บทที่ 467 มีคนคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ถึงแม้ว่าน้องชายได้รับความทุกข์ทรมาน และอันซีหนีก็รู้สึกโกรธแค้นมาก แต่ความโกรธแค้นทั้งหมดก็ค่อย ๆ สลายหายไปเมื่อเห็นเอกสารการโอนนั่น

อันซีหนีเพิ่งได้เอกสารการโอนมา ก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบเรียกลี่หุยมาฉลองด้วยกัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงเลยว่าลี่จุนถิงนี่มันยอมทำเพื่อผู้หญิงขนาดนี้” อันซีหนียังคงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ยังไงซะตลาดครึ่งหนึ่งของเมืองซิงก็ไม่ใช่น้อย ๆ

“ผมบอกแล้วว่าลี่จุนถิงมันแคร์ผู้หญิงคนนี้มาก”

ลี่หุยรู้จุดอ่อนของลี่จุนถิงดี เพียงแต่ก่อนหน้านี้ตัวเองไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะจับเจียงหยุนเอ๋อมาข่มขู่ลี่จุนถิง

แต่โชคดีที่อันซีหนีมีความสามารถอย่างนี้ การได้เอกสารการโอนมาคราวนี้ก็ถือว่ามีประโยชน์กับลี่หุยเช่นกัน

“เหอะ คนแบบนี้ใช้การไม่ได้หรอก” อันซีหนีสบถออกมา

โชคดีที่ตอนแรกลี่หุยได้บอกจุดอ่อนของลี่จุนถิงไป จึงทำให้ตัวเองรีดไถลี่จุนถิงได้จำนวนหนึ่ง

ลี่หุยไม่ได้ตอบอะไร แต่สิ่งที่คิดในใจก็คือ กลัวว่าลี่จุนถิงจะไม่ได้ง่ายดายอย่างที่อันซีหนีพูด ไม่อย่างนั้นคงควบคุมดูแลบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปที่ใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้หรอกและเขาก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นทุกวันอีกด้วย

“แต่ที่น่ารังเกียจก็คือ เขากล้าทำเกินเลยถึงขนาดนี้ ทำให้น้องชายของฉัน……” อันซีหนีสูดหายใจเข้าลึก ๆ จนถึงตอนนี้เขายังไม่สามารถลืมตอนที่เขาเจอกับAnthonyได้เลย มือและเท้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดง ไม่สามารถใช้การได้อีกแล้ว

ตอนนี้ถึงแม้Anthonyจะมีชีวิตอยู่ แต่ก็กลายเป็นคนพิการตลอดไป ความแค้นครั้งนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องชำระให้ได้

“เขาทำอะไรกับน้องชายของคุณ?” ลี่หุยไม่ได้อยู่ร่วมสงครามซึ่งหน้าระหว่างลี่จุนถิงกับอันซีหนี ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร รู้เพียงอันซีหนีได้เอกสารการโอนมาเท่านั้น

“เขาทำให้น้องชายของฉันพิการมือและเท้า เรื่องนี้ฉันไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด!” อันซีหนียิ่งคิดไฟแค้นที่อยู่ในใจก็ยิ่งลุกโชน

ตอนที่ลี่หุยได้ยินประโยคนี้ เขาก็ตัวสั่นไปทั้งตัว

ลี่จุนถิงขึ้นชื่อเรื่องโหดเหี้ยมอำมหิต แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่โชคดีที่ตัวเองไม่ได้ไปยั่วโมโหเขามากนัก เรื่องแบบนี้คงมาไม่ถึงตัวเขาหรอก ตอนนี้ตัวเองก็แค่คอยกอบโกยผลประโยชน์จากความขัดแย้งของพวกเขาก็พอแล้ว

แต่ต่อหน้าลี่หุยต้องคล้อยตามอันซีหนีสักหน่อย : “จริงด้วย ลี่จุนถิงทำเกินไปแล้วจริง ๆ!”

