ตอนที่ 466 เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับร้านค้า

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 466 เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับร้านค้า

หลังออกจากถนนฮั่นเจิ้ง หลินม่ายก็ปั่นจักรยานไปที่สำนักงานเขต

เมื่อวานนี้เธอเพิ่งจะไปส่งของขวัญให้ผอ.เขตเอง วันนี้เธอกลับมาขอความช่วยเหลือจากเขาอีกแล้ว

หลินม่ายรู้สึกละอายใจเล็กน้อย มองยังไงก็ดูเหมือนเมื่อวานนี้เธอส่งของขวัญให้เขาเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง

ฟ้าดินเป็นพยานได้เลย เมื่อวานนี้เธอไม่ได้มีเจตนาอะไรแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว

ช่างเถอะ! ไม่ว่าผอ.เขตจะคิดอย่างไร เธอก็ยังต้องการเข้าพบเขาอยู่ดี

หลินม่ายตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานของผอ.เขตโอวหยาง

ผอ.เขตโอวหยางกำลังนั่งทำงานอยู่ เมื่อเห็นว่าแขกที่เข้ามาเป็นเธอ เขาก็แสร้งทำเป็นขึงขังราวกับโกรธ “สาวน้อยคนนี้สุภาพเกินไปแล้ว ไม่ว่าผมจะช่วยเหลือคุณยังไงก็ตาม ทั้งหมดล้วนเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรือส่งของขวัญมาให้ผมถึงบ้านด้วยซ้ำ”

หลินม่ายแสดงท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน “จริงด้วย จริงด้วยค่ะ ใช่ว่าข้าราชการคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนกันกับผอ.โอวหยางที่อุทิศตนเพื่อสาธารณประโยชน์เสมอ”

ผอ.เขตโอวหยางซึ่งชอบการถูกยกย่องอยู่แล้ว ยิ่งอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “สหายน้อยคนนี้ชมเชยกันเกินไปแล้ว”

จากนั้นก็ถามต่อ “คราวนี้คุณอยากให้ผมช่วยอะไรล่ะ?”

มุมปากหลินม่ายกระตุกทันที “ฉัน… ฉันเพิ่งจะส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้คุณถึงบ้านเมื่อวานนี้ วันนี้ฉันกลับมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากคุณซะแล้ว ฉันอดกลัวไม่ได้ว่าคุณอาจเข้าใจผิดว่าฉันส่งของขวัญไปให้เพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง”

ไม่ว่าผอ.เขตโอวหยางจะคิดหรือไม่ได้คิดว่าเธอมีแรงจูงใจซ่อนเร้นในการส่งของขวัญไปให้ก็ตาม ถึงอย่างไรเธอก็ต้องพูดให้ชัดเจน

หลังจากนั้นถึงผอ.เขตโอวหยางจะเชื่อหรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเขา

ผอ.เขตโอวหยางหัวเราะเสียงดัง “คุณนี่ระมัดระวังตัวเกินไปแล้ว ต่อให้คุณจะมีจุดประสงค์ในการส่งของขวัญมาให้ผมอย่างเมื่อวานนี้จริง ๆ ตราบใดที่ปัญหาของคุณอยู่ภายใต้ขอบเขตงานของผม ผมก็ช่วยแก้ปัญหาให้ได้อยู่แล้ว”

หลินม่ายเผยรอยยิ้มสดใส อธิบายจุดประสงค์ที่มาพบเขาในวันนี้

เธออยากซื้อที่ดินซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างหลายสิบหลังซึ่งอยู่ใกล้กับถนนฮั่นเจิ้ง และต้องการจัดการกับปัญหากองขยะด้านหลัง

ผอ.เขตโอวหยางถาม “คุณกำลังพูดถึงหมู่บ้านซั่งเฉวียนสินะ”

พอพูดถึงเรื่องหมู่บ้านซั่งเฉวียนขึ้นมา ผอ.เขตโอวหยางก็อดปวดหัวไม่ได้

ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นต่างก็มีฐานะยากจน ไม่มีเงินเพียงพอจะย้ายออกไป

บ้านพวกนั้นทรุดโทรมลงทุกวัน เขากังวลอยู่ตลอดว่าพวกมันอาจพังถล่มลงสักวันหนึ่งจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและล้มตาย ถึงตอนนั้นตำแหน่งผอ.เขตของเขาคงมีอันสั่นคลอนแน่

