ตอนที่ 314 เทพจันทราน้อยแห่งสำนักตู้เซียน (สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน) (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 314 เทพจันทราน้อยแห่งสำนักตู้เซียน (สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน) (2)

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ทุกสิ่งในโลกล้วนมีวิถีของตัวเอง มนุษย์และเซียนก็เฉกเช่นกัน คำถามของหลิงลี่นั้น ดูภายนอกผิวเผินแล้วก็ดูเหมือนเป็นเรื่องน่าขัน แต่ความจริงแล้ว ก็มีเหตุผลหนึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลัง นานมาแล้ว ยุคบรรพกาลได้ผ่านไปแล้วเนิ่นนานตั้งแต่สมัยโบราณกาล ในยามนี้ ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์อยู่ในความดูแลแห่งเต๋า มีผู้คนมากมายที่ชอบการย่าง ทอดอาหาร นี่คือวิถีแห่งรสชาติ ทุกวันนี้ สัตว์วิญญาณที่เราสามารถซื้อในเมืองได้ทั่วไปโดยตรงนั้น ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าสัตว์ป่าวิญญาณที่อยู่ภายนอก ความจริงแล้ว ผู้ฝึกบำเพ็ญได้เลือกพวกมันมานานเพื่อบำรุงเลี้ยงและปรับปรุงรสชาติของพวกมันให้เหมาะสม ส่วนสัตว์วิญญาณที่ไม่ได้ถูกคัดเลือกมาเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่มักมีรสชาติแย่กว่าสัตว์วิญญาณที่ได้รับเลือกให้สืบทอดโดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแสวงหาความแปลกใหม่ คนโบราณได้คัดเลือกให้เรามาก่อนแล้ว นี่คือ เต๋า เต๋าซ่อนอยู่ในโลก ในชาม ในตะเกียบ และในฝุ่นผง… เท่านั้นพอ ไม่พูดแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้ให้มากไปเลย ช่างเถิด ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว” มันยังเกินกว่าที่ขอบเขตของเจ้าจะเข้าใจได้

“ว้าว…”

สงหลิงลี่ใช้สองมือใหญ่เท้าคางเพื่อรองรับใบหน้าเล็ก ๆ ของนางขณะที่ดวงตาของนางฉายแววที่เปี่ยมไปด้วยความ เลื่อมใสยิ่งนัก

ในขณะที่หลิงเอ๋อร์อ้าปากเล็กน้อยเมื่อมองดูศิษย์พี่ของนางอย่างหลงใหล…

นางชื่นชอบที่ศิษย์พี่พูดคุยเกี่ยวกับตรรกะและเต๋าได้ทุกเรื่อง!

แน่นอนว่า ไม่อาจพูดเรื่องนี้ได้ตรงๆ

เมื่อถึงยามค่ำคืน ดวงจันทร์สาดแสงสว่างจ้า ดวงดาวกระจายตัวบางเบาทั่วแผ่นฟ้า ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขอให้สงหลิงลี่นำสัตว์วิญญาณมาและอธิบายคู่มือลับของ ‘การเลี้ยงดูสัตว์วิญญาณ’ ทันที เขาได้ช่วยเปิดระดับใหม่ของการทำอาหารแห่งโลกบรรพกาลให้กับหลิงเอ๋อร์และสงหลิงลี่

ขณะที่พวกเขากำลังเพลิดเพลินกับอาหาร ร่างสูงห้าฉื่อก็ขี่เมฆมาถึงด้านนอกของยอดเขาหยกน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่รอบๆ เขาก็หลบเข้าไปในค่ายกลแยกตัวแห่งยอดเขาหยกน้อยที่ได้รับการเพิ่มระดับขึ้นอย่างลับๆ และลงมาที่ริมทะเลสาบ เอ่อ?

จิ่วอูตกตะลึงเมื่อเห็นหลี่ฉางโซ่ว หลิงเอ๋อร์และสงหลิงลี่กำลังทานอาหารกันอย่างมีความสุข

“ยากนักที่ฉางโซ่วจะไม่ได้อยู่ในหอโอสถ”

นักพรตเต๋าร่างเตี้ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขี่เมฆลงไปที่นั่น

คราวนี้ เขาสัญญากับผู้อาวุโสอย่างโอ้อวดว่า เขาจะจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน!

