ตอนที่ 417 รบไม่เคยแพ้

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 417 รบไม่เคยแพ้

ทว่า เมื่อถามหลี่ชุนเย่าถึงข่าวคราวของไป๋จิ่นจื้อ หลี่ชุนเย่ากลับส่ายหน้า กล่าวว่าเกาอี้เซี่ยนจู่นำกองกำลังออกไปช่วยเหลือแม่ทัพจางตวนรุ่ย ทว่า ต่อมาสวินเทียนจางส่งร่างของแม่ทัพจางตวนรุ่ยกลับมา แต่ไม่มีข่าวของเกาอี้เซี่ยนจู่

ไป๋ชิงเหยียนยิ่งร้อนใจมากกว่าเดิม

เช้าตรู่ กลุ่มของไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปถึงเมืองหลงหยาง

หลี่ชุนเย่าเดินไปด้านหน้าพลางตะโกนเสียงดังลั่น “ข้า รองแม่ทัพของแม่ทัพหวังเต๋ออันผู้คุ้มกันเมืองโยวฮว่าเดินทางติดตามเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มา เปิดประตูเมืองด้วย!”

“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่?!” ทหารเฝ้าประตูเมืองรีบมองลงไปด้านล่าง เขาไม่เห็นกำลังเสริม เห็นเพียงคนจำนวนยี่สิบกว่าคนเท่านั้น รีบหันไปสั่งลูกน้อง “รีบไปรายงานท่านแม่ทัพว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาถึงแล้ว ทว่า นำคนมาเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น!”

ไม่นาน รองแม่ทัพของแม่ทัพจางตวนรุ่ยรีบขึ้นไปบนกำแพงเมืองพลางมองลงไปด้านล่าง เมื่อแน่ใจว่าคือเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไป๋ชิงเหยียนจึงรีบตะโกนขึ้น “รีบเปิดประตูเมือง!”

ในเมื่อเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาช่วยรบ เหตุใดจึงไม่พากำลังเสริมมาด้วย?

รองแม่ทัพหลินคังเล่อในสังกัดของแม่ทัพจางตวนรุ่ยไม่มีเวลาคิดมาก เขารีบลงไปต้อนรับไป๋ชิงเหยียน

บันไดแขวนถูกปล่อยลง ประตูเมืองเปิดออก

กลิ่นไหม้ภายในเมืองลอยเข้ามาปะทะจมูก คงเป็นเพราะต้าเหลียงใช้ไฟในการโจมตีเมือง บนกำแพงเมืองจึงมีร่องรอยเผาไหม้และกลิ่นไหม้ติดอยู่

ชาวบ้านที่อยู่ในเมืองหลงหยางที่พอจะเดินทางอพยพได้ต่างพากันหนีไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ในเมืองล้วนเป็นคนชรา คนพิการหรือคนที่ไม่อยากจากบ้านเกิดเมืองนอนไปที่อื่น พวกเขาล้วนช่วยทหารสร้างฐานคุ้มกันเมือง

ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเข้าไปด้านใน หลินคังเล่อนำกองกำลังออกมาต้อนรับ

สงครามครั้งก่อนที่หนานเจียง หลินคังเล่อติดตามแม่ทัพจางตวนรุ่ยไปออกรบ เคยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับไป๋ชิงเหยียน เขาเชื่อใจในตัวของไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกับแม่ทัพจางตวนรุ่ย!

คนภายนอกอาจคิดว่าไป๋ชิงเหยียนชนะสงครามที่หนานเจียงเพราะโชคช่วย ทว่า หลินคังเล่อที่ติดตามแม่ทัพจางตวนรุ่ยไปออกรบไม่เคยลืมว่าไป๋ชิงเหยียนรู้ทันแผนการแต่ละก้าวของอวิ๋นพั่วสิงได้อย่างไร จากนั้นเอาชนะกองทัพใหญ่ของซีเหลียงโดยไม่รอฟังความเห็นขององค์รัชทายาทเช่นไรบ้าง

คนตระกูลไป๋เกิดมาเพื่อทำสงคราม พวกเขามองแผนการของฝ่ายศัตรูออกอย่างแยบยล คนธรรมดาไม่มีทางทำได้

แม้ไป๋ชิงเหยียนจะพากำลังคนมาเพียงยี่สิบคน ทว่า สำหรับหลินคังเล่อ การเห็นไป๋ชิงเหยียนก็เหมือนเห็นความหวังที่จะชนะ

ทหารคุ้มกันเมืองตะโกนให้เปิดประตูเสียงดังลั่น เมื่อกลุ่มของไป๋ชิงเหยียนเข้ามาในเมือง บันไดแขวนถูกดึงเก็บ ประตูเมืองปิดลงอีกครั้ง

