ถึงแม้ว่าน้องชายได้รับความทุกข์ทรมาน และอันซีหนีก็รู้สึกโกรธแค้นมาก แต่ความโกรธแค้นทั้งหมดก็ค่อย ๆ สลายหายไปเมื่อเห็นเอกสารการโอนนั่น
อันซีหนีเพิ่งได้เอกสารการโอนมา ก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบเรียกลี่หุยมาฉลองด้วยกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงเลยว่าลี่จุนถิงนี่มันยอมทำเพื่อผู้หญิงขนาดนี้” อันซีหนียังคงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ยังไงซะตลาดครึ่งหนึ่งของเมืองซิงก็ไม่ใช่น้อย ๆ
“ผมบอกแล้วว่าลี่จุนถิงมันแคร์ผู้หญิงคนนี้มาก”
ลี่หุยรู้จุดอ่อนของลี่จุนถิงดี เพียงแต่ก่อนหน้านี้ตัวเองไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะจับเจียงหยุนเอ๋อมาข่มขู่ลี่จุนถิง
แต่โชคดีที่อันซีหนีมีความสามารถอย่างนี้ การได้เอกสารการโอนมาคราวนี้ก็ถือว่ามีประโยชน์กับลี่หุยเช่นกัน
“เหอะ คนแบบนี้ใช้การไม่ได้หรอก” อันซีหนีสบถออกมา
โชคดีที่ตอนแรกลี่หุยได้บอกจุดอ่อนของลี่จุนถิงไป จึงทำให้ตัวเองรีดไถลี่จุนถิงได้จำนวนหนึ่ง
ลี่หุยไม่ได้ตอบอะไร แต่สิ่งที่คิดในใจก็คือ กลัวว่าลี่จุนถิงจะไม่ได้ง่ายดายอย่างที่อันซีหนีพูด ไม่อย่างนั้นคงควบคุมดูแลบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปที่ใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้หรอกและเขาก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นทุกวันอีกด้วย
“แต่ที่น่ารังเกียจก็คือ เขากล้าทำเกินเลยถึงขนาดนี้ ทำให้น้องชายของฉัน……” อันซีหนีสูดหายใจเข้าลึก ๆ จนถึงตอนนี้เขายังไม่สามารถลืมตอนที่เขาเจอกับAnthonyได้เลย มือและเท้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดง ไม่สามารถใช้การได้อีกแล้ว
ตอนนี้ถึงแม้Anthonyจะมีชีวิตอยู่ แต่ก็กลายเป็นคนพิการตลอดไป ความแค้นครั้งนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องชำระให้ได้
“เขาทำอะไรกับน้องชายของคุณ?” ลี่หุยไม่ได้อยู่ร่วมสงครามซึ่งหน้าระหว่างลี่จุนถิงกับอันซีหนี ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร รู้เพียงอันซีหนีได้เอกสารการโอนมาเท่านั้น
“เขาทำให้น้องชายของฉันพิการมือและเท้า เรื่องนี้ฉันไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด!” อันซีหนียิ่งคิดไฟแค้นที่อยู่ในใจก็ยิ่งลุกโชน
ตอนที่ลี่หุยได้ยินประโยคนี้ เขาก็ตัวสั่นไปทั้งตัว
ลี่จุนถิงขึ้นชื่อเรื่องโหดเหี้ยมอำมหิต แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่โชคดีที่ตัวเองไม่ได้ไปยั่วโมโหเขามากนัก เรื่องแบบนี้คงมาไม่ถึงตัวเขาหรอก ตอนนี้ตัวเองก็แค่คอยกอบโกยผลประโยชน์จากความขัดแย้งของพวกเขาก็พอแล้ว
แต่ต่อหน้าลี่หุยต้องคล้อยตามอันซีหนีสักหน่อย : “จริงด้วย ลี่จุนถิงทำเกินไปแล้วจริง ๆ!”
