ตอนที่ 464 ข้อพิพาทจากไท่จื่อ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

​เจียง​ซื่อ​มิได้​ไปร​่ว​มงาน​ไว้ทุกข์​ที่​จวน​อี๋​หนิง​โหว​ ​จะ​บอกว่า​เป็นเรื่อง​ใหญ่​ก็​คง​มิได้​ ​แต่​ครั้น​จะ​บอกว่า​เป็นเรื่อง​เล็ก​ก็​คง​มิได้​เช่นกัน​ ​หาก​ไม่มี​ผู้ใด​ท้วงติง​ ​ก็​ถือว่า​เลยตามเลย​ ​แต่​หาก​มี​ขุนนาง​ที่​พิถีพิถัน​เกิน​เรื่อง​จับตาดู​อยู่​ ​อาจ​ทำให้​นาง​ตกที่นั่งลำบาก​ได้​เช่นกัน

​กอง​ฎีกา​สูง​พะเนินเทินทึก​บวก​กับ​เหล่า​ขุนนาง​ที่​พุ่ง​เป้า​โจมตี​เมื่อ​ไม่​กี่​วันก่อน​สร้าง​ความประหลาดใจ​แก่​อวี​้​จิ​่น​ยิ่งนัก​ ​อีกทั้ง​วันนี้​ ​ขุนนาง​ที่​มีปัญหา​ยุ่งยิ่ง​มาก​ที่สุด​ยัง​ถูก​ลดขั้น​ ​ดูเหมือน​เรื่องราว​กำลัง​พิสูจน์​สิ่ง​ที่​เขา​คาดการณ์​เอาไว้

​“​ไท่​จื่อ​คง​ว่าง​เกินไป​”​ ​อวี​้​จิ​่​นวา​งมื​อลง​บน​โต๊ะ​พลาง​ถาม​เจียง​ซื่อ​ ​“​พวกเรา​เคย​ทำผิด​ต่อ​เขา​หรือไม่​”

​เจียง​ซื่อ​ขบคิด​ชั่วครู่​ก่อน​จะ​ส่าย​หัว​ ​“ณ​ ​ตอนนี้​ยัง​ไม่มี​”

​“​ก็​ยิ่ง​แปลก​เข้าไป​ใหญ่​ ​ในเมื่อ​ข้ามิ​ได้​มีชื่อเสียง​ดีเลิศ​อย่าง​เจ้า​สี่​ ​อีกทั้ง​มิได้​เป็น​ที่​โปรดปราน​อย่าง​เจ้า​หก​ ​เหตุ​ไฉน​เขา​ถึง​ได้​คอย​ขัดแข้งขัดขา​พวกเรา​”​ ​อวี​้​จิ​่​นคิด​หนัก​ในขณะ​ใช้​นิ้ว​เคาะ​ลง​บน​โต๊ะ

​ยิ่ง​คิด​ก็​ยิ่ง​จับต้นชนปลายไม่ถูก​ ​ชายหนุ่ม​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​ก่อน​จะ​เอ่ย​น้ำเสียง​เยียบ​เย็น​ ​“​หรือว่า​สมอง​ของ​เขา​ได้รับ​การก​ระ​ทบ​กระเทือน​ถึง​ได้​ทำตัว​เช่นนี้​ ​ทำ​มา​ ​ทำ​กลับ​ ​ไม่​โกง​หรอก​นะ​ ​ในเมื่อ​เขา​ไม่​ปรานี​พวกเรา​ ​ข้า​ก็​จะ​ไม่​เกรงใจ​อีกต่อไป​…​”

​เจียง​ซื่อ​ส่าย​ศีรษะ​ ​“​ช่างเถอะ​ ​จาก​ที่​ข้า​ดู​หลัง​ฤดูใบไม้ร่วง​ ​ตั๊กแตน​คง​เริงร่า​ได้​อีกไม่นาน​[1]​ ​พวกเรา​มิจำ​เป็น​ต้อง​ลงมือรอดู​เฉยๆ​ ​จะ​ดีกว่า​”

​หาก​คำนวณ​ตาม​เบาะแส​เมื่อ​ชาติก่อน​ ​ใน​ช่วง​คิมหันตฤดู​ ​ปี​ที่​สิบ​เก้า​ของ​รัช​ศก​จิ​่ง​หมิง​ ​ฮ่องเต้​จะ​นำ​เหล่าราช​นิกุล​ ​ขุนนาง​ ​ข้าราชการ​และ​เหล่า​ทหาร​ออก​ไปนอก​เมือง​เพื่อ​สักการะ​ฟ้า​ดิน​อย่างเช่น​ทุกปี