“พวกเรามาหารือเรื่องเอกสารการโอนสักหน่อย” อันซีหนีตัดสินใจที่จะบดขยี้ลี่จุนถิงทางธุรกิจ ทำให้เขาได้รับรู้ถึงรสชาติของความพ่ายแพ้

ลี่หุยเองก็คิดอย่างนี้เช่นกัน ทั้งสองคนเริ่มหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ลี่จุนถิงพ่ายแพ้ราบคาบ

เจรจาหารือกันอยู่หลายชั่วโมง ในที่สุดทั้งสองคนก็หาวิธีที่ตัวเองคิดว่าไม่เลวออกมาได้

“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็ขอตัวกลับไปเตรียมพร้อมสักหน่อย” การรับมือกับโครงการเหล่านี้ ต้องเตรียมการไว้ให้ดี

“ตกลง”

วันถัดมา อันซีหนีก็ได้ครอบครองตลาดที่โอนมาทั้งหมด

ณ ห้องทำงานของลี่จุนถิง

“คุณชายลี่ครับ อันซีหนีได้ครอบครองตลาดที่พวกเราโอนให้ไปหมดแล้ว” ซู่จี้งยี้ในตอนนี้กำลังคอยติดตามสถานการณ์ของตลาดที่โอนไป เมื่อมีความเคลื่อนไหวอะไรก็รายงานลี่จุนถิงทันที

ลี่จุนถิงยิ้มมุมปาก : “ดีมาก ปลาติดกับแล้ว”

“พวกเราดึงแหขึ้นเลยไหมครับ?” ซู่จี้งยี้ถึงกับอดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นอันซีหนีตกอับ

ถ้าอันซีหนีรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นกับดัก ไม่รู้ว่าตอนนี้จะทำหน้ายังไง

“ไม่ ฉันอยากให้ปลาพวกนี้กระโดดโลดเต้นสักสองสามก่อน ผ่านไปสองสามวันค่อยดูอีกครั้งแล้วกัน” ลี่จุนถิงชอบเห็นคู่แข่งตกลงมาอย่างน่าเวทนาที่สุด เอาให้หัวร้างข้างแตกไปเลยยิ่งดี

“ครับ” ซู่จี้งยี้รู้ดีว่าวิธีการของลี่จุนถิงไม่มีทางทำให้ตัวเองผิดหวังแน่นอน

ส่วนทางด้านอันซีหนี เมื่อได้ครอบครองตลาดที่ได้รับโอนมา ดูเหมือนว่าจะดีขึ้น

ผู้ช่วยของเขาคำนวณดูแล้ว ถ้าได้พัฒนาตามแนวโน้มที่ดีอย่างนี้ต่อไป ไม่เกินครึ่งปีพวกเขาก็จะสามารถบดขยี้ลี่จุนถิงจนสามารถครอบครองตลาดอีกครึ่งหนึ่งได้

ลี่หุยเห็นอย่างนี้ก็รู้สึกดีใจมาก โครงการเหล่านี้ตัวเองล้วนได้ร่วมมือด้วยทั้งนั้น ถ้าโครงการเหล่านี้ทำกำไรได้ ตัวเองก็สามารถเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก ถึงตอนนั้นท่านปู่ลี่ต้องมองตัวเองเปลี่ยนไปแน่นอน

เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้ ลี่หุยก็ยิ้มออกมา รู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะสวรรค์เมตตาตัวเอง

สามวันผ่านไป ซาติงเข้าไปในห้องของอันซีหนีด้วยความตื่นตระหนก

“เป็นอะไร? ถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนี้?” อันซีหนีเห็นท่าทางของซาติง ในใจก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย

ยังไงซะสำหรับซาติงแล้วท่าทางตื่นตระหนกอย่างนี้เห็นได้น้อยมาก ต้องเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นแน่ ๆ

“คุณชาย ตลาดที่พวกเราได้ครอบครองเกิดปัญหาแล้วครับ” ซาติงพูดพลางเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คในมือของตัวเองยื่นไปให้อันซีหนี

อันซีหนีรับคอมพิวเตอร์มา ขณะที่เห็นกราฟในคอมพิวเตอร์ เขาก็เซถอยหลังไปสองก้าว

“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร วันนี้ช่วงเช้าตอนที่ผมดู จู่ ๆ หุ้นในตลาดเหล่านี้ที่พวกเราครอบครองก็ร่วงเป็นแถว ส่วนมากร่วงจนไม่เหลือมูลค่าเลยครับ ประชาชนที่ซื้อหุ้นของพวกเราไปก่อนหน้านี้เริ่มโวยวายขึ้นมาแล้วครับ”

