ตอนที่ 416 เหลวไหล

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 416 เหลวไหล

เพราะการเดินทางอย่างรวดเร็ว กลุ่มของไป๋ชิงเหยียนจึงแซงหน้ากองทัพสองหมื่นนายที่มุ่งหน้าไปยังภูเขาชุนมู่

ยิ่งใกล้ถึงภูเขาชุนมู่ก็ยิ่งเห็นชาวบ้านอพยพมากขึ้น

ทางการสั่งปิดถนนสายหลัก ไม่ให้ชาวบ้านอพยพเดินทางไปยังทิศใต้อีก ชาวบ้านอพยพจึงแบกสัมภาระและอาหารแห้งจูงลูกหลายเดิมอ้อมภูเขาไปแทน

มีข่าวลือว่าเมื่อแม่ทัพใหญ่สวินเทียนจางแห่งต้าเหลียงเดินทางไปถึงเมืองใด เขาจะกวาดล้างคนทั้งเมือง ชาวบ้านล้วนกลัวว่าหากพวกเขาไม่รีบอพยพหรือไปทางทิศใต้ พวกเขาจะตายกันหมด

ระหว่างเดินทางขึ้นเหนือไปยังเมืองโยวฮว่า เมืองที่ไป๋ชิงเหยียนเดินทางผ่านล้วนมีแต่ความวุ่นวาย ทุกครอบครัวกำลังขนข้าวของขึ้นรถม้า รถลากหรือเกวียนกันอย่างวุ่นวาย เสียงเด็กเล็กร้องไห้และเสียงตะคอกของชายฉกรรจ์ดังขึ้นเป็นระยะ บางทีก็มีเสียงก่นด่าของสตรีกลาวคนที่ถูกขโมยถุงเงินขึ้นให้ได้ยิน ท้องถนนเต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวาย

ทุกที่เต็มไปด้วยทหารต้าจิ้นที่กำลังเคลื่อนย้ายม้าส่งไปยังเมืองทางเหนือ หัวหน้าทหารตะโกนสั่งให้ทหารต้าจิ้นเร่งแบกเหล็กสำหรับขุดคูน้ำไปยังเมืองทางเหนือด้วยความรวดเร็ว

ภายในเมืองมีแต่ความวุ่นวาย

เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเกวียนทำตุ๊กตาของตัวเองหล่นจึงอยากหยุดลงไปเก็บ ทว่า กลับถูกบิดาด่าจนแผดเสียงร้องไห้ออกมาดังลั่น

“ร้องๆ เอาแต่ร้องไห้อยู่นั่น หากไม่หยุดร้อง ทหารต้าเหลียงจะมาจับตัวเจ้าไปแล้วนะ!”

“พวกเจ้าว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ตอนที่เจิ้นกั๋วอ๋องยังมีชีวิตอยู่ พวกเราเคยถูกโจนตียับเยินเช่นนี้หรือ กองทัพต้าเหลียงยังไม่ทันจะบุกถึงภูเขาชุนมู่ก็คงถูกไล่ตะเพิดกลับแคว้นไปแล้ว!”

“มากล่าวสิ่งเหล่านี้ตอนนี้จะไปมีประโยชน์อันใด จะโทษก็ต้องโทษคนทรยศหลิ่วฮ่วนจางและซิ่นอ๋องคนชั่วนั่น!”

“ชู่ว ไม่กลัวตายหรืออย่างไร กล้าว่าแม้กระทั่งโอรสของฮ่องเต้”

ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่บนหลังม้า หันไปส่งสัญญาณให้องครักษ์ลงจากม้าไปสอบถามเรื่องราว

องครักษ์ที่คุ้มกันอยู่ด้านซ้ายของไป๋ชิงเหยียนก้าวลงจากหลังม้า ขวางหน้าหัวหน้าทหารที่กำลังสั่งให้ทหารต้าจิ้นเร่งลงมือ เอ่ยถามขึ้น “กองทัพต้าเหลียงจะบุกโจมตีเมืองโยวฮว่าแล้วอย่างนั้นหรือ”

ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนเร่งเดินทางอย่างรวดเร็ว แทบไม่ได้ลงจากหลังมาพักผ่อนเลยด้วยซ้ำ ไม่มีองครักษ์คนใดเดินทางเร็วกว่าไป๋ชิงเหยียนเพื่อล่วงหน้ามาสืบข่าวก่อนทั้งสิ้น เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองโยวฮว่าจึงยังไม่รู้เรื่องราวที่แน่ชัด

“ปล่อยลูกชายข้านะ ปล่อยลูกชายข้า!”

“ท่านแม่…ช่วยข้าด้วย ท่านแม่!”