​แต่ทว่า​ใน​ครั้งนั้น​มี​เหตุการณ์​หนึ่ง​เกิดขึ้น​ ​วันนั้น​มี​หิมะ​และ​ลม​พัด​แรง​ ​เป็นเหตุให้​กอง​ขบวน​ของ​จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​ต้อง​หยุด​ประทับ​ที่​ราช​นิเวศน์​ ​ใน​คืน​นั้น​ไท่​จื่อ​เข้าไป​หลับนอน​อยู่​กับ​หยาง​เฟย​ ​พระสนม​คนโปรด​ของ​ฮ่องเต้​…​ ​จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​พิโรธ​ขึ้ง​ถึงขั้น​ออกคำสั่ง​ปลด​ไท่​จื่อ

​การปลด​ไท่​จื่อ​ใน​ปี​ที่​สิบ​เก้า​ของ​รัช​ศก​จิ​่ง​หมิง​กลายเป็น​เรื่องใหญ่​โต

​หลังจากนั้น​ ​ไท่​จื่อ​ถูก​สถาปนา​ให้​กลับมา​ดำรงตำแหน่ง​อีกครั้ง​ ​และ​ถูก​ปลด​ซ้ำ​เป็น​ครั้ง​ที่สอง​ ​ซึ่ง​นั่น​จะ​เริ่ม​เข้าสู่​ยุคสมัย​ของ​การนองเลือด​เพื่อ​แก่งแย่ง​อำนาจ​อย่างเป็นทางการ

​แม้​เจียง​ซื่อ​จะ​มิใช่​คนฉลาด​เป็น​กรด​ ​แต่​อย่างน้อย​การ​ที่​ไท่​จื่อ​หลับนอน​กับ​สนม​คนโปรด​ของ​ฮ่องเต้​ ​แต่​ยัง​มีสิทธิ์​กลับมา​ดำรงตำแหน่ง​ไท่​จื่อ​อีกครั้ง​ก็​สามารถ​สรุป​ได้​ว่า​ฮ่องเต้​เห็น​ว่า​ตี๋​จื่อ​ ​ผู้​เป็น​โอรส​จาก​ฮองเฮา​พระองค์​ก่อน​สำคัญ​กว่า​องค์​ชาย​องค์​อื่นๆ​

​กล่าวคือ​ ​เมื่อ​ไท่​จื่อ​ไม่​ทน​รับ​น้ำหนัก​ของ​กำแพง​สูง​ได้​อีกแล้ว​ ​จึง​เป็นการ​เปิดโอกาส​ให้​องค์​ชาย​องค์​อื่นๆ​ ​เข้ามา​แย่งชิง​กระดูก​ชิ้น​โต​อย่าง​บัลลังก์​ต้า​โจว

​การปลด​ไท่​จื่อ​ครั้ง​ที่หนึ่ง​กำลัง​คืบ​ใกล้​เข้ามา​ ​ถัดจาก​นั้น​เขา​จะ​ได้​กลับมา​ดำรงตำแหน่ง​อีกครั้ง​ ​ใน​ระยะเวลา​อัน​สั้น​นี้​ ​ฝ่า​บาท​ยังคง​เฝ้ามอง​ด้วย​สายตา​ของ​ความ​เป็น​พ่อ​ ​ใน​สถานการณ์​ล่อแหลม​เช่นนี้​จึง​ยัง​ไม่​ควร​ลงมือ​ ​เพราะ​หาก​ทิ้งร่องรอย​ไว้​ ​และ​ฝ่า​บาท​จับได้​คง​ไม่​ใคร่​ดีนัก

​“​ตน​เป็น​ที่พึ่ง​แห่ง​ตน​”​ ​อวี​้​จิ​่​นก​ล่าว

​“​อาจิ​่น​ ​ยาม​นี้​เรา​ควร​นึกถึง​ลูก​ที่จะ​เกิด​มา​เข้า​ไว้​ ​สงบใจ​ไว้​จะ​ดีกว่า​”

​ครั้น​ได้​ฟัง​เจียง​ซื่อ​กล่าว​เช่นนี้​แล้ว​ ​อวี​้​จิ​่​นก​็​จน​ด้วย​คำพูด​ ​เขา​เพียง​พยักหน้า​รับ