ซาติงพูดพลางเปิดหน้าต่างอื่น ๆ อีกหลายหน้าขึ้นมา เพื่อเอาสถานการณ์ในหลาย ๆ ตลาดให้อันซีหนีดู

อันซีหนีคิ้วขมวดจนเป็นปม ใบหน้าดูบึ้งตึงมาก เอ่ยถามเสียงขรึมว่า : “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ซาติงก้มหน้าตอบคำถาม : “เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันมากครับ ผมไปตรวจสอบสาเหตุดูแล้ว สงสัยว่าจะมีคนคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง แต่ว่าผมสั่งให้คนไปสืบดูแล้ว กลับไม่พบอะไรเลย”

อันซีหนีสูดลมหายใจลึก ๆ ดูท่าหลายวันมานี้ตัวเองดีใจเร็วเกินไปแล้ว เดิมทีคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะล้มเหลวอย่างนี้

แต่ยังดีที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมาหลายปี ทำให้อันซีหนีไม่ได้แสดงความว้าวุ่นใจออกมามากนัก

และในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของอันซีหนีก็ดังขึ้น

เมื่อดูก็พบว่าเป็นลี่หุยโทรเข้ามา อันซีหนีพอจะรู้จุดประสงค์ของลี่หุยอยู่แล้ว

“ฮัลโหล”

“อันซีหนีนี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? คุณรู้หรือเปล่าว่าหุ้นทั้งหมดกำลังร่วงอยู่?” น้ำเสียงของลี่หุยที่อยู่ปลายสายเต็มไปด้วยความกลัวและความโกรธ

“อืม ผมรู้แล้ว”

“คุณรู้แล้วยังนิ่งเฉยอย่างนี้อีกเหรอ? คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าพวกเราเสียหายมากแค่ไหน? ไม่เพียงแต่คุณที่จบเห่ ผมก็จบเห่ไปด้วย” ลี่หุยเห็นตลาดหุ้นเหล่านั้นที่ร่วงจนไม่เหลือมูลค่า ใจเขาก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

“ตอนนี้ผมก็คิดหาทางออกอยู่” อันซีหนีรู้ว่ายิ่งสถานการณ์เป็นอย่างนี้ก็ต้องยิ่งใจเย็น

“งั้นคุณก็ค่อย ๆ คิดหาวิธีแล้วกัน” ลี่หุยพูดจบก็วางสายไปด้วยความโกรธ

ตอนนี้เขาร้อนใจเหมือนไฟสุมอก ไม่มีวิธีแก้ปัญหาเลยสักนิด เขาพยายามให้ตัวเองใจเย็นลง แต่ก็ไร้ประโยชน์

อันซีหนีหลังถูกวางสายใส่ เขาก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ

“ลี่หุยนี่มันหมายความว่ายังไง? มันกำลังโทษฉันงั้นเหรอ?” อันซีหนีขว้างโทรศัพท์ลงบนพื้น

ซาติงได้แต่เงียบไม่พูดอะไร

“เหอะ ไอสวะไร้ประโยชน์ ทั้งหมดนี้ต้องไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่นอน พวกเราต้องถูกไอสารเลวลี่จุนถิงหลอกเอาแน่ ๆ” อันซีหนีลุกขึ้นจากโซฟา ยืนเอามือเท้าสะเอว

ตอนนี้ในหัวของเขาก็สับสนวุ่นวายไปหมด : “ซาติง สถานการณ์ตอนนี้ พวกเราเสียหายไปเท่าไหร่?”

“คุณชาย ครั้งนี้ถึงแม้พวกเราไม่ได้ลงทุนไปในระยะแรก แต่ตลาดหุ้นเหล่านี้ที่ร่วงดิ่งจนไม่เหลือมูลค่า เกรงว่าพวกเราต้องควักเงินตัวเองไปอุดรูรั่วพวกนี้ครับ