บทที่ 466 นักฆ่าเงาปีศาจ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 466 นักฆ่าเงาปีศาจ

ยังไม่ยอมให้เขาได้คิดมาก เงาปีศาจสองเงานั้นก็พันพัวเขาอีก ไม่มีวิธีสลัดออก ป่ายเม่ยเซิงทำได้เพียงฝืนวุ่นวายกับพวกเขา

ตาเห็นเงาดำของเงาปีศาจอื่นๆพวยพุ่งออกมาจากน้ำ เฉกเช่นโบผ้าไหมมุดเข้าไปในห้องส่วนตัวแต่ละห้องของเรือแห่งความสิ้นหวัง จากนั้นบนหน้าต่าง ข้างประตูห้องก็สาดด้วยสีแดงฉานบาดตา

แม้จะปล่อยสัญญาณแล้ว คนของเรือแห่งความสิ้นหวังได้มีการเตรียมตัวแล้ว

แต่การมาอย่างกะทันหันของเงาปีศาจเหล่านั้นชั่งแปลกประหลาด มีความรวดเร็วเป็นที่สุดไม่ว่า เงาร่างยังร่องรอยไม่อยู่นิ่ง ลงมือไปทางพวกเขายากมาก

อีกทั้ง มากกว่ายิงจวนที่เจ้าของเรือของพวกเขาจัดการบริหาร ยังเป็นวิธีการที่โหดร้าย

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง!

ในที่สุดป่ายเม่ยเซิงก็หาจุดอ่อนของเงาปีศาจพบ แทงหนึ่งในคนที่พัวพันเขาตายในหนึ่งดาบ อีกคนหนึ่งก็ถูกเขาแทงได้รับบาดเจ็บ แต่

ตัวเขาเองก็มีเลือด รอยแผลสองสามรอยประทับอยู่บนร่างกาย

ขณะที่เขาพุ่งเข้าไปในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ด้านในก็ล้วนเป็นทะเลเลือดแล้ว เสียงร้องเวทนาดังต่อเนื่อง

“ปัง……”

เงาคนผู้หนึ่งทะลุหน้าต่างเข้ามา ล้มขวางอยู่ที่พื้นโดยตรง มุมปากมีเลือดทะลักออกมา

“ซาหมั่นเฉิง เจ้าก็ชั่งอ่อนไปแล้วมั้ง?” ป่ายเม่ยเซิงทอดถอนใจ

จากนั้นก็รีบไปคุ้มกันข้างหน้าเขา ซาหมั่นเฉิงทำตาขาวใส่เขาแวบหนึ่ง พูดอย่างอารมณ์เสีย :

“อ่อน? หวังว่าอีกครู่ เจ้าอย่าตายก่อนข้า”

หางเสียงยังไม่ได้หลุด บนหน้าต่างที่ซาหมั่นเฉิงทะลุหน้าต่างเข้ามาเมื่อครู่ เงาปีศาจเจ็ดแปดเงาก็ไถลเข้ามาดั่งน้ำไหล ล้อมรอบพวกเขาทั้งสองคนไว้ในพริบตา

ณ เวลานี้!

ป่ายเม่ยเซิงอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ สีหน้าเคร่งขรึมกว่าปกติ กล่าวอย่างเย็นยะเยือกเสียงหนึ่ง

“เจ้าได้กำไรพอแล้วหรือยัง?”

“ได้กำไรตั้งนานแล้ว” ซาหมั่นเฉิงมองดูเงาปีศาจที่ปรารถนาจะพุ่งเข้ามาแต่ไม่พุ่งเข้ามาอย่างระมัดระวังไปพลาง หัวเราะเยาะเย้ยออกมาพลาง ราวกับว่ามองป่ายเม่ยเซิงทะลุปรุโปร่งแล้วเช่นนั้น

“เจ้ายังไม่หรอก? ได้กำไรไม่พอ ถึงนรกก็อย่ามาหาข้า ข้าคนนี้ขายขี้หน้าไม่ลง”

“พวกเจ้ายังพูดไร้สาระอย่างสบายใจอีก? รีบคิดวิธีจัดการคนเหล่านี้ทิ้ง เจ้าของเรือมีอันตราย”

เสียงที่ดังมาอย่างฉับพลัน

ทำให้ป่ายเม่ยเซิงและซาหมั่นเฉิงตกตะลึงพร้อมกัน สีหน้าขาวซีดเพราะโดนเสียงนี้ทำให้ตกใจ ใจเหมือนเถ้าที่มอดดับไปทันที

สมาชิกหลักของเรือแห่งความสิ้นหวังมีใครไม่รู้จัก เวลาเช่นนี้ ที่ต้องเลี่ยงที่สุดคือการเห็นโจ๋จุนชิง แม้ว่าจะเป็นการได้ยินเสียงของเขา

ทั้งสองคนรีบมองไปทางที่มาของเสียง ที่เห็นกลับเป็นเงาปีศาจที่เรียงกันเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ ภาพดำมืด ราวกับว่าไม่อัดจนห้องส่วนตัวเต็มก็จะไม่วางใจเช่นนั้น

จบแล้ว!

