บทที่ 428 จุดจบของลู่หัว
บทที่ 428 จุดจบของลู่หัว
“ท่านพ่อ…”
ครั้นเห็นใบหน้าที่ซูบผอมของลู่หัว นายท่านลู่ถึงกับเสียใจอย่างมาก “หลายวันมานี้คนที่พ่อต้องไปหาก็ไปหามาแล้ว ถึงขนาดคุกเข่าอยู่หน้าวังทั้งวัน แต่ก็จนปัญญาเพราะฝ่าบาททรงไม่ยอมให้ข้าเข้าเฝ้า…”
ในใจของลู่หัวค่อย ๆ หม่นหมองลง กระทั่งได้ยินนายท่านลู่ถามขึ้น “อาหัว เจ้าพูดความจริงกับพ่อสิ เรื่องของเหมิงฉิง เจ้ามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่?”
ลู่หัวส่ายหน้าทันควัน “ท่านพ่อเชื่อข้าเถิดขอรับ ข้าไม่รู้เรื่องที่ท่านอ๋องก่อการกบฏ!”
ดวงตาที่บ่งบอกถึงอายุของนายท่านลู่คู่นั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงฉาน กระทั่งเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ยังจะเรียกท่านอ๋องอะไรอีก ตอนนี้เหมิงฉิงถูกลดฐานะเป็นเพียงบ่าว รอเพียงเวลาตัดหัวเสียบประจานเท่านั้น! หัวเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ฝ่าบาทก็ไม่มีเหตุผลใดจะต้องลงโทษเจ้า ขอแค่พ่อได้เข้าพบฝ่าบาท จะต้องหาทางพาเจ้าออกมาให้จงได้!”
ทันทีที่ลู่หัวได้ยินเหมิงฉิงจะถูกตัดหัว ความกลัวและความอ้างว้างได้ก่อเกิดขึ้นเต็มหัวใจ มือทั้งสองข้างเริ่มสั่นระริก ก่อนจะพูดทั้งน้ำตาว่า “ท่านพ่อช่วยข้าด้วยขอรับ ท่านพ่อช่วยข้าด้วยขอรับ!”
นายท่านลู่เฝ้ามองลูกชายเติบโต ย่อมฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เขา
ลู่หัวเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขา เฉลียวฉลาดคล่องแคล่วมาตั้งแต่เด็ก และโดดเด่นกว่าบรรดาเยาวชนผู้มีพรสวรรค์ในเมืองหลวง ตอนนี้เขาอายุมากแล้ว จะให้ทนรับความเจ็บปวดที่คนผมขาวส่งต่อให้คนผมดำได้อย่างไร?
ชายชราไม่ได้สนใจน้ำตาที่หลั่งริน แค่เอ่ยเสียงทุ้มต่ำกับลู่หัวเท่านั้น “ตอนนี้ มีแค่วิธีเดียวคือการเข้าพบฝ่าบาท พ่อจึงไปขอร้องตู้เหิง หัวเอ๋อร์ ได้ยินน้องเจ้าบอกว่า ช่วงนี้เจ้ากับนางสนิทกัน จริงหรือ? เพราะเหตุใด”
ครั้นได้ยินคำสองพยางค์นี้ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นก็หยุดชะงักลงด้วยความตื่นตกใจ “ตู้เหิง? นางเข้าวังมาได้อย่างไรขอรับ?”
พ่อลู่ปรายตาขึ้น แล้วพูดว่า “คดีความขององค์ชายรอง ฝ่าบาททรงระลึกถึงกุ้ยเฟย จึงถามหญิงชราคนเก่าข้างกายกุ้ยเฟย จนได้รู้ว่าเมื่อครั้งอดีตผู้ที่เหนียงเหนียงทรงโปรดปรานมาที่สุดคือหลานสาวของตระกูลฝ่ายมารดาคนนี้ ตอนนี้ฝ่าบาทไม่เพียงแต่คืนสถานะของการเป็นบุตรีแห่งจวนตู้แก่นางแล้ว ยังแต่งตั้งให้เป็นจวิ้นจู่[1]…”
นัยน์ตาทั้งสองข้างของลู่หัวเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ ความปรารถนาที่วิงวอนมาตลอดทำให้เขาต้องคว้ามือของบิดาข้างหนึ่ง แล้วบีบกระดูกใต้ผิวหนังของชายชราจนรู้สึกเจ็บ “จริงหรือขอรับ?! ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ๆ ท่านพ่อรีบไปหาอาเหิงเถอะขอรับ นางต้องช่วยข้าแน่ นางต้องหาทางพาท่านพ่อเข้าวังอย่างแน่นอน!”
