ตอนที่ 837 องค์ชายสี่ (4) / ตอนที่ 838 องค์ชายสี่ (5)
ตอนที่ 837 องค์ชายสี่ (4)
“คืออย่างนี้ ข้าเพิ่งเริ่มเรียนการบ่มเพาะพลังวิญญาณ และมีหลายอย่างที่ข้ายังไม่เข้าใจดีนัก เพราะอย่างนั้นข้าอยากรู้ว่า…เจ้าจะสอนข้าบ้างได้หรือไม่ เสด็จพ่อยังหาสหายร่วมเรียนที่เหมาะสมให้กับข้าไม่ได้ พอข้าได้ยินเสด็จพี่พูดถึงเจ้า แล้วเราก็อยู่ในวัยเดียวกัน ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ จะมาเป็นสหายร่วมเรียนกับข้าได้หรือเปล่า” เหลยฝานมองจวินอู๋เสียอย่างกระตือรือร้น และรีบพูดเสริมขึ้นมาว่า
“ไม่ต้องห่วง ถึงจะเป็นสหายร่วมเรียนของข้า แต่เจ้าจะได้รับการปฏิบัติที่ไม่ด้อยกว่าใครแน่นอน”
สหายร่วมเรียนขององค์ชาย มักจะเลือกมาจากบรรดาบุตรชายและญาติพี่น้องที่อายุน้อยกว่าของพวกขุนนางในวัง ชาวบ้านทั่วไปไม่เคยได้รับโอกาสเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นแค่สหายร่วมเรียน แต่หนทางเข้าไปสู่ราชวงศ์ ความร่ำรวยมหาศาล และอนาคตอันสดใสก็แทบจะแน่นอน ถึงองค์ชายสี่จะไม่ใช่ผู้สืบทอดบัลลังก์ แต่ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนก็รักเขามาก เหนือกว่าองค์รัชทายาทเหลยเชินเสียอีก ดังนั้นการที่สามารถเป็นสหายร่วมเรียนของเหลยฝานได้ ก็คือโอกาสที่ทุกคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อที่จะได้มา แต่ก็ยังไม่ได้รับโอกาสนั้น
เสียงของเหลยฝานไม่เบาเลย เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของเขา พวกผู้เยาว์ในลานประลองก็อ้าปากค้างอย่างตกใจ!
สหายร่วมเรียนขององค์ชายเป็นตำแหน่งที่จะกลายเป็นผู้ช่วยที่องค์ชายไว้ใจมากที่สุดในอนาคต เมื่อองค์ชายน้อยโตขึ้นและได้รับตำแหน่งสำคัญจากฮ่องเต้ สถานะสหายร่วมเรียนก็จะสูงขึ้นตามมา และจากนั้นก็จะได้รับตำแหน่งระดับสูงในรัฐเหยียนอย่างง่ายดาย
ยิ่งกว่านั้น เหลยฝานก็ยังเป็นคนที่ได้รับการโปรดปรานมากที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหมด การได้เป็นสหายร่วมเรียนของเขา แทบจะดีเทียบเท่ากับการเป็นคนขององค์รัชทายาทเลยทีเดียว!
นั่นเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไม่ควรพลาด!
ผู้เยาว์ทุกคนต่างอิจฉาจวินอู๋เสียมาก หวังให้ตัวเองสามารถไปแทนที่จวินอู๋เสียได้และตอบรับข้อเสนอนั้นทันที!
เหลยฝานมองจวินอู๋เสียอย่างคาดหวังในฉากหน้า แต่ในใจของเขาลอบหัวเราะเยาะ เขาไม่รู้สึกสักนิดว่าจวินอู๋เสียจะปฏิเสธคำชวนของเขา ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะสนิทสนมกับองค์รัชทายาทแค่ไหนก็ตาม แต่นั่นก็เป็นแค่ความสัมพันธ์ส่วนตัว เมื่อจวินอู๋เสียตกลงเป็นสหายร่วมเรียนของเขา นั่นก็เท่ากับว่าได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนเองเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเทียบฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทแล้ว ทุกคนย่อมรู้ดีว่าผู้ใดมีอำนาจในมือมากกว่ากัน
จวินอู๋เสียไม่ได้ให้คำตอบเหลยฝานในทันที นางเพียงแค่มองเหลยฝานราวกับกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ดวงตาเย็นชาของนางยากที่จะอ่านออก ทำให้ไม่อาจคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ
“ว่าอย่างไร ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อชวนเจ้าเลยนะ” เหลยฝานพูดขึ้น
แต่จวินอู๋เสียกลับเบนสายตาออกไปเมื่อชื่อของนางถูกเรียกจากเวทีประลอง
“องค์ชายสี่ กระหม่อมต้องขึ้นเวทีประลองแล้ว” นางไม่ได้ให้คำตอบเหลยฝาน และหลังจากพูดเสร็จ นางก็เดินตรงไปที่เวทีประลองทันที
เหลยฝานที่คาดหวังสูงว่าจวินอู๋เสียจะตกลงถึงกับช็อก เขาไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้
จวินเสียไม่เพียงแต่ไม่หมอบคลานสำนึกบุญคุณ แต่ยัง…ไม่สนใจคำชวนของข้าเลยสักนิด
เป็นไปได้อย่างไร!