นอกจากนั้น ภูมิประเทศของหมู่บ้านซั่งเฉวียนยังอยู่ในที่ลุ่มต่ำ ไม่เหมาะกับสภาพอากาศของเจียงเฉิงที่มีฝนตกชุก

ทุกช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ชาวบ้านในหมู่บ้านซั่งเฉวียนต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมขัง

ในฐานะที่เป็นผอ.เขต เขาต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบอยู่บ่อยครั้งในทุกรอบที่มีภาวะฝนตกหนัก

ถึงอย่างนั้นการตรวจสอบก็ไม่มีประโยชน์เท่าไร เพราะปัญหาเกิดจากโครงสร้างพื้นฐานของเจียงเฉิงในปัจจุบัน

เขาจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับผู้อาศัยในหมู่บ้านซั่งเฉวียน แต่ไม่ใช่ในระยะยาว

ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ เขาต้องเผชิญเสียงก่นด่ามากมาย สร้างความปวดหัวให้ไม่น้อยเลย

เดิมทีบริเวณด้านหลังหมู่บ้านซั่งเฉวียนยังไม่มีกองขยะ แต่หลังจากเกิดการปฏิรูปและเปิดตัวถนนฮั่นเจิ้งในช่วงสองปีที่ผ่านมา บรรยากาศโดยรอบก็เริ่มคึกคักขึ้น

พ่อค้าแม่ค้าที่ไร้จิตสำนึกหลายรายต่างขนขยะจำนวนมากจากร้านค้าของตัวเองมาทิ้งหลังหมู่บ้านซั่งเฉวียน

นั่นก็เพราะสำนักสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมมีข้อกำหนดว่าถ้าปริมาณขยะมากเกินไปอาจมีการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม

เมื่อฤดูร้อนมาถึง ผอ.เขตโอวหยางอดกังวลไม่ได้ว่าขยะพวกนั้นอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านติดเชื้อ และเกิดโรคติดต่อตามมา

ตอนนี้พอได้ยินว่าหลินม่ายต้องการซื้อที่ดินผืนดังกล่าว ผอ.โอวหยางจึงกระตือรือร้นที่จะให้ความร่วมมืออย่างมาก

ปัญหาของหมู่บ้านซั่งเฉวียน ไม่สามารถแก้ไขได้โดยใช้ทรัพยากรทางการเงินของสำนักงานเขตแค่ทางเดียว

ตราบใดที่หลินม่ายอยากซื้อที่ดินผืนนั้น เขาจะรีบจัดทำโครงการโดยทันที ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้เสียทีก็จะหายไป เขาจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันอีก

หลินม่ายพยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ”

ผอ.เขตโอวหยางถาม “คุณมีโครงการจะสร้างอะไรบนที่ดินผืนนั้น?”

“จัดตั้งตลาดค้าส่งเสื้อผ้าขนาดย่อมค่ะ”

ผอ.เขตโอวหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง บอกว่า “เรื่องนี้จะได้ข้อสรุปก็ต่อเมื่อผ่านวาระการประชุมและหารือร่วมกันเท่านั้น อีกสองวันคุณค่อยมาฟังข่าวอีกรอบ”

หลินม่ายพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

ผอ.เขตโอวหยางยังขมวดคิ้วพร้อมกับเตือนเธอด้วยความหวังดี “ความจริงแล้วการจัดสรรที่ดินผืนนั้นให้คุณอาจไม่ใช่ปัญหา แต่คุณวางแผนจะเยียวยาผู้อาศัยเหล่านั้นยังไง? ถ้าคุณไม่สามารถหาที่พักอาศัยแห่งใหม่ให้พวกเขาได้ พวกเขาอาจปฏิเสธที่จะย้ายออก ต่อให้คุณซื้อที่ดินสำเร็จก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”

หลินม่ายอธิบายให้ผอ.เขตโอวหยางฟังเกี่ยวกับแผนในการย้ายที่อยู่อาศัย ทั้งยังบอกด้วยว่าเธอลงพื้นที่ไปเจรจากับผู้อาศัยเหล่านั้นด้วยตัวเองแล้ว

ผอ.เขตโอวหยางยิ้มออกทันที “แค่คุณสามารถหาบ้านหลังใหม่ทดแทนบ้านหลังเดิมที่ผุพังของพวกเขาได้ พวกเขาก็ยอมรับข้อเสนอโดยดีแล้ว”