คาดไม่ถึงว่านายท่านลู่กลับเงียบลงเสียอย่างนั้น
ลู่หัวที่รออยู่นานกลับไม่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของผู้เป็นพ่อ จึงพึมพำอีกครั้ง “ท่านพ่อไปหานาง นางไม่มีทางไม่สนใจแน่ขอรับ นางไม่มีทางไม่สนใจลูก…”
กลับเห็นนายท่านลู่ส่ายหน้า แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำว่า “น้องสาวของเจ้าไปขอร้องนางถึงจวนสามวันสามคืน เมื่อวานก็เพิ่งคุกเข่าทั้งวัน ทว่าถูกโยนออกจากจวน ตู้เหิงไม่แยแสแต่อย่างใด”
ลู่หัวตื่นตกใจ กระทั่งปล่อยมือของผู้เป็นพ่ออย่างอดไม่ได้
เขาพึมพำ “เป็นไปไม่ได้ขอรับ อาเหิงชมชอบข้า …เมื่อสองสามวันก่อนข้ายังพูดกับนางอยู่เลย ว่าต่อไปข้าจะดูแลนาง นางก็ตอบรับจะ…”
เหมิงฉิงถูกขังอยู่ในวังเป็นวันที่สองแล้ว ตู้เหิงจึงได้ส่งคนไปหาลู่หัว
นางสูญเสียผู้ถือหางอย่างเหมิงฉิงไปแล้ว จึงลองหยั่งเชิงฝั่งของลู่หัว
คาดไม่ถึงว่า ลู่หัวจะรู้เรื่องที่นางร่วมมือขุดเหมืองแร่เหล็กกับเหมิงฉิง
ด้วยความจนปัญญา ตู้เหิงจึงทำได้เพียงแค่รักษาลู่เหิงไว้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร นางก็แค่ตอบรับ
ทว่าตอนนี้คนที่อยากให้ลู่หัวตายอยู่ในคุกก็คือตู้เหิง แล้วนางจะช่วยออกหน้าให้เขาได้อย่างไร?
นายท่านลู่ได้ยินคำพูดของลูกชาย ก็อดเอ่ยด้วยความเกลียดชังไม่ได้ “นังอสรพิษผู้นี้! ยามที่นางโยนความผิดทั้งหมดให้น้องสาวต่างมารดาในวันนั้น ข้าถึงได้รู้ว่านางมีจิตใจอำมหิตและเลือดเย็นมากเพียงใด! ในเมื่อจะมั่นคงกับเจ้าไปตลอดชีวิต เหตุใดถึงทนเห็นเจ้าติดคุกได้ เหตุใดถึงทนเห็นน้องสาวของเจ้าคุกเข่าอยู่หน้าเรือนของนางจนเป็นลมได้เล่า?”
กระทั่งลู่หัวได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อ หัวใจดวงนั้นตกฮวบลงอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับกำลังตกอยู่ในหุบเหวลึก หล่นลงสู่บึงน้ำที่เย็นยะเยือก และถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งที่เย็นลึกเข้ากระดูก
ริมฝีปากของเขาสั่นระริก พลางเอ่ยถามบิดาว่า “นางไร้หัวใจจริง ๆ หรือขอรับ?”
นายท่านลู่ส่ายหน้า แล้วปลอบโยนลู่หัวว่า “ต่อให้ใจดำเพียงใด ก็เป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง พ่อจะคิดหาทางให้จงได้ จะบีบบังคับก็ดี จะหลอกล่อก็ดี ถึงอย่างไรก็ต้องให้นางพาพ่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทให้ได้!”
ลู่หัวตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ก่อนจะพูดกับพ่อลู่ว่า “ท่านพ่อ ลูกมีหนทางขอรับ…ขอแค่ท่านพ่อยอมทำ จะต้องช่วยลูกออกไปได้อย่างแน่นอน!”