ใบหน้ายิ้มแย้มของเหลยฝานแข็งค้างทันที ดวงตาสดใสทอประกายอาฆาตมาดร้ายขึ้นแวบหนึ่ง
เนื่องจากฮ่องเต้ทรงทุ่มเทความเมตตาให้กับเขาอย่างมากมาย เมื่อไรที่เขาเอ่ยปากขอ ไม่มีสิ่งใดที่จะไม่ได้ ถึงแม้จวินอู๋เสียจะไม่ได้พูดปฏิเสธคำชวนของเขาตรงๆ แต่การเฉยเมยและไม่สนใจเลยสักนิดนั่นก็คือการปฏิเสธอย่างหนึ่งแล้ว
“เจ้ากล้ามาก” เหลยฝานพูดเสียงต่ำลอดไรฟัน ถูกจวินอู๋เสียเหยียดหยามต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ ไม่ว่าเหลยฝานจะแสดงได้ดีแค่ไหนก็ตาม สีหน้าของเขาก็มืดคล้ำขึ้นเล็กน้อย
สายตาที่ผู้เยาว์คนอื่นๆ มองมาก็ยิ่งทำให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น
เขาไม่คิดเลยว่าจวินอู๋เสียจะปฏิเสธเขาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้
สายตาของเขาจ้องมองจวินอู๋เสียที่ก้าวขึ้นเวทีเขม็ง เขาไม่อาจทนนั่งอยู่ที่นั่นอีกต่อไปได้แล้ว เหลยฝานลุกขึ้นทันทีและออกจากเขตประลองที่หนึ่งไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เจอกับการถูกปฏิเสธ รสชาติขมๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากประสบพบเจออีกครั้งอย่างแน่นอน
ตอนที่ 838 องค์ชายสี่ (5)
ข่าวองค์ชายสี่ไปที่เขตประลองที่หนึ่งแพร่กระจายไปทั่ววังหลวงอย่างรวดเร็ว และมาพร้อมกับข่าวที่ว่าคำชวนของเหลยฝานถูกจวินอู๋เสีย…เมินโดยสิ้นเชิง
เหลยเชินพุ่งตรงไปที่โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนในทันที ตอนนั้นจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ กำลังกินข้าวกันอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นเหลยเชินโผล่เข้ามากะทันหันด้วยสีหน้าแตกตื่นกังวล ทุกคนก็พากันวางตะเกียบลง
“เกิดอะไรขึ้น องค์ชายอยากกินข้าวร่วมกับพวกเราหรือพ่ะย่ะค่ะ” เฉียวฉู่ถามพร้อมกับหัวเราะ ตะเกียบยังคงคาอยู่ที่มือ
เหลยเชินไล่พนักงานให้ออกไป จากนั้นเขาก็รีบเข้ามานั่งข้างๆ จวินอู๋เสีย
“เหลยฝานมาหาเจ้าอย่างนั้นหรือ” เหลยเชินถาม เสียงของเขาเจือความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
จวินอู๋เสียเคี้ยวอาหารในปากช้าๆ แล้วกลืนลงไป ก่อนจะหันไปเห็นว่ามีเหงื่อออกเต็มใบหน้าของเหลยเชิน
“ท่านกำลังกลัว” นางพูดนิ่งๆ
เหลยเชินไม่สนใจว่าความกังวลของเขาจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนต่อหน้าจวินอู๋เสีย เขาพยักหน้ารัวๆ
“ข้ากลัว กลัวมาก ที่เหลยฝานไปหาเจ้าต้องเป็นคำสั่งของเสด็จพ่อแน่ เขาไม่สามารถลงมือทำอะไรหุนหันพลันแล่นได้ชั่วคราว แต่เขาก็เห็นว่าข้าสนิทสนมกับพวกเจ้าที่มาจากสำนักศึกษาเฟิงหัว พวกเจ้าทุกคนเก่งกาจและโดดเด่นมากในศึกประลองภูติวิญญาณและดึงดูดความสนใจได้มากมาย ดังนั้นเสด็จพ่อย่อมไม่พอใจที่เห็นคนที่มีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้มาสนิทสนมกับข้า เขาตั้งใจจะเตะข้าลงจากตำแหน่งองค์รัชทายาทและให้องค์ชายสี่ลูกรักขึ้นมาแทน เขาทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดกับน้องสี่ แล้วข้าจะไม่กังวลได้อย่างไร เทียบกับอำนาจของฮ่องเต้แล้ว ข้าที่เป็นเพียงองค์รัชทายาทจะไปทำอะไรได้”
