บทที่ 468 ช่างสนุกมากจริง ๆ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

อันซีหนีโกรธจนชกหมัดไปที่ผนัง : “ดีจริง ๆ ลี่จุนถิงมันจงใจ ฉันว่าแล้วเชียวว่าทำไมลี่จุนถิงมันถึงได้ตอบตกลงง่ายดายขนาดนั้น”

อันซีหนีเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ตอนนี้สิ่งที่สามารถทำได้คือให้ตัวเองเสียหายน้อยที่สุด

เขาไม่มีทางเป็นอย่างไอลี่หุยหน้าโง่นั่นหรอกที่เอาแต่โบ้ยความผิดให้คนอื่น

ครั้งนี้เป็นเพราะตัวเองประมาทเกินไป ไม่ได้ทำความเข้าใจตลาดของเมืองซิงให้ดี แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการชักนำของลี่หุย เพราะเขามีเกี่ยวข้องกับโครงการหลายโครงการนี้ด้วย

อันซีหนีรู้สึกเสียใจที่ตัวเองดูถูกศัตรูเกินไป เห็นว่าลี่จุนถิงอายุยังน้อย เดิมทีคิดว่าคงไม่มีพิษมีภัยขนาดนั้น ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิดไป

“เอาเงินโปะเข้าไปก่อน สามารถอุดตรงไหนได้ก็อุด แต่ควบคุมการลงทุนไว้ อีกอย่างสั่งให้คนไปสืบมา ว่าตกลงเป็นไอลี่จุนถิงสารเลวนั่นหรือเปล่า” ถึงแม้ก่อนหน้าอันซีหนีจะพูดว่าเป็นฝีมือลี่จุนถิงมาตลอด แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน เพียงแต่เป็นความรู้สึกที่บอกเขาอย่างนี้

ยังไงซะการที่ตลาดหุ้นที่เขาได้ครอบครองก่อนหน้านี้ร่วงหนักจนไม่เหลือมูลค่า คนที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือลี่จุนถิง

ซาติงเมื่อได้รับคำสั่งก็ไปจัดการทันที

ทางด้านลี่หุยที่อยู่ในห้องทำงานก็กระวนกระวายใจหาทางออกไม่ได้

ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

ซู่จี้งยี้ได้ถือวิสาสะเข้าไปในห้องทำงานของลี่หุย

ลี่หุยเห็นเป็นซู่จี้งยี้ ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเท่าไหร่ ทว่ากลับทำท่าทางอวดดี : “ใครอนุญาตให้แกเข้ามา ไม่ได้รับอนุญาตจากฉันก็ถือวิสาสะเข้ามาในห้องทำงานของฉัน”

ซู่จี้งยี้มีเพียงรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า แต่ไม่ได้คิดจะพูดอะไร

“อ้อ? แล้วถ้าเป็นประธานอย่างฉันล่ะเข้ามาได้ไหม?” คำพูดของลี่จุนถิงดังมาจากด้านนอก

ลี่หุยตกใจกลัวไปทั้งตัว คิดไม่ถึงว่าลี่จุนถิงก็มาด้วย

เมื่อสิ้นเสียงพูด ลี่จุนถิงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก

ชุดสูทที่ตัดมาอย่างพอดีตัว ทำให้รูปร่างของลี่จุนถิงดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น รองเท้าหนังที่เช็ดจนแวววับคู่นั้น ส่องประกายวิบวับ ทำเอาลี่หุยที่มองดูรู้สึกแสบตาขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อเห็นเป็นลี่จุนถิง ลี่หุยก็พูดอะไรไม่ออกทันที

“แกรู้หรือเปล่าว่าช่วงนี้แกทำเรื่องงี่เง่าอะไรไว้บ้าง?” ลี่จุนถิงแสยะยิ้มออกมา คนที่ถูกเรียกว่าน้องชายของตัวเองคนนี้ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

ลี่หุยเงยหน้าขึ้น มองไปทางลี่จุนถิงด้วยความสับสนเล็กน้อย

ลี่จุนถิงพูดพลางเดินไปนั่งลงบนโซฟาหนังที่อยู่ในห้องทำงานของลี่หุย แล้วยกขาขึ้นมาไขว่ห้าง สองมือยกขึ้นพิงเหนือโซฟา ท่าทางสูงส่งมาก