​ในเมื่อ​ความแค้น​ที่​มี​ไม่​อาจ​ระบาย​ออก​ไป​ ​อวี​้​จิ​่​นที​่​ก้าว​เท้า​ออกจาก​อวี​้​เหอย​่​วน​จึง​พุ่งตัว​ไป​ที่​ลาน​ประลอง​ทันที​ ​เขา​ฝึกซ้อม​เต็มแรง​ ​เล่น​เอา​หลง​ต้าน​ที่​รับหน้าที่​เป็น​คู่​ฝึก​แทบ​สิ้นลม

​หลง​ต้าน​ที่นอน​แอ้งแม้ง​อยู่​บน​พื้น​แข็ง​กล่าว​ร้องขอ​ชีวิต​ ​“​เจ้านาย​ ​ปล่อย​ผู้น้อย​ไป​เถิด​ ​อย่า​ลืม​ว่า​ท่าน​ยัง​มี​เหลิง​อิ่ง​อีก​คน​”

​อวี​้​จิ​่น​เหลือบมอง​หลง​ต้าน​อย่าง​รำคาญใจ​ ​“​จาก​ที่​ข้า​ดู​ ​เจ้า​คง​ไปเที่ยว​ที่​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​จน​หมด​เรี่ยว​หมดแรง​กระมัง​”

​หลง​ต้าน​ที่นอน​พะงาบๆ​ ​กระเด้ง​ตัว​ขึ้น​ทันใด​ ​“​เจ้านาย​ ​นี่​ท่าน​กำลัง​กล่าวหา​ผู้บริสุทธิ์​นะ​ขอรับ​!​ ​จริงอยู่​ที่​ผู้น้อย​ไป​ที่​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​หลายครั้ง​ ​แต่​ทุกครั้ง​ก็​ไป​เพื่อ​สืบหา​เบาะแส​ ​อะไร​คือ​การ​ไปเที่ยว​จน​หมด​เรี่ยว​หมดแรง​ ​ผู้น้อย​ดู​เป็น​คน​เช่นนั้น​หรือ​ขอรับ​ ​ผู้น้อย​ยัง​ต้อง​รักษา​เนื้อ​รักษาตัว​ไว้​แต่ง​เมียนะ​ขอรับ​”

​ครั้น​กล่าวถึง​ตรงนี้​ ​หลง​ต้าน​ก็​แสดง​สีหน้า​ขุ่นเคือง​พร้อม​บ่น​มุบมิบ​ ​“​ท่าน​ได้​อภิเษก​กับ​พระ​ชายา​แล้ว​ ​คงได้​สำเริงสำราญ​สมใจ​ ​บัดนี้​ถึง​ได้​ลืม​หัวอก​บุรุษ​หิวโซ​ไป​เสีย​สนิท​ ​แค่​ไปเที่ยว​ที่​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​ยัง​ถูกจับ​ตาดู​…​”

​“​เจ้า​ว่า​อย่างไร​นะ​”​ ​อวี​้​จิ​่น​สะบัด​เท้า​ใส่

​หลง​ต้าน​ใช้​มือ​กุม​ก้น​หลบ​บาทา​พลาง​ร้อง​ ​เจ้านาย​ ​ท่าน​มี​ภรรยา​แล้วก็​ไม่​ควร​ลืม​ผู้น้อย​อย่าง​พวก​ข้า​ ​พวก​ข้า​ยัง​เป็น​บุรุษ​โสด​ผู้​โดดเดี่ยว​อยู่​เลย​นะ​ขอรับ​”

​อวี​้​จิ​่น​ชะงักงัน​ ​จ้องเขม็ง​ไป​ที่​หลง​ต้าน

​สายตา​นั้น​ทำเอา​หลง​ต้าน​เนื้อตัว​สั่นสะท้าน​จน​ต้องหา​ที่​กำบัง

​“​มานี​่​”

​หลง​ต้าน​ยิ้ม​ด้วย​สีหน้า​เหนียมอาย​ ​“​ท่าน​ต้อง​บอก​มาก​่อ​นว​่า​จะ​ทำ​อัน​ใด​”

​อวี​้​จิ​่น​เลิก​คิ้ว​พร้อม​รอยยิ้ม​เย็นเยียบ​ ​“​เดี๋ยวนี้​รู้​จะ​ต่อรอง​กับ​ข้า​แล้ว​รึ​”