หลี่ฉางโซ่วเห็นจิ่วอูมีท่าทีลังเลใจบางอย่าง จึงกล่าวกับหลิงเอ๋อร์และสงหลิงลี่สองสามคำ จากนั้นก็ต้อนรับท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูของพวกเขา

ทันทีที่พวกเขาพบปะกัน หลี่ฉางโซ่วก็สังเกตเห็นความยุ่งยากใจแปลกๆ เล็กน้อยจากสายตาที่หลบเลี่ยงไปของอาจารย์ลุงจิ่วอู

“ท่านอาจารย์ลุง มีเรื่องใดเกิดขึ้นระหว่างท่านปรมาจารย์ลุงใหญ่หว่างฉิงและปรมาจารย์ใหญ่ของข้าหรือไม่?”

“ไม่ ไม่มี” จิ่วอูรีบส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์หลานผู้นี้…

หากเขากล่าวออกมาตรงๆ ก็ย่อมง่ายกว่าที่จะทำให้หลี่ฉางโซ่วช่วยจัดเตรียมการต่างๆ ให้เขา

จิ่วอู่มองไปรอบ ๆ และกล่าวเสียงเบาว่า “ฉางโซ่ว ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ เจ้าหยุดส่งโอสถปรารถนาให้กับหอไป่ฝานไปหรือไม่?”

“ใช่ ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ยามนี้ ข้ากำลังเตรียมการรับทัณฑ์สวรรค์ จึงไม่มีเวลาพอที่จะหลอมโอสถได้ นอกจากนี้ ผู้อาวุโสที่ดูแลกิจการภายนอกก็กล่าวว่า ไม่มีผู้อาวุโสหรือผู้บริหารคนใดไปขอแลกโอสถปรารถนาที่หอไป่ฝานมาเป็นเวลากว่าสองเดือนแล้ว ข้าจึงหยุดจัดเตรียมให้พวกเขา หากว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว ก็น่าจะยังมีโอสถปรารถนาสำรองอยู่ในหอไป่ฝานนะขอรับ”

“เอ่อ…” จิ่วอู่ค่อยๆ คลี่ยิ้มและกล่าวเบาๆ ว่า “จริงๆ แล้ว ยังมีผู้อาวุโสอีกหลายคนที่ต้องการโอสถปรารถนา ทว่าเป็นเพียงเพราะ… พวกเขาห่วงใบหน้า… เจ้าก็รู้น่า”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “ท่านอาจารย์ลุง ท่านมาที่นี่เพื่อโอสถปรารถนาหรือขอรับ?”

“ใช่” จิ่วอู่พยักหน้าพลางยิ้ม “หนึ่งในผู้อาวุโสของเรามีสหายผู้หนึ่ง…”

“นี่” หลี่ฉางโซ่วหยิบขวดหยกออกมาแล้วถอนหายใจ “นี่คือ โอสถปรารถนาหม้อสุดท้ายแล้ว มีทั้งหมดสามสิบขวด ท่านลุงต้องแจกจ่ายอย่างระมัดระวัง”

จิ่วอู่ฉีกยิ้มเบิกบานทันที เขาหยิบขวดหยกขึ้นมา และหยิบถุงเก็บสมบัติสองใบในแขนเสื้อของเขาออกมา

“นี่คือ ของขวัญขอบคุณจากผู้อาวุโสคนนั้น ครั้งนี้ ลุงจะไม่ขอปันส่วนไว้…เอ๋? ช้าก่อน หม้อสุดท้ายหรือ? ศิษย์หลานเอ๋ย เจ้าจะไม่หลอมโอสถปรารถนาอีกในภายหน้าหรือ?”

“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ก่อนหน้านี้ ข้าเคยพูดไปแล้วสองสามครั้งว่า จะไม่หลอมโอสถปรารถนาอีกต่อไป แต่เพราะคำว่าน้ำใจมนุษย์ ทำให้ทุกครั้ง ข้ามักจะมีปัญหา หนักใจอยู่เสมอเมื่อพวกเขาขอความช่วยเหลือเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุด ข้าก็จะไม่หลอมโอสถไร้ประโยชน์เหล่านี้ก่อนที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์”

จิ่วอู่เริ่มมีสีหน้าจริงจังเมื่อได้ยินเช่นนั้น และกล่าวว่า “เป็นข้าผิดเอง เอาเป็นว่า เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไป ข้าจะไม่ทำเรื่องอะไรเช่นนั้นอีกแล้ว!”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าพลางรอยยิ้มแล้วคลายกังวลเล็กน้อยในใจนั้นออกไป

เรื่องการครองคู่ขัดกับหลักการของตัวเขาเอง เช่นเดียวกับที่เขาสอนหลิงเอ๋อร์ ความจริงแล้วมันเป็นกรรมค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