ความหมายก็คือ หลินม่ายใจกว้างกับบรรดาผู้อาศัยในหมู่บ้านซั่งเฉวียนเกินไป

หลินม่ายได้แต่ยิ้มโดยไม่ตอบกลับอะไร

ชาติที่แล้ว ระยะแรกที่อุตสาหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เริ่มแพร่หลายในเจียงเฉิง การจ่ายค่าชดเชยสำหรับพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้านมีอัตราส่วน 1:1.5 หรือ 1:2 แถมยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ อีกเพียบ ยกตัวอย่างเช่น ค่ารื้อถอน

เธอแค่โยกผู้อาศัยในหมู่บ้านซั่งเฉวียนไปอยู่ในอาคารแห่งใหม่ที่มีพื้นที่ใช้สอยพอ ๆ กันเท่านั้น ตัวเธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายเอาเปรียบ

หลังจากสะสางเรื่องวุ่นวายทั้งหมดเสร็จ เวลาก็ดำเนินไปจนถึงเที่ยงวัน

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคุณย่าฟางและคนอื่น ๆ ต้องแขวนท้องรอจนกว่าเธอจะกลับไปที่วิลล่า หลินม่ายก็รู้สึกผิดขี้นมาอีกครั้ง

ทันทีที่ออกจากสำนักงานเขต เธอถีบจักรยานด้วยความเร็วมากกว่าปกติ พยายามไปถึงวิลล่าให้ตรงเวลา

พอเห็นว่าเธอเข็นจักรยานผ่านประตูรั้วเหล็กเข้ามาแล้ว คุณย่าฟางก็รีบวิ่งออกไปต้อนรับพร้อมกับอาหวง

ทักทายด้วยความรีบร้อน “ในที่สุดเธอก็กลับมาซะที!”

หลินม่ายจอดจักรยาน หยิบกุญแจออกมาไขประตูลานบ้าน ถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ?”

พอเห็นว่าเถาจืออวิ๋นเองก็วิ่งหน้าตั้งออกมาจากบ้านเหมือนกัน ก็ถามด้วยความประหลาดใจ “พี่เถา ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

คุณย่าฟางรีบพูด “เกิดเรื่องขึ้นที่โรงงานของเธอน่ะสิ เสี่ยวเถาก็เลยมาดักรอเธอถึงที่นี่”

หลินม่ายผลักประตูลานบ้านเข้าไป จากนั้นก็เข็นจักรยานพร้อมกับถามเสียงขรึม “เกิดอะไรขึ้น?”

สีหน้าท่าทางของเถาจืออวิ๋นในวันนี้ดูเคร่งเครียดมาก “ตอนนี้ลูกค้าจำนวนมากต่างไปสร้างปัญหาอยู่หน้าร้านของเราทุกสาขา เรียกร้องว่าจะใช้บัตรกำนัลภายในวันนี้ให้ได้”

หลินม่ายแปลกใจ “ทำไมลูกค้าพวกนั้นถึงอยากใช้บัตรกำนัลภายในวันนี้ล่ะ?”

ผู้ที่ได้รับบัตรกำนัลแทนเงินสดจะต้องซื้อเสื้อผ้าให้ถึงยอดขั้นต่ำที่กำหนดเท่านั้น โปรโมชั่นนี้จัดขึ้นเป็นเวลาสิบกว่าวันมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมมาจนถึงปัจจุบัน

ถึงอย่างนั้นบนบัตรก็ระบุเงื่อนไขไว้อย่างชัดเจน ว่าบัตรกำนัลมีอายุการใช้งานครึ่งเดือน ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน ถึงวันที่ 25 กันยายน

แต่วันที่ 10 กันยายนคือวันมะรืนนี้ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกค้าจะแห่มาใช้บัตรกำนัลกันทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงเวลา

ก่อนหน้านี้เคยมีลูกค้าบางรายมาขอซื้อเสื้อผ้าโดยใช้บัตรกำนัล

แต่พนักงานขายก็อธิบายให้พวกเขาฟังอย่างสุภาพว่ายังไม่สามารถใช้ได้ เพราะยังไม่ถึงช่วงเวลาที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ว่าเกิดขึ้นมาก่อน

สิ่งนี้ทำให้หลินม่ายเริ่มสงสัยขึ้นมา เป็นไปได้ไหมว่าคนขี้โกงอย่างกวนหย่งหัวจะเล่นตุกติกลับหลังเธออีกครั้ง?

