ตอนที่ 839 องค์ชายสี่ (6) / ตอนที่ 840 ยัดข้อหา (1)
ตอนที่ 839 องค์ชายสี่ (6)
“อืม” จวินอู๋เสียพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
สีหน้าของเหลยเชินยิ่งหมองลง
เฉียวฉู่ที่มองพวกเขาอยู่เกือบหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง เด็กนั่นตรงไปตรงมาเสมอ นางทำให้คนอื่นโมโหจนแทบกระอักโลหิต เขามองดูสีหน้าขององค์รัชทายาทที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวจนเกือบเป็นสีเดียวกับผักในจาน
“แต่ตอนนี้เหลยฝานมาปรากฏตัวตรงหน้าเจ้าแล้ว แสดงว่าเสด็จพ่อจะลงมือกับเจ้าต่อ อยากให้ข้าทำอะไรหรือไม่” เหลยเชินถามพลางมองจวินอู๋เสีย
“ไม่ต้อง” จวินอู๋เสียส่ายหน้า
เหลยเชินไม่ถามต่อและหันไปคุยกับเฉียวฉู่และคนอื่นๆ อีกครู่หนึ่งก่อนจะกลับไป
หลังจากเหลยเชินกลับไปแล้ว จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ก็กินข้าวกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่คนในโรงเตี๊ยมตำหนักเซียนสงบนิ่งใจเย็นกันอยู่นั้น ใครบางคนในวังหลวงกลับไม่สงบเลย
“เสด็จพ่อ! จวินเสียคิดว่าตัวเองเป็นใคร ลูกของพระองค์ชวนเขามาเป็นสหายร่วมเรียนอย่างสุภาพมีมารยาทขนาดนั้น แต่เขาไม่ใช่แค่ปฏิเสธ เขาเมินลูกไปเลย! เขาไปได้ยินข่าวลือที่ไม่จริงเกี่ยวกับลูกเลยพาลไม่ชอบลูกที่เป็นองค์ชายสี่ใช่หรือไม่” เหลยฝานยืนทำหน้าเศร้าอยู่ในห้องทรงพระอักษร ใบหน้าอันงดงามของเขาแสดงทีท่าว่าใกล้จะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อแล้ว
เมื่อฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเห็นองค์ชายน้อยดูโศกเศร้าเสียใจขนาดนั้น พระทัยของพระองค์ก็ทรงปวดหนึบ พระองค์ทอดพระเนตรมองใบหน้าที่คล้ายกับสตรีที่ทรงรักอย่างสุดพระหฤทัย ก็รีบตรัสปลอบใจทันทีว่า “ก็แค่เจ้าเด็กนั่นมันไม่คู่ควรกับเจ้า ขนาดลูกฝานลดตัวลงไปพูดดีด้วยขนาดนั้นแล้ว เด็กนั่นยังไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง อย่าเสียใจไปเลย ในเมื่อเขาทิ้งโอกาสที่เราหยิบยื่นให้ วันหน้าพ่อจะหาสหายร่วมเรียนที่เก่งกาจกว่านี้ให้เจ้าเองนะ”
สายตาของเหลยฝานเปลี่ยนไปทันที แม้ว่าเขาจะโกรธความโอหังหยาบคายของจวินอู๋เสีย แต่พลังอันโดดเด่นของจวินอู๋เสียก็ยังคงประทับใจเขา เขาสั่งคนให้ค้นหาข้อมูลของสำนักศึกษาเฟิงหัวและได้รู้ว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวมีศิษย์มาเข้าร่วมการแข่งขันแค่หกคนเท่านั้น และทุกคนล้วนแต่เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นและหาได้ยาก!