“พวกเรามาหารือเรื่องเอกสารการโอนสักหน่อย” อันซีหนีตัดสินใจที่จะบดขยี้ลี่จุนถิงทางธุรกิจ ทำให้เขาได้รับรู้ถึงรสชาติของความพ่ายแพ้
ลี่หุยเองก็คิดอย่างนี้เช่นกัน ทั้งสองคนเริ่มหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ลี่จุนถิงพ่ายแพ้ราบคาบ
เจรจาหารือกันอยู่หลายชั่วโมง ในที่สุดทั้งสองคนก็หาวิธีที่ตัวเองคิดว่าไม่เลวออกมาได้
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็ขอตัวกลับไปเตรียมพร้อมสักหน่อย” การรับมือกับโครงการเหล่านี้ ต้องเตรียมการไว้ให้ดี
“ตกลง”
วันถัดมา อันซีหนีก็ได้ครอบครองตลาดที่โอนมาทั้งหมด
ณ ห้องทำงานของลี่จุนถิง
“คุณชายลี่ครับ อันซีหนีได้ครอบครองตลาดที่พวกเราโอนให้ไปหมดแล้ว” ซู่จี้งยี้ในตอนนี้กำลังคอยติดตามสถานการณ์ของตลาดที่โอนไป เมื่อมีความเคลื่อนไหวอะไรก็รายงานลี่จุนถิงทันที
ลี่จุนถิงยิ้มมุมปาก : “ดีมาก ปลาติดกับแล้ว”
“พวกเราดึงแหขึ้นเลยไหมครับ?” ซู่จี้งยี้ถึงกับอดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นอันซีหนีตกอับ
ถ้าอันซีหนีรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นกับดัก ไม่รู้ว่าตอนนี้จะทำหน้ายังไง
“ไม่ ฉันอยากให้ปลาพวกนี้กระโดดโลดเต้นสักสองสามก่อน ผ่านไปสองสามวันค่อยดูอีกครั้งแล้วกัน” ลี่จุนถิงชอบเห็นคู่แข่งตกลงมาอย่างน่าเวทนาที่สุด เอาให้หัวร้างข้างแตกไปเลยยิ่งดี
“ครับ” ซู่จี้งยี้รู้ดีว่าวิธีการของลี่จุนถิงไม่มีทางทำให้ตัวเองผิดหวังแน่นอน
ส่วนทางด้านอันซีหนี เมื่อได้ครอบครองตลาดที่ได้รับโอนมา ดูเหมือนว่าจะดีขึ้น
ผู้ช่วยของเขาคำนวณดูแล้ว ถ้าได้พัฒนาตามแนวโน้มที่ดีอย่างนี้ต่อไป ไม่เกินครึ่งปีพวกเขาก็จะสามารถบดขยี้ลี่จุนถิงจนสามารถครอบครองตลาดอีกครึ่งหนึ่งได้
ลี่หุยเห็นอย่างนี้ก็รู้สึกดีใจมาก โครงการเหล่านี้ตัวเองล้วนได้ร่วมมือด้วยทั้งนั้น ถ้าโครงการเหล่านี้ทำกำไรได้ ตัวเองก็สามารถเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก ถึงตอนนั้นท่านปู่ลี่ต้องมองตัวเองเปลี่ยนไปแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้ ลี่หุยก็ยิ้มออกมา รู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะสวรรค์เมตตาตัวเอง
สามวันผ่านไป ซาติงเข้าไปในห้องของอันซีหนีด้วยความตื่นตระหนก
“เป็นอะไร? ถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนี้?” อันซีหนีเห็นท่าทางของซาติง ในใจก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย
ยังไงซะสำหรับซาติงแล้วท่าทางตื่นตระหนกอย่างนี้เห็นได้น้อยมาก ต้องเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นแน่ ๆ
“คุณชาย ตลาดที่พวกเราได้ครอบครองเกิดปัญหาแล้วครับ” ซาติงพูดพลางเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คในมือของตัวเองยื่นไปให้อันซีหนี
อันซีหนีรับคอมพิวเตอร์มา ขณะที่เห็นกราฟในคอมพิวเตอร์ เขาก็เซถอยหลังไปสองก้าว