​หลง​ต้าน​เดิน​มา​พร้อม​ใบหน้า​ขมขื่น

​อวี​้​จิ​่​นลูบ​คาง​พลาง​มอง​อย่าง​พินิจพิเคราะห์​

จาก​รูปลักษณ์​ถือว่า​ใช้ได้​ ​ขาด​ก็​แต่​คุณสมบัติ​บางประการ​เท่านั้น

​หลง​ต้าน​สอดส่าย​สายตา​อย่าง​ระแวดระวัง​ ​“​เจ้านาย​ ​เหตุใด​ถึง​มอง​ข้า​น้อย​ด้วย​สายตา​เช่นนั้น​”

​เจ้านาย​มอง​เขา​ด้วย​สายตา​พิลึก​ชอบกล​…

​“​เจ้า​อยาก​แต่ง​เมียงั​้​นรึ​”

​หลง​ต้าน​รีบ​พยักหน้า​หงึกหงัก​ ​ทว่า​หลังจากนั้น​กลับ​รู้สึก​ว่า​ตนเอง​กระดี๊กระด๊า​เกิน​เรื่อง​ ​จึง​หัวเราะ​กลบเกลื่อน

​อวี​้​จิ​่​นขมวด​คิ้ว​มุ่น​ในขณะที่​สมอง​กำลัง​ขบคิด​เรื่อง​หนึ่ง​ หญิง​ผู้​นั้น​มีศักดิ์​เป็น​อา​หญิง​ของ​เจียง​ซื่อ​ ​หาก​เขา​จับคู่​แม่นาง​โต้​วกับ​หลง​ต้าน​ ​เขา​คง​ต้อง​เรียก​หลง​ต้าน​ว่า​อา​เขย​งั้น​หรือ

จริงอยู่​ที่​ญาติห่างๆ​ ​เช่นนั้น​มิจำ​เป็น​ต้อง​ใส่ใจ​ ​เพราะ​คง​ไม่มี​ผู้ใด​บีบ​คอ​ให้​เขา​เรียก​ ​แต่​พอคิด​ๆ​ ​ดูแล​้​วก​ระ​ดาก​ปาก​ชะมัด

ช่างเถิด​ ​เอาเป็นว่า​หา​คนที​่​ไม่ต้อง​เห็น​หน้า​กัน​ทุกวัน​ให้​แม่นาง​โต้​วจะ​ดีกว่า

​เมื่อปีกลาย​มีบุ​รุษ​หนุ่ม​รูปงาม​ตาม​เขา​กลับ​จาก​หนาน​เจียง​หลาย​คน​ ​ซึ่ง​ส่วนหนึ่ง​ถูก​ส่งตัว​ไป​เป็น​ทหาร​รักษาการณ์​ที่​ชานเมือง​ ​มาคิด​ดูแล​้ว​ ​คน​กลุ่ม​นั้น​ถือว่า​เหมาะสม​ทีเดียว​เชียว

​อวี​้​จิ​่​นคิด​ตก​ดังนั้น​ก็​หันหลัง​เดิน​กลับ​ไป​ ​ปล่อย​ให้​หลง​ต้าน​ยืน​งุนงง​ไม่รู้​เหนือ​รู้​ใต้​อยู่​ตรงนั้น

หรือว่า​เพราะ​เขา​ดู​ไม่​ตื่นเต้น​ ​เจ้านาย​เลย​เปลี่ยนใจ

​มา​ให้​ความหวัง​แล้วก็​เงียบ​ไป​ดื้อ​ๆ​ ​ต่าง​จาก​การ​ทิ้ง​ไว้​กลางทาง​ตรงไหน​!

​“​เจ้านาย​ ​ช้าก่อน​…​”​ ​หลง​ต้าน​ตะลีตะลาน​ตาม​ไป

​……

​นับวัน​อากาศ​ยิ่ง​เย็น​ลง​ ​ราวกับว่า​อีก​พริบตาเดียว​ก็​จะเข้า​สู่​ฤดูหนาว

​ผู้คน​ที่​สาละวน​อยู่​กับ​การงาน​ตลอด​ฤดูร้อน​และ​ฤดูใบไม้ร่วง​ได้​ใช้เวลา​เพลิดเพลิน​ไป​กับ​การ​ว่างเว้น​ใน​ช่วง​ฤดูหนาว​ ​บ้าง​ก็​นอน​เขลง​อยู่​ใน​เรือน​ไม่​ออก​ไป​ไหน​ ​หรือ​แม้แต่​ใน​วัง​หลวง​ก็​ดู​เงียบสงัด​ไม่​แพ้​กัน​ ​มี​เพียง​พลทหาร​ที่​สวม​ชุด​เกราะ​หน่วย​องครักษ์​จิน​อู๋​เท่านั้น​ที่​ยังคง​เดิน​ลาดตระเวน​อยู่​รอบ​ๆ​