“นางผู้หญิงโง่ กองทัพต้าเหลียงใกล้บุกมาถึงเมืองโยวฮว่าแล้ว พวกเรานำอาหารแห้งติดตัวไปได้อย่างจำกัด ขายลูกชายให้ผู้อื่น ข้าถึงจะพาเจ้าไปด้วย ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ตายอยู่ที่นี่พร้อมกับลูกชายเจ้านี่แหล่ะ!”

ชาวบ้านในเมืองโยวฮว่าเห็นเหตุการณ์ มองดูสตรีกลางคนที่คบกับอันธพาลที่ชื่อเสียงไม่ดีคนนั้นแวบหนึ่ง ส่ายหน้าด้วยความสงสารเด็กชาย จากนั้นแยกย้ายเดินทางออกจากเมือง บัดนี้แม้แต่ทางการยังไม่สนใจความเป็นอยู่ของพวกเขา ผู้ใดจะกล้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือกัน

คนค้าทาสกระชากแขนของเด็กชายผู้นั้น โยนเงินจำนวนหนึ่งไปที่ปลายเท้าของสตรีหม้ายที่ถูกอันธพาลผู้นั้นจับตัวไว้

“ข้าไม่ต้องการเงิน ข้าต้องการลูกชาย คืนลูกชายจ้ามานะ!”

ไป๋ชิงเหยียนหยิบศรธนูออกมาจากกระบอกไม้ไผ่อย่างรวดเร็ว สีหน้าเคร่งขรึม ลูกธนูลอยผ่านอากาศปักลงที่มวยผมของคนค้าทาส แรงกระแทกของธนูทำให้คนค้าทาสถึงกับเซล้มลงบนพื้น เขาตะโกนร้องอย่างตกใจ

อันธพาลกวาดสายตามองไปทางไป๋ชิงเหยียน เมื่อสบกับสายตาเยือกเย็นของสตรีที่นั่งอยู่บนหลังม้า เขาหวาดกลัวขึ้นมาทันที

หญิงหม้ายเห็นดังนั้นจึงรีบสะบัดออกจากการจับกุมของอันธพาล วิ่งตรงเข้าไปกอดบุตรชายของตัวเองไว้ ราวกับแม่เสือที่กำลังปกป้องลูกของตัวเอง นางกัดฟันจ้องไปทางอันธพาลผู้นั้นเขม็ง ดึงปิ่นปักผมของตัวเองออกมา แววตาแข็งกร้าว

“หากให้คนมาแตะต้องลูกชายของข้าอีกครั้ง ข้าฆ่าเจ้าแน่!”

อันธพาลมองเห็นคนค้าทาสยกมือลูบไปที่ผมที่โดนธนูปักด้วยสีหน้าซีดเผือดจึงรีบหันหลังวิ่งหนีไปทันที คนค้าทาสเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งหนีไปอย่างล้มลุกคุกคลานเช่นเดียวกัน

เมื่อสองคนนั้นจากไป หญิงหม้ายจึงได้สติ กอดบุตรชายแน่นพลางร้องไห้ออกมา

หัวหน้าทหารมองสำรวจองครักษ์ตรงหน้าที่ดูไม่ธรรมดา กวาดสายตามองไปยังขบวนของพวกเขา สายตาหยุดอยู่ที่ไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งถือธนูเซ่อรื้ออยู่บนหลังม้าโดยมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่าง เขาถามองครักษ์อย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้าคือผู้ใดกัน”

“เจ้านายของข้าคือเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่” องครักษ์ตอบอย่างไม่ปิดบัง

“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อย่างนั้นหรือ!” หัวหน้าทหารเบิกตาโพลงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างตกใจ

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองหัวหน้าทหาร

“กองทัพต้าเหลียงใกล้บุกมาถึงเมืองแล้วอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าซึ่งมีหน้าที่คุ้มกันเมืองถึงได้หวาดกลัวกันถึงเพียงนี้ กระมั่งไม่สนใจแม้กระทั่งการฉุดปล้นที่เกิดขึ้นในเมืองเช่นนั้น”

ขอบตาของหัวหน้าทหารร้อนผ่าว คุกเข่าลงบนพื้นทันที “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ กองทัพต้าเหลียงบุกไปถึงเมืองหลงหยางแล้วขอรับ ชาวบ้านเมืองหลงหยางล้วนหลบหนีไปทางทิศใต้หมดแล้ว ถ้าเมืองหลงหยางแตก ต่อไปคงถึงตาของเมืองโยวฮว่า พวกข้าไม่มีทางเลือกจึงสั่งให้ชาวบ้านรีบอพยพหนีไป ส่วนพวกข้าอยู่ต้านข้าศึกที่นี่ขอรับ”