เขากระซิบบางอย่างข้างหูของผู้เป็นบิดาด้วยเสียงเบา ไม่นานดวงตาของชายชราก็เปล่งประกายฉับพลัน
หลังจากออกคำสั่งให้ผู้คุมขังนำอาหารดี ๆ และผ้าห่มสะอาดมาให้ลู่หัวแล้ว เขาก็รีบออกจากคุกไปทันที
เรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำในตอนนี้ คือต้องพาลูกชายออกจากคุกให้จงได้! สิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนั้น หัวเอ๋อร์ของเขาจะทนไหวได้อย่างไร?
เหมิงฉิงถูกกักขังอยู่ในวัง ผ่านไปไม่กี่วันเจียงหนิงก็นำหลักฐานที่แอบติดต่อกับศัตรูกลับมาจากซีเป่ย หัวใจของเหยาซูสงบนิ่งลงในที่สุด
นางตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากการแกล้งป่วยเป็นครั้งแรก จากนั้นก็เก็บของอย่างง่าย ๆ แล้วนั่งรถตรงไปยังจวนเซี่ย
ประตูจวนเซี่ยมีเด็กรับใช้มาเฝ้าอยู่นานแล้ว ครั้นเห็นรถม้าคันหนึ่งเคลื่อนตัวตั้งแต่ไกล ๆ รอยยิ้มหนึ่งบนใบหน้าเกิดขึ้นโดยพลัน
หลังจากที่คนรับใช้ที่เฝ้าประตูมองอย่างละเอียดแล้ว นั่นมันรถม้าของเหยาซูไม่ใช่หรือ!
ไม่ทันรอให้เขาได้ลั่นถาม เด็กรับใช้คนนั้นก็รุดหน้าเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มทันที
“ฮูหยินหลินขอรับ! พ่อบ้านหมิงส่งข้าน้อยมารอท่านที่นี่ บอกว่าถ้าเห็นท่านแล้ว ให้พาท่านไปยังจวนหน้าทันทีขอรับ!”
เหยาซูประหลาดใจ แต่กลับไม่ได้ถามสิ่งใดมากนัก นอกจากพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย แล้วตามเด็กรับใช้ไปยังจวนหน้าทันที
นั่นคือลานเล็กที่หลินเหราเคยพาอาจื้อมาอยู่ก่อนหน้านั้น ครั้นเหยาซูมองไปรอบ ๆ ทิวทัศน์ที่ค่อนข้างคุ้นเคย ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
ก่อนที่นางจะเข้ามาอยู่ในเมือง ช่วงนั้นเข้าสู่ฤดูวสันต์พอดี ทิวทัศน์ล้วนเต็มไปด้วยบุปผาส่งกลิ่นหอมนกขานร้องไปทั่วบริเวณ ตอนนี้เพิ่งผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นไปได้ไม่ถึงหนึ่งปี ดอกไม้ใบหญ้าที่แข่งกันออกดอกกันแน่นขนัดเหล่านั้นได้กลับเข้าสู่ความเงียบเหงาอีกครั้ง
ต้นไม้สูงเสียดฟ้าในลานบ้านไม่ได้เขียวขจีเหมือนแต่ก่อนแล้ว ใบไม้ที่ร่วงโรยพากันเหี่ยวเฉากันเกือบหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความเหลืองอร่ามเต็มพื้นดิน
เด็กรับใช้เห็นนางดูเหมือนจะมีสีหน้ากลัดกลุ้มใจ ในใจจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป รู้สึกว่าฮูหยินหลินเทพธิดาที่งดงามผู้นี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรมีสีหน้าเช่นนี้
เขาพยายามจะสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หลายวันนี้คุณชายหลินกลับมาจากซีเป่ยโดยเร็วที่สุด กลับมาแสดงความเคารพต่ออาวุโสก่อนเป็นอันดับแรก จะได้ไม่ถูกครหาว่าอกตัญญูต่อนายท่าน คุณชายหลินองอาจห้าวหาญ เก่งเรื่องการรบ กล้าได้กล้าเสียต่อคนภายนอก แต่อบอุ่นต่อคนภายใน ทั้งยังมีความเคารพต่ออาวุโสอย่างสูง…”
เด็กรับใช้ชื่นชมหลินเหราไม่ขาดปาก กระทั่งเสริมอีกว่า “แต่คุณชายหลินควบม้ากลับมาตลอดทาง คงจะเหนื่อยมาก เมื่อครู่เลยเข้าไปพักในลานบ้านก่อน ฮูหยินคงจะรีบมาทันทีหลังได้ยินข่าว ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายและฮูหยินแน่นแฟ้น พาให้คนรอบข้างอิจฉาไปตาม ๆ กันเชียวขอรับ!”