โจ๋จุนชิงดึงดูดให้เงาปีศาจเข้ามาที่ห้องส่วนตัวห้องนี้แล้ว สมควรตาย

“เจ้าบ้า ได้หลบมาที่ห้องส่วนตัวที่ไกลที่สุดแล้ว ยังจะให้เขาเจออีก” ป่ายเม่ยเซิงคับแค้นใจเช่นนั้น!

“เกี่ยวอะไรกันล่ะ? เขาสามารถช่วยเจ้าฆ่าเพิ่มได้หลายคน แต่ เมื่อครู่ข้าเหลือบเห็นเขาแวบหนึ่ง เหมือนกับว่าเขายังจะบาดเจ็บหนักกว่าข้าอีก เหอะเหอะ คุ้มที่จะฉลอง”

ป่ายเม่ยเซิงมุมปากกระตุก

ยังจะดีใจ?

แต่ว่า ซาหมั่นเฉิงพูดก็ไม่ผิด โจ๋จุนชิงเป็นคนที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่ง สามารถฆ่าเพิ่มได้อีกหลายคนจริงๆ เพียงแต่ใจในไม่ยอม มีสิทธิ์อะไรต้องเป็นบันไดที่ก้าวไปสู่ความก้าวหน้าของเขา? ชั่งไม่ยุติธรรมนัก

“ช่างเถอะช่างเถอะ ดูว่าใครจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปพบเจ้าของเรือได้”

ต่อจากนั้น ในห้องส่วนตัวก็มีเสียงต่อสู้ดังออกมา……

ห้องที่เจ้าของเรืออยู่ ตั้งอยู่ที่ห้องใต้ดินของเรือแห่งความสิ้นหวัง

เดิมทีหานแสก็ไม่ได้อยากนอน ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงเสียดหูของสัญญาณ เขาก็พบความผิดปกติตั้งนานแล้ว แต่เขายังคงลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างไม่รีบร้อนแล้วไม่ได้ชักช้า ดวงตาดั่งดอกท้อทั้งคู่ที่ชวนหลงใหล เป็นลักษณะเดิมของหานแส เวลานี้ผลิออกถึงแรงสังหารที่คุกรุ่น

ในไม่ช้า

เงาปีศาจเงาหนึ่งที่พันรอบคานเหมือนงูอยู่ด้านบนศีรษะ ในชั่วพริบตา โน้มตัวลงมา ใกล้เข้ามาที่ศีรษะของหานแส พลังที่ออกมานั้นราวกับว่าต้องการโจมตีเพื่อปลิดชีวิต

แต่ใครรู้……

นาทีที่เงาปีศาจนั้นใกล้จะสัมผัสโดนเขา ทันใดนั้นก็ถูกฝ่ามือที่เรียวยาวกั้นไว้ด้านหน้าก่อนเข้าไปหนึ่งนิ้ว จากนั้นเงาปีศาจนั้นก็เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด และเริ่มกลายเป็นน้ำเลือดด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยสายตา

มุมปากของหานแสปรากฏรอยยิ้มแห่งความกระหายเลือด เมื่อสะบัดมือ “ปังปัง” เสียงหนึ่ง ร่างคนที่เหมือนกับชุดเสื้อผ้าสีดำก็ถูกโยนไปด้านข้าง กระดูกเปื้อนเลือดหลายชิ้นกระจัดกระจายออกมา

มองดูเสื้อผ้าของศพที่ได้ตายนั้น หานแสขมวดคิ้วแน่น กระชับริมฝีปากบางๆ

นาทีถัดมา

ร่างกายเขาเอียงไปข้างหนึ่ง เงาปีศาจเงาหนึ่งผ่านด้านหน้าของเขาไป มองตามเงาปีศาจนั่นไป เงาปีศาจสิบกว่าเงาก็ปรากฏขึ้นในห้องของเขาไปแล้ว บนร่างของแต่ละคนแผ่กระจายแรงสังหารอย่างหนักหน่วง

นักฆ่าที่ผีเข้าผีออกเหล่านี้ หานแสไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก และรู้ว่าพวกเขาเป็นอะไร สำหรับการปรากฏตัวที่นี่ของพวกเขา น่าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

ในไม่ช้าเงาปีศาจสิบกว่าเงาก็พุ่งไปฆ่าเขา ต่อกรกับนักฆ่าปีศาจเหล่านี้ หานแสไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงอะไร ชั่วพริบตาก็ได้ฆ่าพวกเขาตายแล้ว

เขาเปล่งเสียงหึอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง!

กำลังเตรียมตัวเดินออกไป เพิ่งจะยกเท้าก็รีบวางลงทันที

พลานุภาพที่กดดัน……

พลานุภาพที่กดดันแข็งแกร่งมาก…….