เหลยเชินอดหวาดกลัวไม่ได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจวินอู๋เสียกับพรรคพวกถึงอยากจะช่วยเขา ถ้าเป็นเพราะเรื่องที่พวกเขาถูกใส่ร้ายก่อนหน้านี้ ปัญหาก็ถูกจวินอู๋เสียแก้ไขไปแล้ว และถ้าเป็นเพราะอำนาจ ความร่ำรวย และความสำเร็จ ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนย่อมสามารถให้ได้มากกว่าเขา
หลังจากเหลยเชินรู้ถึงพลังที่น่าตกใจและสมองอันชาญฉลาดของจวินอู๋เสีย เขาก็ยิ่งกังวลว่าจวินอู๋เสียจะย้ายข้างไปอยู่กับเหลยฝาน
จวินอู๋เสียมองสีหน้าของเหลยเชินด้วยดวงตานิ่งสงบ
“ข้าไม่สนใจจะเป็นสหายร่วมเรียนของใคร” จวินอู๋เสียพูดเสียงเรียบ แม้ว่าน้ำเสียงของนางจะเฉยเมย แต่มันก็ทำให้เหลยเชินถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
“น้องเสียจะต้องบ้าเสียก่อนถ้าจะไปเป็นสหายร่วมเรียนของใคร” เฉียวฉู่พึมพำเบาๆ
เหลยเชินหันไปมองเฉียวฉู่อย่างสงสัย แต่เฉียวฉู่รีบก้มหน้าลงพุ้ยข้าวเข้าปากอย่างดุเดือด
“ถ้าเจ้าไม่มีความตั้งใจเช่นนั้น ข้าก็โล่งอก พูดตามจริงเลย ถ้าเจ้าไปจากข้า ข้าก็ไม่มีอะไรไปตอบโต้เขาได้แล้ว” เหลยเชินพูดพร้อมกับถอนหายใจ คำพูดพวกนั้นไม่ได้พูดเพื่อให้จวินอู๋เสียพอใจ มันเป็นการพูดตามความจริง
ถ้าจวินอู๋เสียย้ายข้างไปช่วยเหลยฝาน เหลยเชินก็ไม่มีความมั่นใจใดๆ ที่จะรับมือแผนการของจวินอู๋เสียได้
“ข้าปฏิเสธไปแล้ว” จวินอู๋เสียพูด ที่จริงการอธิบายเพิ่มไปอีกขั้นแบบนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยาก
การเมินเฉยต่อเหลยฝานในลานประลองเป็นคำตอบที่ดีที่สุด นางยังจำได้ว่าหลังจากนางก้าวขึ้นเวทีประลองไป สีหน้าของเหลยฝานบิดเบี้ยวอย่างพยายามฝืนสะกดกลั้นความโกรธขณะที่เดินออกไปจากลานประลอง
“เหลยฝานฉลาดกว่าเจ้า แต่ยังไม่ฉลาดพอ เขายังอ่อนประสบการณ์อยู่” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับอุ้มเจ้าแมวดำตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน ถึงแม้เหลยเชินจะฉลาด เขาก็ไม่สามารถแสดงละครได้ยอดเยี่ยมอย่างที่เหลยฝานทำ แต่ชีวิตของเหลยฝานราบรื่นสุขสบายยิ่งกว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบเสียอีก และถึงแม้เขาจะมีสมองที่ชาญฉลาด แต่นิสัยหยิ่งยโสทระนงตัวของเขาคือข้อเสียใหญ่หลวงเลยทีเดียว
อย่างน้อยตอนที่นางแสดงความเมินเฉยอย่างเดียวกันนี้ต่อเหลยเชินหลายครั้งตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก เหลยเชินก็ไม่ได้มีทีท่าไม่พอใจอย่างชัดเจนเช่นนี้
“เขามักแสดงความฉลาดในระดับสูงอยู่เสมอ และถ้าข้าไม่ได้เป็นรัชทายาทก่อนเขาเกิด ข้าก็คงพ่ายแพ้เขาไปแล้ว” ต่อหน้าจวินอู๋เสีย เหลยเชินไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปกปิดการไร้ความสามารถของเขา