และในหมู่คนพวกนั้น จวินอู๋เสียคือคนที่มีศักยภาพมากที่สุด นอกจากพลังวิญญาณในตอนนี้ของอีกฝ่ายจะบรรลุถึงขั้นสีเขียวแล้ว เหลยฝานยังได้รู้ว่าจวินอู๋เสียเป็นศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณอีกด้วย แค่เรื่องที่จวินอู๋เสียรู้ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณอย่างเดียว ก็ทำให้เหลยฝานไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ ในเรื่องที่จะดึงเอาจวินอู๋เสียมาเป็นพวก
“เสด็จพ่อ เขาต้องไปได้ยินเรื่องโกหกใส่ร้ายและเข้าใจลูกผิดแน่ ถึงลูกจะเสียใจและเจ็บปวดใจ แต่ลูกก็รู้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก และพรสวรรค์อันมหัศจรรย์เช่นนี้ต้องเก็บรักษาไว้ในรัฐเหยียน เราควรทำเพื่อรัฐเหยียนนะพ่ะย่ะค่ะ คนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมักจะมีความทระนงตน ลูกของพระองค์ยังรับมือได้ ลูกแค่ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะทำให้เขารู้ว่าลูกจริงใจจริงๆ” เหลยฝานพูดพลางมองฮ่องเต้ด้วยแววตาเศร้าเสียใจและเป็นกังวล เขาไม่อยากให้คนของสำนักศึกษาเฟิงหัวทั้งหมดนั่นไปตกอยู่ในมือของเหลยเชิน
“ลูกฝานช่างเฉลียวฉลาดมีเหตุผลและยังมองที่ภาพรวมก่อน” ฮ่องเต้ตรัสอย่างซึ้งใจขณะที่ทอดพระเนตรเหลยฝาน “วางใจเถิดลูกพ่อ ในเมื่อเจ้าต้องการจวินเสีย พ่อจะทำให้เจ้าสมหวังให้ได้”
คนจากสำนักศึกษาเฟิงหัวพวกนี้ ตัวฮ่องเต้เองก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วที่จะไม่ปล่อยพวกเขาให้หลุดมือไปง่ายๆ ผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากเช่นนี้ใช่ว่าจะพบตัวได้ง่ายๆ การเก็บพวกเขาไว้ที่รัฐเหยียนย่อมต้องช่วยพวกเขาได้มากอย่างแน่นอน
เหลยฝานยิ้มเยาะอยู่ในใจอย่างยินดี แต่ฉากหน้าเขาก็แค่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลังจากปลอบใจเหลยฝานอีกครั้งด้วยการมอบสมบัติให้กองใหญ่แล้ว ฮ่องเต้ก็สั่งให้เหลยฝานออกไป และทันทีที่เหลยฝานออกไป รอยยิ้มใจดีบนพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว พระองค์เรียกบุรุษชุดดำซึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องทรงพระอักษรทันที
“ฝ่าบาททรงมีพระประสงค์ให้กระหม่อมรับใช้สิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” บุรุษชุดดำถามขณะที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
“จากความล้มเหลวของเจ้าเรื่ององค์รัชทายาท ข้าจะให้โอกาสเจ้าแก้ตัวอีกครั้ง” ฮ่องเต้ตรัส
“โปรดรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”
“ลูกฝานอยากได้จวินเสียจากสำนักศึกษาเฟิงหัว แต่เจ้าเด็กโอหังนั่นไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับมัน ผู้เยาว์ที่ยโสโอหังแบบนี้จำเป็นต้องทำให้ลดความอวดดีลงสักหน่อย” ฮ่องเต้ตรัสพร้อมกับหรี่ดวงเนตรลงอย่างน่ากลัว สายพระเนตรของพระองค์เปลี่ยนเป็นชั่วร้ายในทันที
ตอนที่ 840 ยัดข้อหา (1)
การแข่งขันในทุกๆ เขตได้มาถึงรอบสุดท้ายแล้ว และในเขตประลองที่หนึ่ง ผู้เข้าแข่งขันสองคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คือจวินอู๋เสียกับชวีหลิงเย่ว์
ถึงแม้ชวีหลิงเย่ว์จะแข็งแกร่ง แต่ระดับพลังวิญญาณของจวินอู๋เสียเหนือกว่านางมากนัก ผลของการต่อสู้รอบสุดท้ายนี้ได้กลายเป็นที่สนใจของผู้คนมากมายเนื่องจากผู้ชนะจะได้ตำแหน่งหนึ่งในสิบอันดับแรกของศึกประลองภูติวิญญาณด้วย และสิ่งที่สิบอันดับแรกของศึกประลองภูติวิญญาณจะได้รับในทุกๆ ปีหลังจบการแข่งขัน มักจะทำให้ผู้คนน้ำลายไหลอยู่เสมอ
ในวันนี้ ผู้เข้าแข่งขันในเขตที่หนึ่งมาที่ลานประลองกันทั้งหมด พวกเขาตื่นเต้นที่จะได้เห็นการต่อสู้ในรอบสุดท้ายด้วยตาตนเอง