ตอนนี้เหมิงฉิงกำลังวุ่นอยู่กับการตามหาคน จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่น เซี่ยเชียนจึงไม่ได้ปิดบังที่อยู่ของหลินเหราอีกต่อไป
เหยาซูรู้ว่าเด็กรับใช้หวังดี อยากพูดบางอย่างปลอบใจตัวเอง จึงได้ส่งยิ้มให้เขา แล้วพูดว่า “ขอบใจเจ้ามาก”
บางทีอาจเพราะตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นางเบนความสนใจทั้งหมดไปยังหลินเหรา หลายวันนี้จึงดูซูบเซียวลงมาก ใบหน้าที่เดิมทีอวบอิ่มก็ซูบผอมลงไม่น้อย คางก็แหลมขึ้น ทำให้คนที่เห็นเกิดความรู้สึกอยากปกป้องขึ้นมา
แต่กลิ่นอายของเหยาซูค่อนข้างอบอุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยยิ้มที่อบอุ่นนั้น เป็นความอบอุ่นที่อธิบายไม่ได้ท่ามกลางฤดูสารทอันเงียบเหงา
เด็กรับใช้หน้าแดงระเรื่อทันใด ปากที่เดิมทีสามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่ว บัดนี้กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว แค่รีบนำทางเหยาซูเข้ามาในห้องเท่านั้น
ข้าวของเครื่องใช้ในห้องถูกจัดวางอย่างเรียบง่ายเฉกเช่นเมื่อก่อน บางครั้งก็เห็นเจ้าเด็กน้อยอย่างอาจื้ออยู่ในห้องนี้ เด็กรับใช้จึงเอ่ยกับเหยาซูด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “บางทีคุณชายหลินอาจจะอยากพักผ่อน ฮูหยินเข้าไปเถิดขอรับ ข้าน้อยขอตัว”
เหยาซูพยักหน้า แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตามสบาย”
หลังจากที่เด็กรับใช้ถอยออกไปแล้ว เหยาซูก็เข้าไปในห้อง
บางทีเพื่อกระจายกลิ่นยา หน้าต่างในห้องจึงถูกเปิดออกครึ่งหนึ่ง สายลมในฤดูสารทอันเย็นสบายจึงพัดโชยเข้ามา
เหยาซูมองไปทางชายหนุ่มที่กำลังพักสายตาอยู่บนเตียงด้วยหัวใจที่นิ่งสงบ ก่อนจะรุดหน้าเข้าไปปิดหน้าต่างบานนั้นอย่างเบามือ
‘เอี๊ยด’ เสียงหน้าต่างไม้ดังขึ้นหนึ่งเสียง กักขังสายลมในฤดูสารทและสีสันในสวนอยู่ในห้องขนาดเล็กแห่งนี้
เหยาซูเพิ่งจะปล่อยมือได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงอันแหบพร่าของหลินเหราดังขึ้นด้านหลัง “อาซู”
หญิงสาวหันขวับไป กระทั่งเห็นชายหนุ่มที่ยังนอนอยู่ ดวงตาเบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว อีกฝ่ายก็กำลังมองนางเช่นกัน
เหยซูรีบรุดขึ้นหน้า นั่งลงข้างเตียงของเขา
นางเอ่ยถามเบา ๆ “ตื่นแล้วหรือ?”
ชายหนุ่มจับจ้องเหยาซู โดยไม่พูดสิ่งใด
…………………………………………………………………………………………………..
[1] จวิ้นจู่ 郡主 ตำแหน่งองค์หญิงหรือท่านหญิง ขึ้นอยู่กับการสืบสายเลือดทางบิดากับจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน
สารจากผู้แปล
มาดูกันค่ะว่าลู่หัวจะใช้กำลังเฮือกสุดท้ายลากนังตู้จมโคลนไปด้วยกันได้หรือไม่
พี่เหราฟื้นเสียที ดีใจจริง ๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)