“จวิ้นจู่! ก่อนที่ท่านแม่ทัพจางตวนรุ่ยจะออกจากเมือง เขากำชับให้ข้าคุ้มกันเมืองชุนมู่จนตัวตาย ข้าไม่ได้เรื่อง คุ้มกันเมืองชุนมู่เอาไว้ไม่ได้ขอรับ!” หลินคังเล่อมองดูไป๋ชิงเหยียนอย่างตื่นเต้นจนดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น “จวิ้นจู่ต้องแก้แค้นให้แม่ทัพจางตวนรุ่ยนะขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนลงมาจากหลังม้า ส่งเชือกม้าสีดำให้องครักษ์ เอ่ยถามหลินคังเล่อ “ได้ข่าวของเกาอี้เซี่ยนจู่บ้างหรือไม่”

หลินคังเล่อขบกรามพลางส่ายหน้า “เกาอี้เซี่ยนจู่นำทัพสองพันนายออกไปช่วยแม่ทัพจางตวนรุ่ย ทว่า ติดกับของฝ่ายศัตรูเข้า หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวจากนางอีก เกรงว่า…”

ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากคิดถึงเรื่องน่าหวาดกลัวนั่น มีเสิ่นชิงจู๋อยู่ข้างกายของไป๋จิ่นจื้อ นางไม่มีทางปล่อยให้ไป๋จิ่นจื้อมีอันตรายแน่

ทันใดนั้นเองเสียงแตรดังสนั่นขึ้น กองทัพต้าเหลียงบุกมาแล้ว!

“กองทัพต้าเหลียงบุกแล้ว! บุกมาแล้ว!” มีคนตะโกนเสียงดังลั่น

เสียงแตรที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำลายความสงบของเมืองหลงหยาง ชาวบ้านและคนชรารีบจูงมือหลานซึ่งอายุยังน้อยไปซ่อนตัวในบ้านทันที กลัวว่ากองทัพต้าเหลียงจะบุกเข้ามาในเมืองแล้วหลานของตนจะได้รับบาดเจ็บ

“จวิ้นจู่!” หลินคังเล่อกำดาบที่เอวของตัวเองแน่น

“คุณหนูใหญ่!” หลูผิงรีบขี่ม้ามาทันทีที่รับรู้ข่าว เขากระโจนลงจากหลังม้า “คุณหนูใหญ่!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้หลูผิง จากนั้นหันไปสั่งองครักษ์ที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง “รีบขับไล่ศัตรูออกไปก่อน สวมเกราะ!”

สิ้นคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน บรรดาองครักษ์ของตระกูลไป๋ต่างลงมาจากหลังม้าแล้วสวมชุดเกราะ

“แม่ทัพหลินจงขึ้นไปบนกำแพงเมืองก่อน เดี๋ยวข้าจะตามไป” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

หลินคังเล่อกำหมัดรับคำ จากนั้นรีบขึ้นไปบนกำแพงเมืองทันที

“มีข่าวของเสี่ยวซื่อบ้างหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามหลูผิง

หลูผิงส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิด “หลูผิงทำให้คุณหนูใหญ่ผิดหวัง ไม่สามารถปกป้องคุณหนูสี่ไว้ได้ขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น “เสิ่นชิงจู๋ไม่ได้ส่งข่าวมาบ้างเลยหรือ”

หลูผิงส่ายหน้า หยิบแผนที่หนังวัวที่พับไว้อย่างดีและกระดาษอีกสองสามแผ่นออกมาจากอก “ทว่า แม่นางเสิ่นทิ้งแผนที่แสดงภูมิประเทศบริเวณภูเขาชุนมู่และวิธีการรบอีกทั้งความถนัดของแม่ทัพต้าเหลียงทุกคนที่ติดตามมารบในครั้งนี้ไว้ที่ข้าขอรับ นางให้ข้ารออยู่ในเมืองเพื่อมอบสิ่งเหล่านี้ให้คุณหนูใหญ่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนรับมาพลางกวาดสายตามองเนื้อหาที่เขียนไว้ในกระดาษอย่างคร่าวๆ จากนั้นสวมชุดเกราะ

การที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาช่วยเสริมทัพทำให้ทหารที่คุ้มกันเมืองและทหารในกองทัพของแม่ทัพจางตวนรุ่ยฮึกเหิมขึ้นมาทันที เมื่อแม่ทัพหวังสี่ผิงซึ่งยืนอยู่บนกำแพงได้ยินเรื่องนี้ ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาถามหลินคังเล่อย้ำอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาอย่างนั้นหรือ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่น่ะหรือ!”