ลี่หุยหรี่ตามอง ท่าทางสูงส่งของลี่จุนถิงในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์

“ไม่รู้เหรอ?” ลี่จุนถิงไม่รู้ว่าสายตาแบบนี้ของลี่หุยหมายความว่ายังไง แต่เขาจะหมายความว่ายังไงก็ไม่สำคัญทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือตอนนี้เขาจบเห่แล้ว “จี้งยี้ นายบอกเขาสิ”

“คุณลี่หุย โครงการทั้งหมดที่คุณได้ทำเกี่ยวข้องกับตลาดที่คุณชายลี่โอนออกไปก่อนหน้านี้ แต่วันนี้ตลาดหุ้นพวกนั้นร่วงจนไม่เหลือมูลค่าแล้ว โครงการของคุณตอนนี้ก็เสียหายหนักมาก” ซู่จี้งยี้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอด

ลี่หุยรูม่านตาหดลง สิ่งที่คิดไว้มาถึงแล้ว

“ฉันรู้แล้วน่า” ลี่หุยกัดฟันพูด “แกไม่ต้องมาเตือนฉันหรอก”

“ฮ่า” ลี่จุนถิงหัวเราะออกมา “ฉันไม่ได้มาเพื่อบอกว่าแกขาดทุนหรอกนะ ฉันแค่อยากมาเตือนแกไว้ ว่าอย่าดีกับคนนอกแล้วร้ายกับคนใน ทำแบบนั้นไม่มีวันได้ประโยชน์หรอกนะ”

ก่อนที่ลี่จุนถิงจะโอนตลาดออกไป ได้เคยถามความเห็นของลี่หุย เพราะโครงการที่ลี่หุยรับผิดชอบอยู่กับตลาดที่เขาจะโอนออกไปมีความเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นลี่จุนถิงจึงจงใจถามเขา อยากดูว่าลี่หุยจะเลือกแบบไหน

แต่ลี่หุยตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะไม่เก็บตลาดนั้นไว้ หรือคิดว่าโอนออกไปแล้วตัวเองจะควบคุมอะไรไม่ได้อีก หรือกลัวว่าตัวเองจะเล่นงานเอาได้

แต่สิ่งที่ลี่หุยคิดไม่ถึงก็คือ ลี่จุนถิงได้เตรียมแผนการสำรองไว้ก่อนแล้ว

การโอนตลาดครั้งนี้เขาต้องการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่เพียงแต่ต้องการให้อันซีหนีตกที่นั่งลำบาก แต่ยังต้องการให้ลี่หุยได้รับบทเรียนอีกด้วย

ถ้าลี่หุยยอมตามตลาดออกไป ขณะที่ลี่จุนถิงลงโทษอันซีหนีก็จะได้ทำให้ลี่หุยเสียหายย่อยยับไปด้วย

ถ้าลี่หุยไม่ยอม งั้นลี่จุนถิงก็จะคิดหาทางจัดการกับลี่หุยสักหน่อย

เพียงแต่ว่าตอนนี้ลี่หุยได้เลือกตามตลาดออกไป ทำให้ลี่จุนถิงไม่ต้องเปลืองแรง

ในส่วนของเงินที่ลี่หุยสูญเสียไปนั้นสำหรับลี่จุนถิงแล้วไม่ได้สำคัญอะไร โครงการเล็ก ๆ โครงการหนึ่งก็สามารถดึงกลับมาได้

แต่สำหรับท่านปู่ลี่นั้นไม่เหมือนกัน นี่ไม่เพียงแต่สูญเสียเงิน แต่เป็นการพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพชอีกด้วย และสิ่งที่ท่านปู่ลี่ไม่ชอบมากที่สุดก็คือคนประเภทนี้ที่ไม่เชื่อมั่นในคนของตัวเองแต่กลับเลือกที่จะยอมให้ตลาดของตัวเองเป็นไปตามสถานการณ์ของคนอื่น

นี่ไม่ต่างอะไรกับเห็นคนนอกดีกว่าคนใน

“เหอะ” ลี่หุยสบถออกมา

ลี่จุนถิงรู้ดีว่าลี่หุยดูถูกในสิ่งที่ตัวเองพูด : “แล้วแต่แกจะฟังไม่ฟังนะ วันนี้ฉันมาพูดกับแกเรื่องนี้แค่นั้น”