​สิ่ง​ที่อยู่​เป็นเพื่อน​คน​เหล่านั้น​มี​เพียง​สายลม​หนาว​จับใจ​กับ​ต้นไม้​ที่​ละ​ใบ​จน​หมด​ต้น

​“​สภาพอากาศ​เส็งเคร็ง​ ​นี่​ยัง​ไม่​เข้า​ฤดูหนาว​ยัง​หนาว​ได้ขนาด​นี้​”​ ​ปลายจมูก​ของ​องครักษ์​จิน​อู๋​นาย​หนึ่ง​เย็นเจี๊ยบ​จน​เรื่อ​สีแดง​ ​เขา​พยายาม​ใช้​มือสอง​ข้าง​ถูกัน​เพื่อ​สร้าง​ความอบอุ่น

​องครักษ์​จิน​อู๋​อีก​นาย​หัวเราะ​ขึ้น​ ​“​ใคร​ต่าง​ก็​ว่า​ปีก่อน​หนาว​กว่า​ ​แต่​ข้า​กลับ​รู้สึก​ว่า​อากาศ​ปีนี​้​รุนแรง​กว่า​มาก​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​มี​ผู้คน​ต้อง​ทนทุกข์​อีก​ตั้ง​เท่าไหร่​”

​เหมันตฤดู​มา​เยือน​คราใด​ ​จำ​มี​ขอทาน​หนาว​ตาย​ร่ำไป​ ​อีกทั้ง​ยัง​มี​ผู้เฒ่าผู้แก่​อีก​มาก​ที่​ร่างกาย​ไม่​อาจ​ต้านทาน​ลมหนาว​ ​และ​จบชีวิต​ลง​ก่อน​จะ​ถึง​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​ความจริง​ข้อนี​้​เกิดขึ้น​ใน​ทุก​แว่นแคว้น​ ​แม้แต่​ที่​ที่​เจริญ​อย่าง​ใน​เมืองหลวง​ก็​ไม่ได้​รับ​การยกเว้น

​“​เอาเถอะ​ ​คนอื่น​ทุกข์​ทน​ไหม​ข้า​ไม่รู้​ ​รู้​เพียง​ว่า​ ​แค่​จะ​ผ่าน​วันนี้​ไป​ได้​ก็​ทุกข์ทรมาน​แสนสา​หัส​แล้ว​”​ ​ครั้น​เห็น​ว่า​มี​อีก​สอง​คน​กำลัง​เดิน​มาทาง​ที่​พวกเขา​ยืน​อยู่​ ​องครักษ์​ผู้​นั้น​ก็​ถอนหายใจ​ออกมา​อย่าง​โล่งอก​ ​“​พวก​เจียง​เอ้อร​์​มา​เปลี่ยน​กะ​แล้ว​ ​ทีนี้​พวกเรา​จะเข้า​ไป​ผิง​ไฟ​ใน​เรือน​เสียที​”

​ห่าง​ออก​ไป​ไม่​ไกล​ ​ไท่​จื่อ​ใน​ชุดลำลอง​เอ่ย​ถาม​คน​ข้างๆ​ ​เสียงต่ำ​ ​“​ผู้​นั้น​คือ​พี่ชาย​ของ​ชายา​เยี​่​ยน​อ๋อง​งั้น​หรือ​”

​ครั้น​ได้รับ​การ​ยืนยัน​ ​ที่​มุม​ปากของ​ไท่​จื่อ​ก็​ฉายแวว​ไม่แยแส​ก่อน​จะ​ยก​เท้า​เดิน​ไป

​ไม่มี​ผู้ใด​กล้า​ส่งเสียง​เอะอะ​ใน​เขต​วัง​หลวง​ ​หน่วย​องครักษ์​จิน​อู๋​ทั้งสอง​นาย​จึง​เพียงแต่​โบกไม้โบกมือ​ให้​เจียง​จั้น