ชาวบ้านที่กำลังลากเกวียน รถลากหรือเดินแบกสัมภาระเตรียมอพยพออกจากเมืองโยวฮว่าได้ยินต่างพากันหยุดชะงักทันที ทุกคนหันมองไปทางเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ พากันวิพากษ์วิจารณ์

“นั่นเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จริงๆ อย่างนั้นหรือ ราชสำนักส่งเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่นำทัพมาขับไล่กองทัพต้าเหลียงออกไปจากต้าจิ้นของเราใช่หรือไม่”

“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่? เทพสังหารเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ที่สังหารทหารยอมจำนนนับแสนของซีเหลียงผู้นั้นนะหรือ”

“นั่นคือหลานสาวของเจิ้นกั๋วอ๋องไม่ใช่หรือ”

“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาแล้ว พวกเราไม่ต้องอพยพไปจากบ้านเกิดไปเป็นคนเร่ร่อนแล้วใช่หรือไม่“

แม่ทัพที่คุ้มกันเมืองเดินลงมาจากกำแพงเมือง พวกเขาวุ่นวายกันมาทั้งวันทั้งคืน เตรียมจะพักผ่อนสักงีบ ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อขี่ม้าเข้ามาใกล้จะได้ยินชาวบ้านกล่าวถึงเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ แม่ทัพรีบลงจากหลังม้าแล้ววิ่งเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนทันที

“หวังเต๋ออัน แม่ทัพคุ้มกันเมืองโยวฮว่าคาราวะเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขอรับ!” หวังเต๋ออันรีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“ข้าศึกยังไม่ทันบุกมาถึงกลับทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวถึงเพียงนี้ เหลวไหลสิ้นดี!” ไป๋ชิงเหยียนข่มโทสะเอาไว้ไม่อยู่

หวังเต๋ออันก้มหน้างุดอย่างหวั่นวิตก “ข้าผิดไปแล้วขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนชักสีหน้า กุมบังเหียนในมือแน่น กล่าวออกมา “รีบจัดระเบียบในเมืองให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ หากมีการฉุดคร่าปล้นทรัพย์เกิดขึ้น ลงโทษอย่างหนักตามกฎหมาย ส่งทหารที่รู้สถานการณ์รบตามข้าไปยังเมืองหลงหยางเดี๋ยวนี้!”

“ขอรับ!” หวังเต๋ออันรีบลุกขึ้นยืน ตะโกนไปทางด้านหลัง “หลี่ชุนเย่า!”

รองแม่ทัพหลี่ชุนเย่ารีบฝ่ากลุ่มคนเดินออกมา “คาราวะเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขอรับ!”

“จวิ้นจู่ ขอเพียงเป็นเรื่องที่ข้ารู้ หลี่ชุนเย่าล้วนรับรู้ขอรับ ให้เขาตามจวิ้นจู่ไปเถิดขอรับ” หวังเต๋ออันกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนมองหลี่ชุนเย่าแวบหนึ่ง เอ่ยขึ้น “ขึ้นม้า รายงานสถานการณ์ระหว่างเดินทาง!”

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนควบม้ามุ่งไปทางประตูทิศเหนือของเมืองโยวฮว่าอย่างรวดเร็ว

หลี่ชุนเย่าเห็นองค์รักษ์ของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขึ้นไปบนหลังม้าเช่นเดียวกัน เขาจึงหันไปทำความเคารพหวังเต๋ออันและขี่ม้าตามไปทันที

ข่าวการรบที่ได้จากหลี่ชุนเย่าละเอียดกว่ารายงานสถานการณ์รบที่ส่งไปยังเมืองหลวงและที่หลูผิงรายงานมาก

บัดนี้ต้าเหลียงเคลื่อนทัพผ่านภูเขาชุนมู่ บุกโจมตีเมืองผูเหวินจนแตกแล้ว

กองทัพของแม่ทัพจางตวนรุ่ยถอยทัพไปยังเมืองหลงหยาง กำลังเสริมที่ราชสำนักส่งมายังมาไม่ถึง แม่ทัพหวังเต๋ออันผู้คุมกันเมืองโยวฮว่ากลัวว่าเมืองหลงหยางจะถูกตีแตกจนเดือดร้อนมาถึงเมืองโยวฮว่า แม่ทัพหวังเต๋ออันเคยสั่งให้คนนำเสบียงอาหารไปส่งให้เมืองหลงหยางครั้งหนึ่ง ตอนนั้นหลี่ชุนเย่าเป็นคนนำเสบียงอาหารไปส่งด้วยตัวเอง