“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร วันนี้ช่วงเช้าตอนที่ผมดู จู่ ๆ หุ้นในตลาดเหล่านี้ที่พวกเราครอบครองก็ร่วงเป็นแถว ส่วนมากร่วงจนไม่เหลือมูลค่าเลยครับ ประชาชนที่ซื้อหุ้นของพวกเราไปก่อนหน้านี้เริ่มโวยวายขึ้นมาแล้วครับ”
ซาติงพูดพลางเปิดหน้าต่างอื่น ๆ อีกหลายหน้าขึ้นมา เพื่อเอาสถานการณ์ในหลาย ๆ ตลาดให้อันซีหนีดู
อันซีหนีคิ้วขมวดจนเป็นปม ใบหน้าดูบึ้งตึงมาก เอ่ยถามเสียงขรึมว่า : “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ซาติงก้มหน้าตอบคำถาม : “เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันมากครับ ผมไปตรวจสอบสาเหตุดูแล้ว สงสัยว่าจะมีคนคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง แต่ว่าผมสั่งให้คนไปสืบดูแล้ว กลับไม่พบอะไรเลย”
อันซีหนีสูดลมหายใจลึก ๆ ดูท่าหลายวันมานี้ตัวเองดีใจเร็วเกินไปแล้ว เดิมทีคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะล้มเหลวอย่างนี้
แต่ยังดีที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมาหลายปี ทำให้อันซีหนีไม่ได้แสดงความว้าวุ่นใจออกมามากนัก
และในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของอันซีหนีก็ดังขึ้น
เมื่อดูก็พบว่าเป็นลี่หุยโทรเข้ามา อันซีหนีพอจะรู้จุดประสงค์ของลี่หุยอยู่แล้ว
“ฮัลโหล”
“อันซีหนีนี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? คุณรู้หรือเปล่าว่าหุ้นทั้งหมดกำลังร่วงอยู่?” น้ำเสียงของลี่หุยที่อยู่ปลายสายเต็มไปด้วยความกลัวและความโกรธ
“อืม ผมรู้แล้ว”
“คุณรู้แล้วยังนิ่งเฉยอย่างนี้อีกเหรอ? คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าพวกเราเสียหายมากแค่ไหน? ไม่เพียงแต่คุณที่จบเห่ ผมก็จบเห่ไปด้วย” ลี่หุยเห็นตลาดหุ้นเหล่านั้นที่ร่วงจนไม่เหลือมูลค่า ใจเขาก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
“ตอนนี้ผมก็คิดหาทางออกอยู่” อันซีหนีรู้ว่ายิ่งสถานการณ์เป็นอย่างนี้ก็ต้องยิ่งใจเย็น
“งั้นคุณก็ค่อย ๆ คิดหาวิธีแล้วกัน” ลี่หุยพูดจบก็วางสายไปด้วยความโกรธ
ตอนนี้เขาร้อนใจเหมือนไฟสุมอก ไม่มีวิธีแก้ปัญหาเลยสักนิด เขาพยายามให้ตัวเองใจเย็นลง แต่ก็ไร้ประโยชน์
อันซีหนีหลังถูกวางสายใส่ เขาก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ลี่หุยนี่มันหมายความว่ายังไง? มันกำลังโทษฉันงั้นเหรอ?” อันซีหนีขว้างโทรศัพท์ลงบนพื้น
ซาติงได้แต่เงียบไม่พูดอะไร
“เหอะ ไอสวะไร้ประโยชน์ ทั้งหมดนี้ต้องไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่นอน พวกเราต้องถูกไอสารเลวลี่จุนถิงหลอกเอาแน่ ๆ” อันซีหนีลุกขึ้นจากโซฟา ยืนเอามือเท้าสะเอว
ตอนนี้ในหัวของเขาก็สับสนวุ่นวายไปหมด : “ซาติง สถานการณ์ตอนนี้ พวกเราเสียหายไปเท่าไหร่?”
“คุณชาย ครั้งนี้ถึงแม้พวกเราไม่ได้ลงทุนไปในระยะแรก แต่ตลาดหุ้นเหล่านี้ที่ร่วงดิ่งจนไม่เหลือมูลค่า เกรงว่าพวกเราต้องควักเงินตัวเองไปอุดรูรั่วพวกนี้ครับ