​ครั้น​เจียง​จั้น​เห็น​เช่นนั้น​ก็​เร่งฝีเท้า​ไป​ทันที​ ​เขา​เอียง​ศีรษะ​ไป​บอก​สหาย​ข้างๆ​ ​พร้อม​ส่ง​ยิ้ม​ ​“​พวก​นั้น​รอนาน​แล้ว​ ​รีบ​ไป​กัน​เถอะ​”

​ไม่ทัน​รอ​ให้​อีก​คน​ตอบรับ​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มี​คน​ๆ​ ​หนึ่ง​เดิน​มาตรง​หน้า​เขา​ ​เจียง​จั้น​รีบ​เอี้ยว​ตัว​หลบ​ ​ทว่า​ก็​ยัง​ชน​เข้าที่​ไหล่​จนได้

​“​ขออภัย​…​”​ ​เจียง​จั้น​พิศ​มอง​คนตรง​หน้า​ก่อน​จะ​ชะงักงัน​นิ่งอึ้ง​ไป

ผู้​นี้​ดู​ละม้าย​คล้าย​ไท่​จื่อ​…

​แม้ว่า​เจียง​จั้น​จะ​อยู่​ใน​หน่วย​องครักษ์​จิน​อู๋​มานาน​ ​แต่กลับ​เคย​เห็น​ไท่​จื่อ​จาก​ที่​ไกลๆ​ ​เพียง​สองครั​้ง​เท่านั้น​ ​ทว่า​บุคคล​ตรงหน้า​อยู่​ใน​ชุดลำลอง​จึง​ยาก​จะ​ฟันธง

แต่​ถ้า​จำ​ไท่​จื่อ​ไม่ได้​ ​ถึงคราว​ฉิบหาย​เป็นแน่

​องครักษ์​จิน​อู๋​อีก​คน​ค้อม​หลัง​พร้อม​มือ​คารวะ​ ​ถวาย​ความเคารพ​ไท่​จื่อ​เสีย​เรียบร้อย

​เจียง​จั้น​จึง​ลอบ​ถอนหายใจ​แผ่วเบา​ ​ชายหนุ่ม​ยกมือ​ขึ้น​คารวะ​ ​“​ข้า​น้อย​ประมาท​เลินเล่อ​ ​ขอ​องค์​รัชทายาท​ประทาน​อภัย​”

​ไท่​จื่อ​กวาดตา​มอง​เจียง​จั้น​ ​พร้อม​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ ​“​เป็น​แค่​องครักษ์​จิน​อู๋​กลับ​เลินเล่อ​ ​แล้ว​บังอาจ​ขอประทาน​อภัย​ด้วย​ท่าที​เช่นนี้​งั้น​หรือ​”

มีเรื่อง​กับ​เจ้า​เจ็ด​ทีไร​ ​เป็นอัน​ต้อง​ซวย​ทุกครั้ง​ไป​ ​หนำซ้ำ​หมู่นี้​ยัง​ถูก​เสด็จ​พ่อ​ด่า​ตะเพิด​เสีย​ๆ​ ​หาย​ๆ​ ​อีกทั้ง​ยัง​ปลด​ขุนนาง​คนสนิท​ของ​เขา​เสียด​้วย​ ​หาก​ความคับแค้นใจ​นี้​ไม่ได้​ระบาย​ออก​ไป​ ​คงได้​อกแตก​ตาย​เป็นแน่

วันนี้​เขา​จะ​ทำให้​เจ้า​เจ็ด​ได้​ลิ้มรส​ชาติ​ของ​การกลืน​ไม่​เข้า​คาย​ไม่​ออก​ ​คอย​ดู​!

————————————————-

[1]​ หลัง​ฤดูใบไม้ร่วง​ ​ตั๊กแตน​คง​เริงร่า​ได้​อีกไม่นาน ​เพราะ​ปกติ​ตั๊กแตน​จะ​ขยายพันธุ์​ใน​ช่วง​ฤดูใบไม้ร่วง​ ​และ​หลังจากนั้น​เมื่อ​เริ่ม​เข้า​ฤดูหนาว​ ​พวก​มัน​จะ​ไม่​กิน​อาหาร​และ​ตาย​ในที่สุด​ ​ใช้​ใน​การเปรียบ​เปรย​ ​หมายถึง​คน​ทำชั่ว​ ​ย่อม​มี​วันที่​สวรรค์​ลงโทษ​