หากโอสถปรารถนาคือ การช่วยเหลือเซียนชราเหล่านั้นให้ปลดปล่อยความเป็นชายตามความปรารถนาของพวกเขาได้ ช่วยฟื้นฟูความมั่นใจ และพบความรักใหม่อีกครั้ง ก็ย่อมจะเป็นกรรมดีและส่งผลบุญให้อย่างแน่นอน

ถึงไม่มีบุญคุณ แต่ก็ยังได้รับน้ำใจช่วยเหลือจากคนมาก มาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อโอสถปรารถนาถูกเปิดเผยออกมา ก็คงจะเป็นเรื่องไม่ดีนัก หากมันถูกนำไปใช้ในเรื่องต่าง ๆ ที่ผิดทาง เช่น เพื่อ “ฉกฉวย” เอาเปรียบเหล่าเซียนสตรี และบีบบังคับเหล่าเซียนบุรุษอย่างลับๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลร้ายได้

บัดนี้ เขาก็ใช้ข้ออ้างในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เพื่อล้มเลิกการหลอมโอสถนี้ลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะไม่ทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองใจ…

เมื่อส่งจิ่วอู่จากไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ล่องลอยไปทางหอโอสถขณะที่ส่งเสียงร้องเพลงเบาๆ ซึ่งเป็นเพลงที่หลิงเอ๋อร์มักเล่นบ่อยๆ

“นับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญเต็มรูปแบบ ข้าจะฝึกบำเพ็ญ หลอมโอสถ และฝึกฝนอย่างหนักเพื่อคงชีพอยู่ยืนยาวตลอดไป ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะใส่ใจต้นไม้วิญญาณและถั่วเซียน ข้ามียอดเขาหยกน้อย มุ่งมั่นสู่ศาลสวรรค์และบุปผาบานยามวสันต์อุ่น[1]” ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่ต้องเป็น เทพจันทราน้อยแห่งสำนักตู้เซียนอีกต่อไปแล้ว

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบา ๆ และนั่งสมาธิอยู่หน้าเตาหลอมโอสถเพื่อเตรียมหลอมโอสถ “พิเศษ” ให้ที่หลิงเอ๋อร์เอาไว้ใช้เมื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ แล้วจู่ๆ เขาก็ใจสั่นขึ้นมาในทันใด

มีแขกมาเยือนวิหารเทพทะเล

จากนั้น เขาก็ปล่อยเจตจำนงวิญญาณของเขาไปที่รูปปั้นของวิหารแห่งหนึ่ง และมองเห็นด้านหลังของคนที่คุ้นเคยในทันที…

เป็นแม่ทัพตงมู่ หลี่ฉางโซ่วระบุกลิ่นอายลมปราณของแม่ทัพตงมู่อย่างระมัดระวัง เขาใส่ใจในการเปรียบเทียบรายละเอียด เมื่อยืนยันได้แน่ชัดแล้วว่า เป็นแม่ทัพตงมู่ เขาจึงเปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ใต้ดินและปรากฏกายขึ้นในรูปลักษณ์ของเซียนชราที่ดูใจดี จากนั้นก็กล่าวทักทายกันและกันสองสามคำกับแม่ทัพตงมู่

คราวนี้ แม่ทัพตงมู่ไม่ได้นั่งดื่มชา แต่ดึงหลี่ฉางโซ่วไปที่มุมหนึ่งของห้องแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ…

ไฉนถึงรู้สึกราวกับว่า วันนี้ แม่ทัพตงมู่ เซียนกระบี่ฉุนหยางจู่ซือในอนาคต หลี่ว์ต้งปิน[2]จะ… ผิดปกติไปเล็กน้อย?

“เทพแห่งท้องทะเล ลองเดาสิว่า คราวนี้ ข้าเอาอะไรมาให้เจ้าบ้าง?”

พระราชโองการแต่งตั้งข้าเป็นเทพผู้ชอบธรรมอย่างเป็นทางการใช่หรือไม่?

ไม่ถูกต้อง หากเป็นการแต่งตั้งเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นการประกาศราชโองการอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมเพิ่มพรด้วยแสงเซียน และวงดนตรี!

นี่เป็นโอกาสอันดีในการแสดงพลังยิ่งใหญ่แห่งศาลสวรรค์ ข้าไม่อาจปล่อยให้สูญเปล่าไปเช่นนี้ได้

แล้วมีอะไรอีกบ้าง?

