึกบำเพ็ญมากมายบนนั้น ก็จะมองเห็นชายคาของวังอวี้ซวีได้ แน่นอนว่า หยวนสือเทียนจุนไม่ได้อยู่ในวังอวี้ซวี ที่นี่มีแต่เพียงรูปปั้นหยกของจอมปราชญ์เทพเท่านั้น หยวนสือเทียนจุนมักพำนักอยู่ในลานเล็ก ๆ ที่ทั้งสามเทพาจารย์เต๋า ‘ซันชิง’ ได้พำนักอยู่ในสมัยนั้น…
ในวังอวี้ซวี มีปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานไม่มากนัก ตัวอย่างเช่น ฉื้อจิ้งจื่อ หวงหลงเจินเหริน ไท่อี่เจินเหริน อวี้ติ่งเจินเหริน และคนอื่น ๆ พวกเขาล้วนมีเคหาสน์ถ้ำของตัวเอง มีเพียงกวงเฉิงจื่อและปรมาจารย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประจำการอยู่ที่นั่นเพื่อคอยคุ้มกันสถานที่ ทุกคนจะรวมตัวกันในที่แห่งนั้นเพื่อหารือกันในยามที่มีบางอย่างเกิดขึ้น
ในวังอวี้ซวี มีผู้ฝึกบำเพ็ญมากกว่าสองร้อยคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งเคยได้ยินจอมปราชญ์เทพแสดงธรรมกถามาแล้ว และส่วนใหญ่ก็ฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่โดยถือว่าเป็นคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน
ในวันนี้ หวงหลงเจินเหรินขี่เมฆมาถึงวังอวี้ซวี เขาพบคนจากคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานสิบเจ็ดหรือสิบแปดคนที่สนิทสนมกันดีแล้วไปหารือในเรื่องนี้กันในห้องโถงด้านข้าง…
หวงหลงเจินเหรินกล่าวตรงๆ ว่า “วันนี้ข้าจะมีเรื่องอยากจะขอพวกเจ้า” ศิษย์นับสิบหรือมากกว่านั้นรีบตกลงและขอให้หวงหลงเจินเหรินกล่าวออกมา
“ได้สิ เรื่องราวเป็นเช่นนี้” หวงหลงเจินเหรินกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ข้ารู้จักกับสหายเต๋าผู้หนึ่งและได้คุ้นเคยสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้ารู้สึกว่าสหายเต๋าผู้นี้มีท่าทีงามสง่าเหนือสามัญ ทว่าน่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีคนรู้เรื่องนี้และยังเข้าใจเขาผิดด้วยซ้ำ ดังนั้น ข้าจึงอยากช่วยให้เขาได้รับชื่อเสียงที่ถูกต้องตามควรในนามของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน”
ผู้ฝึกบำเพ็ญหญิงเล็กๆ ที่ไม่สำคัญคนหนึ่งยิ้มและกล่าวว่า “แค่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ขอเพียงให้ศิษย์พี่ช่วยชี้แนะข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ไม่รู้ว่า สหายเต๋าที่อาจารย์ลุงหวงหลงกล่าวถึงคือผู้ใดหรือขอรับ?”
หวงหลงเจินเหรินยิ้มและกล่าวว่า “สหายร่วมสำนักของข้า พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณหรือไม่?”
คนทั้งกลุ่มล้วนส่ายศีรษะพร้อมๆ กัน
“ไม่แปลก” หวงหลงเจินเหรินหัวเราะเบา ๆ พลางหยิบกองผ้าออกมาจากแขนเสื้อแล้วแจกจ่ายให้พวกเขาแต่ละคนพร้อมกับกล่าวว่า “ทุกคน โปรดอ่านตามที่เขียนไว้ที่นี่ด้วย”
หนึ่งในนั้นคลี่ผ้าออกแล้วอ่านเบาๆ
“เทพแห่งท้องทะเลทักษิณเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริง เขาเป็นคนใจดีมีเมตตาและได้สะสมบุญด้วยการทำความดี เขาไม่ได้เข้าร่วมการเทศนาของวังเมฆม่วง และไม่มีการกล่าวถึงเขาในช่วงสงครามจอมเวท-ปีศาจ บัดนี้ ทะเลทักษิณอยู่ภายใต้บัญชาของจอมปราชญ์เพื่อล้างบาปผู้คน ไร้สันติสุขในสวรรค์ยันปฐพีที่ไร้เที่ยง มีเพียงเมตตาที่แท้จริงในสำนักเทพทะเล!”
เมื่ออ่านจบ บรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานก็หัวเราะคิกคักกัน และหนึ่งในนั้นก็อดจะหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้
“เขาไม่ได้ไปฟังเทศนาที่วังเมฆม่วง ไฉนเขาจึงดูลึกลับเช่นนี้?”
หวงหลงเจินเหรินกล่าวอย่างจริงจังว่า “ทุกคนอย่าสงสัยให้มากนัก เรื่องนี้สำคัญมาก นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้ทุกคนไปเยี่ยมเยือนตามย่านต่างๆ ภูเขาที่มีชื่อเสียง และเคหาสน์ถ้ำรอบ ๆ ภูเขาคุนหลุน ภายในรัศมีหนึ่งแสนลี้ แล้วเผยแพร่บทกวีนี้ออกไป … ”
“ศิษย์พี่ พวกเราจะ… แยกย้ายกันไปดีหรือไม่?”
“พวกเจ้าทุกคน คิดถึงวิธีหนึ่งสิ” หวงหลงเจินเหรินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าไปสนทนากับสหายเต๋าที่พวกเจ้าคุ้นเคย แล้วเอ่ยถึงเรื่องนี้ แล้วค่อยชักนำเรื่องนี้เข้าพูดคุยอย่างกันเองได้”
บรรดาเซียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า
“เช่นนั้น ขอรบกวนด้วย ลำบากพวกเจ้าแล้ว เหล่าสหายร่วมสำนัก”
………………………………………………………………..
[1]ตามตำนานว่ากันว่า ทรงเป็นหนึ่งในศิษย์ของหยวนสือเทียนจุนหรือองค์เง็กเซียน และเป็นเทพฝ่ายพระเจ้าซางโจ้ว ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซาง และถือว่าเจียงจื่อหยาเป็นศัตรู (เจียงจื่อหยาเป็นเทพฝ่ายพระเจ้าโจวอู่ ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์โจว) และในท้ายที่สุด เซินกงเป้าทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพแห่งทะเลบูรพา