“ใช่ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่!” หลินคังเล่อขยับหมวกรบของตัวเองเล็กน้อย เอื้อมมือตบไปที่บ่าของหวังสี่ผิง

กองทัพของต้าเหลียงหยุดอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลงหยางมากนัก แม่ทัพขี่ม้าไปด้านหน้า ตะโกนยั่วยุอยู่หน้าคูเมือง “หึ หลังจากบุรุษตระกูลไป๋แห่งต้าจิ้นตายไปหมดแล้ว พวกเจ้ามีเทพแห่งการสังหารเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่โผล่มาอีกคนไม่ใช่หรือ นางรบไม่เคยแพ้ไม่ใช่หรือ แม่ทัพจางตวนรุ่ยของพวกเจ้าตายไปแล้ว ราชสำนักยังไม่ส่งนางมาอีกหรือ กลัวนางตายหรืออย่างไรกัน”

หลายวันมานี้กองทัพต้าเหลียงใช้ตระกูลไป๋มายั่วยุให้ต้าจิ้นออกไปทำสงครามจนทหารต้าจิ้นท่องคำด่าของกองทัพต้าเหลียงได้คล่องปาก ราวกับกองทัพต้าเหลียงไม่มีสิ่งใดสามารถนำมาดูถูกเหยียดหยามแคว้นต้าจิ้นได้อีกแล้ว

“ท่านแม่ทัพหวัง! ท่านแม่ทัพหวัง!” ตู้ซานเป่าซึ่งอยู่ในชุดเกราะวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหลินคังเล่อยืนอยู่ด้านข้าง เขารีบทำความเคารพจากนั้นหันไปถามหวังสี่ผิงอย่างตื่นเต้น “ท่านแม่ทัพหวัง เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาอย่างนั้นหรือขอรับ ข้าได้ยินว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่นำกองกำลังส่วนหนึ่งล่วงหน้ามาช่วยเหลือพวกเราก่อน!”

“ใช่ เมื่อครู่ท่านแม่ทัพหลินกล่าวว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาถึงแล้ว” หวังสี่ผิงไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของตนแฝงไปด้วยความปิติยินดีและมั่นใจ

ตู้ซานเป่าฉีกยิ้มกว้าง หันไปตะโกนเสียงดังลั่น “ทุกคน เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ของพวกเรามาถึงแล้ว! เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่นำพวกเรารบชนะในสงครามที่หนานเจียงด้วยกำลังคนที่น้อยกว่า สังหารทหารยอดฝีมือของซีเหลียงนับแสน! ขับไล่จนซีเหลียงหนีหางจุกตูดกลับแคว้นแทบไม่ทัน! บัดนี้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ต้องนำพวกเราขับไล่พวกสุนัขต้าเหลียงที่มารุกรานและสังหารชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นของเราออกไปจากแคว้นได้อย่างแน่นอน!”

เสียงของตู้ซานเป่าดังก้อง สนั่นไปทั่วทั้งเมือง ปลุกพลังของทุกคนให้ฮึกเหิมขึ้นมาทันที

“ขับไล่ออกไป!”

“ขับไล่ออกไป!”

“ขับไล่ออกไป!”

ไป๋ชิงเหยียนในชุดเกราะซึ่งสวมทับด้วยสีคลุมกันลมสีแดง ถือธนูเซ่อรื้อไว้ในมือก้าวขึ้นมาบนกำแพงเมือง

บรรดาทหารมองร่างที่องอาจสง่างาม ฝีเท้ามั่นคงของไป๋ชิงเหยียน เลือดของทุกคนพลุ่งพล่านราวกับมีกำลังใจเต็มร้อย ดวงตาเป็นประกายมองไปทางร่างของสตรีในชุดเกราะที่มีองครักษ์เดินตามหลังมาอีกยี่สิบกว่าคนอย่างตื่นเต้น

ไม่ว่าที่ใดบนโลกใบนี้ แม้แต่ในกองทัพ ล้วนนับถือผู้ที่แข็งแกร่งว่า

ไป๋ชิงเหยียนผู้เคยติดตามเจิ้นกั๋วอ๋องไปตัดศีรษะของแม่ทัพใหญ่ผางผิงกั๋วแห่งแคว้นสู่และรบชนะในสงครามหนานเจียงได้ด้วยกำลังทหารที่น้อยกว่า ต่อให้ตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นเทพแห่งสงคราม ทว่า ในสายตาของทหารต้าจิ้นทุกคนหญิงสาวคือผู้ที่รบไม่เคยแพ้!