แน่นอนว่าพวกเขาอยากเห็นการต่อสู้มากกว่าผลลัพธ์ เนื่องจากจวินอู๋เสียมีพลังวิญญาณขั้นสีเขียว พวกเขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่เหนือทุกคน แม้แต่ชวีหลิงเย่ว์ก็ไม่ใช่คู่มือของนาง
แต่ว่า…
คู่ต่อสู้ทุกคนที่ประลองกับจวินอู๋เสีย ไม่มีใครสักคนที่สามารถรอดจากการโจมตีครั้งแรกไปได้ ในเขตประลองที่หนึ่งนั้น พลังของชวีหลิงเย่ว์ด้อยกว่าจวินอู๋เสียเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ทุกคนจึงคาดหวังมากที่จะได้เห็นว่าชวีหลิงเย่ว์จะสามารถอยู่รอดได้นานกว่าคนอื่นสักหน่อยหรือเปล่าภายใต้การลงมือของจวินอู๋เสีย…
อย่างน้อย…แค่อีกนิดหนึ่งก็ยังดี…
การประลองยังไม่เริ่ม ลานประลองก็เต็มแน่นไปด้วยผู้คนแล้ว จวินอู๋เสียกับชวีหลิงเย่ว์มาถึงแล้วและกำลังเดินอยู่บนเวที
ชวีหลิงเย่ว์ผู้น่ารักมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง แต่ไม่กล้ามองตรงไปที่ใบหน้า ดูเหมือนว่าแค่จ้องมองนานๆ ภาพจำลองของชายหนุ่มผู้หนึ่งก็จะปรากฏขึ้น
จวินอู๋เสียยืนนิ่งอยู่บนเวที นางไม่เห็นว่าปฏิกิริยาของชวีหลิงเย่ว์แปลกอีกแล้ว เด็กสาวน่ารักคนนี้มักจะหลบอยู่เสมอเวลาที่พวกนางพบกัน แต่จวินอู๋เสียมองออกว่าชวีหลิงเย่ว์ไม่ได้มีเจตนาร้าย
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงระฆังก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน ทุกสายตาเบิกกว้าง จับจ้องไปบนเวทีโดยไม่ละสายตา
จวินอู๋เสียเรียกพลังวิญญาณสีเขียวออกมาจนสว่างเจิดจ้า ขณะเดียวกันชวีหลิงเย่ว์ก็รวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ในมือ
ทันใดนั้น!
ร่างของจวินอู๋เสียก็หายไปจากเวที ความเร็วในการเคลื่อนไหวของนางเหมือนกับการประลองครั้งที่แล้วๆ มาของนาง
ชวีหลิงเย่ว์ตกใจ นางพยายามมองหาร่างของจวินอู๋เสียแต่ก็ไร้ผล ความแตกต่างระหว่างระดับขั้นพลังวิญญาณของพวกเขาทำให้นางรู้สึกอ่อนแอไร้ทางสู้!
และเมื่อแสงสีเขียวสว่างจ้าพุ่งเข้ามาถึงข้างตัวชวีหลิงเย่ว์ นางก็มีสีหน้าเจ็บปวดทันที และในชั่วพริบตาชวีหลิงเย่ว์ก็กระอักโลหิตออกมา ร่างเพรียวบางของนางทรุดลงต่อหน้าต่อตาทุกคน!
จวินอู๋เสียรีบดึงพลังวิญญาณในมือกลับไปและปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ชวีหลิงเย่ว์
“เกิดอะไรขึ้น!” ทุกคนพากันตกใจ ผู้ตัดสินการประลองพุ่งตัวขึ้นไปบนเวทีอย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อตรวจสอบอาการของชวีหลิงเย่ว์ ใบหน้าของชวีหลิงเย่ว์ซีดขาว นางกระอักโลหิตออกมาไม่หยุด คราบของเหลวสีแดงที่เปรอะเปื้อนนั้นดูน่ากลัว กลิ่นคาวโลหิตเริ่มกระจายไปทั่วลานประลอง
“จวินเสีย! การประลองแข่งขันนี้ก็แค่ให้เอาชนะคู่ต่อสู้เท่านั้น! เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร!” ผู้ตัดสินการประลองรีบพยุงชวีหลิงเย่ว์ขึ้น ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวอย่างโกรธจัดขณะที่จ้องมองจวินอู๋เสีย ชวีหลิงเย่ว์นั้นเป็นคนพิเศษ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนางในศึกประลองภูติวิญญาณ คนจากเมืองพันอสูรจะไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่
จวินอู๋เสียยังคงยืนขมวดคิ้วมองหน้าชวีหลิงเย่ว์ที่ซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีใครรู้ว่านางยังไม่ทันได้ลงมือโจมตีชวีหลิงเย่ว์เลย นางก็ล้มลงไปแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ นางไม่ได้แตะต้องชวีหลิงเย่ว์เลยแม้แต่เส้นผม
ลานประลองโกลาหลวุ่นวายขึ้นทันที ชวีหลิงเย่ว์ถูกส่งตัวไปรักษาอย่างรวดเร็ว ส่วนคนอื่นๆ ที่ยังเหลืออยู่ในลานประลองก็พากันมองจวินอู๋เสียด้วยความหวาดกลัว