เถาจืออวิ๋นเล่า “ฉันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างข่าวลือว่าบัตรกำนัลของพวกเราเป็นแค่อุบายหลอกลวง ลูกค้าหลายคนได้ยินแบบนั้นก็เลยรีบเอาบัตรกำนัลออกมาใช้”

หลินม่ายตัดสินใจเฉียบขาด “ฉันจะไปที่ห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิงเดี๋ยวนี้ ถ้าพี่กลับไปแล้วเจอรองผู้จัดการเหริน ให้สั่งระงับเสื้อผ้าทั้งหมดที่เธอกำลังจะขนไปที่ร้านค้าส่งเสื้อผ้าไว้ก่อน บอกว่าเป็นคำสั่งจากฉัน และถ้าลูกค้าพวกนั้นยืนกรานว่าจะใช้บัตรกำนัลให้ได้ เราคงต้องตอบตกลงไปก่อน ไม่งั้นคนจะสงสัยว่าบัตรกำนัลของเราเป็นอุบายฉ้อโกงจริง ๆ วิธีนี้จะทำให้ยอดขายของเราดีเป็นเทน้ำเทท่ากว่าเก่า อุปทานไม่หลุดออกจากห่วงโซ่ รอให้จัดการเรื่องบัตรกำนัลเสร็จเรียบร้อยก่อน ค่อยเปิดร้านค้าส่งเสื้อผ้าเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้น”

“เข้าใจแล้ว” เถาจืออวิ๋นพยักหน้า จากนั้นก็ตรงกลับไปที่โรงงานทันที

แต่หลินม่ายเรียกหล่อนไว้ ก่อนจะสั่งงานเพิ่ม “หลังจากพี่กลับไปถึงโรงงานแล้ว ช่วยโทรแจ้งพนักงานขายของแต่ละสาขาด้วย ใครก็ตามที่ต้องการใช้บัตรกำนัล ขอแค่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้งานที่ระบุไว้ สามารถใช้เป็นส่วนลดแทนเงินสดได้อย่างแน่นอน”

เถาจืออวิ๋นตอบรับอีกครั้ง หลินม่ายจึงปล่อยให้หล่อนกลับไปจัดการงานต่อ

เธอขอให้คุณย่าฟางกับคนอื่น ๆ กินอาหารมื้อกลางวันกันไปก่อน ไม่ต้องรอเธออีก จากนั้นก็ขึ้นควบจักรยานแล้วปั่นออกไป

คุณย่าฟางหันหน้ากลับไปพูดกับฟางจั๋วหรานที่กำลังเดินออกมาจากตัวบ้าน “ม่ายจื่องานยุ่งเกินไปแล้ว หล่อนไม่มีเวลาแม้แต่จะพักกินข้าวกลางวันเลย”

จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างเป็นทุกข์ แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน

ฟางจั๋วหรานกินอาหารกลางวันอย่างเร่งรีบ แบ่งอาหารในส่วนของหลินม่ายใส่กล่องพร้อมกับกระติกน้ำ จากนั้นก็ขี่จักรยานตามไปที่ห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิง

เขายอมปล่อยให้แฟนสาวหิวจนไส้กิ่วไม่ได้เด็ดขาด

ตอนนี้เธอมีปัญหาที่ต้องจัดการ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีเมื่อใดเธอจะได้พักกินอาหารได้ทันที

หลินม่ายมาถึงร้านค้าบนชั้นสองของห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิง ซึ่งหน้าร้านตอนนี้ไม่ได้รายล้อมไปด้วยบรรดาลูกค้าที่ต้องการใช้บัตรกำนัลเท่านั้น แต่ยังมีนักข่าวสาวแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังสัมภาษณ์พนักงานขายในร้านอยู่ด้วย

นักข่าวสาวถามพนักงานขายด้วยถ้อยคำเสียดสีรุนแรง “ในเมื่อพวกคุณยืนยันว่าบัตรกำนัลของร้านเป็นของจริง แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมปล่อยให้ลูกค้าใช้แทนเงินสดล่ะ?”

พนักงานขายหน้าแดงก่ำเพราะความโมโห “ฉันบอกคุณไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วไม่ใช่เหรอว่ายังไม่ถึงวันเวลาที่กำหนด? ยังจะถามอยู่ได้!”