เป็นไปได้หรือไม่ว่า…

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “หรือว่าจะเป็นสมบัติที่สามารถสร้างร่างเต๋าใหม่ได้?”

“ไม่ ไม่ใช่” แม่ทัพตงมู่ส่ายศีรษะเบา ๆ และกล่าวว่า “สมบัติเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ได้มีค่ามากนัก แต่หายากมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีผู้ใดรวบรวมพวกมันไว้เป็นพิเศษ จึงทำให้หาได้ยากยิ่ง เทพแห่งท้องทะเล คราวก่อนนี้ ท่านไม่ได้ถามว่า ศาลสวรรค์มีโอสถทิพย์ที่ให้ผลเช่นเดียวกับต้นเซียงซือหรอกหรือ?

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

“ใช่…”

“เหอะๆ ให้ข้าเผยสมบัติเล็กๆ น้อยๆ ให้ท่านดูดีหรือไม่!”

แม่ทัพตงมู่จับแขนเสื้อกว้างและหยิบกระถางต้นไม้ที่หลี่ฉางโซวคุ้นเคยออกมา แต่มันเป็นกระถางที่มีขนาดเล็กกว่ามาก…

บุญแห่งเต๋าสวรรค์ที่อุดมไปด้วยอักขระเต๋าลึกลับนี้…

นี่ไม่ใช่!

ในความฝันที่เขามีนั้น เมื่อเขาพบเทพเฒ่าจันทรา สหายเฒ่าของเขาเป็นครั้งแรก เทพเฒ่าจันทราใช้ต้นเซียงซือมาทิ่มเขา!

ขณะที่หลี่ฉางโซ่วยังคงมึนงง แม่ทัพตงมู่ก็ยัดต้นไม้สมบัติขนาดเล็กนี้เอาไว้ในมือของหลี่ฉางโซ่วแล้วแย้มยิ้มให้

จากนั้นแม่ทัพตงมู่ก็กล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทได้ยินคำขอของเทพแห่งท้องทะเล ก็ทรงโบกหัตถ์แล้วตรัสว่า ‘ข้าจะให้ต้นไม้บุญแก่ฉางเกิง เจ้านำไปส่งโดยตรงได้เลย เนื่องจากต้นไม้สมบัตินี้ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมมาก่อน ข้าจึงเก็บมันเอาไว้ไม่ให้สหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเลรู้ก่อน มาวันนี้ ในที่สุด ข้าก็ทำสำเร็จใน ข้าเอามันมาจากเทพเฒ่าจันทราในชั่วข้ามคืนและมาส่งมอบให้สหายเต๋าที่นี่!”

แม่ทัพตงมู่ตบแขนของหลี่ฉางโซ่วขณะกล่าวต่อว่า “สหายเต๋า นี่คือสมบัติแห่งเต๋าสวรรค์ ซึ่งเป็นสมบัติวิญญาณแสวงบุญโฮ่วเทียน และยิ่งกว่านั้นคือ เป็นของพระราชทานจากฝ่าบาท!”

หลี่ฉางโซ่วตะลึงงันทันที

“ข้า!”

“หือ?”

“ขอบคุณท่าน” หลี่ฉางโซ่วถือต้นกระถินน้อยต้นนี้ซึ่งเต็มไปด้วยบุญและเผยยิ้มซาบซึ้งใจในขณะที่กัดฟันกล่าวว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา! ขอบคุณท่านที่นำมาให้ที่นี่!”

แม่ทัพตงมู่ยิ้มเบิกบานพลางกล่าวว่า “เช่นนั้น ข้าก็จะกลับแล้ว สมบัติชิ้นนี้… ใช้ให้ดี ใช้ให้เหมาะ”

………………………………………………………………..

[1] หมายถึงสภาพบรรยากาศที่งดงาม ทุกอย่างสวยสดงดงามหรือใช้เปรียบเทียบเหตุการณ์มงคลที่เกิดขึ้นในโอกาสที่เหมาะสม

[2] หนึ่งในโป๊ยเซียนหรือแปดเซียน (ปาเซียน) โดยเป็นเซียนลำดับที่สาม ได้รับการขนานนามเป็น ฉุนหยางจู่ซือ ท่านสะพายกระบี่วิเศษซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนตัว ว่ากันว่า กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่ฤทธิ์แกร่งกล้า สามารถกำราบมารร้ายขับไล่ปีศาจ ได้รับการนับถือว่าเป็นเซียนแห่งธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม ปัญญาชน กวี และบางที่ก็ยังว่าเป็นเซียนแห่งการรักษาโรคอีกด้วย