แข็งแกร่งกว่าอ๋องเย่ในเวลาที่รุ่งเรืองที่สุด จนถึงน่าเกรงกลัวถึงขีดสุด และพลานุภาพความกดดันเช่นนี้ทำให้เขานึกถึงคนผู้หนึ่ง และทำให้เขามั่นใจว่าเป็นคนผู้นั้นจริงๆ คนผู้นั้นที่เขาทั้งเกลียดสุดขีดและกลัวสุดขีด—ราชครูเทียนเวิง

เขามาแล้ว

แล้วก็อยู่ในห้องนี้

หานแสขยับเล็กน้อย ราวกับมีลมเย็นพัดใบหน้า หันศีรษะในพริบตา มองไปทางห้องด้านใน ทางเข้าห้องด้านใน มีประตูบานหนึ่ง ใช้ผ้าม่านบังไว้

เวลานี้ มีมือแก่ๆที่เต็มไปด้วยความเหี่ยวย่น คว้าผ้าม่านไว้ทันใด เผยให้เห็นเพียงเล็บมือที่ยาวๆสามสี่นิ้ว

จากนั้น ผ้าม่านก็ค่อยๆแหวกออก คนชราผู้หนึ่งที่เต็มไปด้วยผมขาว ร่างกายสวมใส่ชุดเหมือนจีวรของนักบวชลัทธิเต๋าปรากฏตัวอยู่ที่ประตูห้องด้านใน ในชั่วพริบตา

แววตาของเขาเฉียบคม สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย เดินเข้ามาทางหานแสทีละก้าวทีละก้าว มือแก่ๆอีกข้างกำลังขับเคลื่อนกำลังภายในที่ทรงพลัง ทั้งๆที่เป็นเพียงการขับเคลื่อนกำลังภายในง่ายๆ กลับทำให้คนเปิดตาได้อย่างยากลำบาก

“นานถึงสามปี คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”

ราชครูเทียนเวิงหรี่ตา น้ำเสียงแก่ชรา คล้ายกับน้ำเสียงดึกดำบรรพ์ค่อยๆดังขึ้น

เรือแห่งความสิ้นหวัง เริ่มตั้งแต่สามปีก่อน เจ้าของเรือแห่งความสิ้นหวังท่านชายหยิ่งหายตัวไปอย่างกะทันหัน ต่อด้วยการเปลี่ยนคนอีกผู้หนึ่งมารับตำแหน่งเจ้าของเรือแทน

เล่ากันว่าเป็นเจ้าของเรือที่ถ่อมตนมากผู้หนึ่ง คิดไม่ถึง ยังคงเป็นท่านชายหยิ่งผู้นั้น

คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ตาย!

ปีนั้น ท่านชายหยิ่งผู้นี้เป็นเขาที่ลงมือตีด้วยตนเองให้ตกลงไปในหุบเหวกลางทะเลดอกกระดูกขาว พิษกู่จิ้นของพุ่มดอกไม้นับร้อยได้รับการรบกวนให้ออกมา พิษกู่จิ้นปริมาณมากบุกรุกเข้าร่างกายของเขา

ถึงขนาดนี้ยังไม่ตาย

เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างหนึ่ง……

ท่านชายหยิ่งถูกคนช่วยเหลือไว้ คนผู้นั้นก็คือผู้ที่ทำให้ขณะที่นางใช้วิชาการควบคุมพิษกู่จิ้นประสบกับผลสะท้อนกลับ เกือบจะตาย และเป็นคนที่เผาดอกกระดูกขาวที่เขาจัดการดูแลอย่างทุ่มเทอย่างราบคาบ

เวลาอันสั้น

แววตาของราชครูเทียนเวิงก็มีโทสะที่รุนแรงขึ้นมา ทำให้หานแสรู้สึกได้ถึงแรงสังหารที่คุกรุ่นได้ทันที

“เหอะ! ท่านก็ไม่ใช่ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือ?”

หานแสแสยะมุมปาก ในตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน สายตาจับจ้องราชครูเทียนเวิงที่เดินเข้ามาหาตัวเองอย่างเชื่องช้า

“หลานเยาเยาล่ะ? เจ้าไม่ตาย คิดว่านางก็คงไม่ตายสินะ?” ราวกับว่าราชครูเทียนเวิงรู้สึกได้ถึงคำว่าอัปยศสองคำอีกครั้ง คนที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา ให้การโจมตีที่ถึงชีวิตกับเขา ยังมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย นี่เป็นความอัปยศอดสู้ขั้นไหน?

“พูด นางซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?”

วิชาการรักษาของหลานเยาเยาสามารถกล่าวได้ว่าไม่มีที่สองบนโลกนี้ คนที่โดนพิษกู่จิ้นมากมายขนาดนี้แล้วไม่ตาย นอกจากศึกษาและปรุงยาถอนพิษก็ไม่มีทางแก้อื่น

และคนที่สามารถปรุงยาถอนพิษกู่จิ้นได้ บนโลกนี้เกรงว่าคงจะมีเพียงหลานเยาเยาผู้เดียวแล้วและล่ะมัง!

“นางตายแล้ว สามปีก่อนเผาดอกกระดูกขาวผืนนั้นแล้วก็ตายแล้ว”