ท่ามกลางฝูงชน มีกลุ่มลูกค้าประมาณสิบกว่าคนที่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ลูกค้าตัวจริง กำลังตะโกนใส่ไฟอย่างดุเดือด “เหลือเวลาอีกแค่สองวัน เปิดให้ลูกค้าใช้ล่วงหน้ามันจะตายหรือไง! ในเมื่อไม่ยอมให้พวกเราใช้ล่วงหน้า ก็แปลว่าพวกคุณมันคิดไม่ซื่อยังไงล่ะ!”

ลูกค้าจำนวนมากต่างมีอารมณ์คล้อยตามไปกับกลุ่มคนเหล่านี้ พวกเขาต่างก็ยืนกรานกับพนักงานขายประจำร้านUniqueให้ยอมรับบัตรกำนัลของตัวเองให้ได้

ผู้จัดการข่งได้ยินว่ามีลูกค้าจำนวนมากมารวมตัวกันประท้วงอยู่หน้าร้านUniqueเพื่อเรียกร้องขอใช้บัตรกำนัล ดังนั้นเขาจึงมาที่หน้างานด้วยตัวเองเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

เมื่อเหลือบไปเห็นว่าหลินม่ายอยู่ที่นี่ด้วย จึงเดินเข้าไปพูดกับเธอด้วยความไม่พอใจ “คุณนี่สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อนจริง ๆ คิดยังไงถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยบัตรกำนัลแทนเงินสด ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ปัญหามาจอรออยู่หน้าประตูแล้ว รีบแก้ปัญหาซะ อย่าให้เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจของห้างผม!”

หลินม่ายชำเลืองมองเขาด้วยหางตา เบียดตัวแทรกเข้าไปในวงล้อม จากนั้นก็คว้าโทรโข่งมาจากมือของพนักงานส่งเสริมการขายคนหนึ่ง

เธอใช้โทรโข่งประกาศข่าวดีให้ลูกค้าทุกคนในที่นี้ได้ยินอย่างทั่วถึง “ลูกค้าคนไหนที่ต้องการใช้บัตรกำนัลภายในวันนี้ กรุณาเลือกซื้อเสื้อผ้าให้มียอดรวมมากกว่าห้าสิบหยวน แล้วต่อคิวเพื่อใช้บัตรกำนัลได้เลยค่ะ”

ลูกค้าหลายคนต่างหันมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ถามกันไปมาเซ็งแซ่ “สาวน้อยคนนี้คือนางแบบที่อยู่ในโปสเตอร์ของร้านUniqueไม่ใช่เหรอ หล่อนมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเรื่องแบบนี้?”

ถึงก่อนหน้านี้หลินม่ายจะเคยออกทีวี แต่นั่นก็แค่ครั้งเดียว

ผู้ชมส่วนใหญ่ลืมไปนานแล้วว่าหญิงสาวคนนี้เคยออกทีวี รู้แค่อีกฝ่ายถ่ายแบบเสื้อผ้าให้กับโปสเตอร์ของร้านUniqueเท่านั้น

หลินม่ายสยบข้อกังขาด้วยเสียงอันดัง “ฉันคือผู้อำนวยการของร้านUnique ดังนั้นฉันจึงมีสิทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ในการตัดสินใจให้พวกคุณสามารถใช้บัตรกำนัลล่วงหน้าได้”

ลูกค้าทุกคนส่งเสียงเฮลั่น ความโกรธเคืองบนใบหน้าเลือนหายไป ก่อนจะกรูกันเข้าไปในร้านเพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าตามราวแขวนต่าง ๆ

นักข่าวสาวไร้มารยาทและหญิงวัยกลางคนอีกสิบกว่าคนที่ต้องการมาสร้างปัญหาในตอนแรกต่างตกตะลึงไปทันที

พวกหล่อนคาดไม่ถึงว่าหลินม่ายจะยอมรับข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลของลูกค้าส่วนใหญ่เอาง่าย ๆ

แล้วแบบนี้พวกหล่อนจะเล่นละครตบตาต่อไปอย่างไรดีล่ะ?

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

บัตรกำนัลปลอมระบาดแล้วสินะ ม่ายจื่อจะจัดการวิกฤตนี้ยังไงบ้างหนอ

ไหหม่า(海馬)