ลี่จุนถิงพูดจบก็เดินออกไป

แต่ซู่จี้งยี้กลับยังอยู่ เขาหัวเราะพลางเอ่ยพูดว่า : “คุณลี่หุย เนื่องจากโครงการของคุณในครั้งนี้ขาดทุนหนักมาก ดังนั้นคณะกรรมการบริหารเห็นว่าคุณน่าจะยังอายุน้อยไป แบกรับหน้าที่หนัก ๆ ไม่ไหว จึงตัดสินใจยึดอำนาจและตำแหน่งของคุณกลับคืน ให้คุณเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานธรรมดา หวังว่าต่อไปคุณจะทำงานให้เรียบร้อย”

ซู่จี้งยี้พูดจบก็จากไป นึกถึงใบหน้าที่ดำเหมือนเถ้าถ่านของลี่หุย เขาก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก

หลังจากซู่จี้งยี้ออกไป ลี่หุยก็โกรธจนพังข้าวของบนโต๊ะทำงาน

ลี่หุยในตอนนี้ทุกข์ทรมานใจแต่พูดอะไรไม่ออก สิ่งทุ่มเทมาทั้งหมดกลับสูญเปล่า ลี่หุยได้แต่รู้สึกเจ็บใจ

ความสามารถของตัวเองยังไม่ได้แสดงออกมาทั้งหมด จะจบสิ้นอย่างนี้ได้ยังไง่กัน

กว่าคนในบริษัทจะรู้ข่าวเรื่องนี้ ก็ผ่านไปสองวันแล้ว

สำหรับสถานะของลี่หุย ในบริษัทต่างมีคนซุบซิบกันมาตลอด บางคนข่าวไวมาก รู้ถึงเรื่องที่ลี่หุยเป็นลูกนอกสมรสของลี่เจี้ยนหวา ดังนั้นจึงค่อนข้างให้ความสนใจกับลี่หุยตลอด

ตอนแรกที่ลี่หุยได้รับอำนาจและได้ทำโครงการดี ๆ คนในบริษัทก็รู้สึกไม่เข้าใจ ว่าทำไมลี่จุนถิงถึงได้ยอมให้ลูกนอกสมรสคนหนึ่งโอหังอวดดีได้ขนาดนี้

ตอนนี้พวกเขาถึงเพิ่งรู้ตัว ว่าที่แท้ลี่จุนถิงพรางตาพวกเขาไว้อีกแล้ว เพียงแค่ปล่อยให้ลี่หุยได้ใจไปสักพักเท่านั้นเอง

เรื่องน่ากลัวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ลี่จุนถิงวางแผนอย่างดีไว้ก่อนแล้ว เพราะอยากให้ลี่หุยมีสภาพเหมือนอย่างตอนนี้

ยังไงซะคนในบริษัทก็รู้จักประธานของตัวเองดี ประธานของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปขึ้นชื่อเรื่องโหดเหี้ยมอำมหิตไม่ใช่เรื่องที่พูดส่งเดชกันเท่านั้น

เมื่อคิดได้อย่างนี้ ทุกคนก็รู้สึกใจสั่น ดูท่าต่อไปต้องตั้งใจทำงานซะแล้ว ไม่อย่างนั้นจะตายวันไหนยังไงก็ยังไม่รู้เลย

หลังจากที่ลี่จุนถิงออกมาจากห้องทำงานของลี่หุย เขาก็รู้สึกจิตใจเบิกบานมาก

ศัตรูของตัวเองยิ่งทุกข์ใจ ลี่จุนถิงก็ยิ่งอยากหัวเราะ เมื่อครู่นี้ลี่หุยพูดอะไรไม่ออกสักนิด ท่าทางที่อยากระบายอารมณ์แต่ระบายออกมาไม่ได้ ช่างสนุกมากจริง ๆ

แต่ว่าตอนนี้เขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ

เจียงหยุนเอ๋อยังอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้เขาจำเป็นต้องไปดูแลเธอ

หลังจากที่รับเจียงหยุนเอ๋อกลับมาก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเจียงหยุนเอ๋ออ่อนแอมากเหลือเกิน ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อจะไม่พูดอะไร แต่ตอนนั้นลี่จุนถิงก็พาเจียงหยุนเอ๋อไปส่งโรงพยาบาลทันที