บทที่ 474 เจ้าคณะมณฑลหลู่ถูกตัดสิน

ถังหลี่จับมือของสามีช่วยสวมสายรัดข้อมือให้เขา

“ของชิ้นนี้สามารถช่วยป้องกันข้อมือของท่านได้”

เว่ยฉิงมองดูของที่อยู่ตรงข้อมือตัวเอง เขารู้สึกประหลาดใจมาก เลยลองงอข้อมือดู ของชิ้นนี้จะปกป้องข้อมือของเขาได้จริงๆ หรือ?

ไม่ว่าอย่างไรภรรยาของเขาก็เป็นคนมอบให้ ในใจของนางยังมีเขาอยู่เสมอ เว่ยฉิงชอบ อยากจะใส่มันไว้ไม่ยอมถอด

“ฮูหยินเป็นไงบ้าง?” เขาอวดสายรัดบนข้อมือ

“สามี ท่านสวมมันตอนที่ต้องออกกำลังใช้แรงนะ” ถังหลี่กล่าว

แม้ว่าสามีของนางจะแข็งแรง แต่ถ้าต้องยกก้อนหินขนาดใหญ่เช่นนั้น เขาอาจจะบาดเจ็บได้ เว่ยฉิงพยักหน้าแต่ก็ยังลังเลที่จะถอดออก

“ฮูหยิน เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า?” เว่ยฉิงพูด

“อะไรหรือ?” ถังหลี่ครุ่นคิดนับคนที่นางคุ้นเคยและคนที่นางเตรียมของขวัญให้

“หลับตาก่อน” เว่ยฉิงพูด ถังหลี่หลับตาลงอย่างว่าง่าย

“ลืมตาได้”

เมื่อถังหลี่ลืมตานางเห็น ปิ่นปักผมประดับด้วยดอกไม้ มีผีเสื้อเกาะอยู่ด้านบน ดูบอบบางน่าทนุถนอมและเหมือนจริงมากทีเดียว

ถังหลี่มองเพียงครั้งเดียวก็ตกหลุมรักทันที สามีของนางบอกว่าเห็นอะไรแปลกๆ…เป็นปิ่นชิ้นนี้หรือ? หัวใจของนางหวานชื่นขึ้นมาในทันใด

“ฮูหยินลองปักดูสิ” เว่ยฉิงพูด หญิงสาวพยักหน้ารับ ทั้งสองเดินไปที่กระจก เว่ยฉิงปักปิ่นบนศีรษะให้นาง ถังหลี่เป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงาม ผิวขาวผ่อง ยามที่ปักปิ่นสีสว่างลงไป ทำให้นางดูราวกับดอกไม้ที่กำลังบานในฤดูใบไม้ผลิ

ถังหลี่มองตัวเองในกระจกแตะไปยังปิ่นบนศีรษะ แล้วจึงเหลือบมองสามีของนางในกระจกบานนั้น

“สามี ข้าชอบปิ่นนี้มาก สวยเหลือเกิน”

“ข้ารู้ ”

“ฮูหยินเจ้างดงามมาก”

ที่นอกหน้าต่างมีดวงจันทร์สว่างไสวอยู่กลางท้องฟ้า ต้นหลิวที่โดนสายลมรำเพยพัดมาทำให้คืนนี้ดูช่างสวยงาม

เช้าวันถัดมา

ที่ศาลาว่าการ หลู่จวิ้นโฉ่วที่นอนไม่หลับมาตลอดทั้งคืน ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อวานเขาก็ยิ่งไม่สบายใจ

เขาถูกทำให้เสียหน้าเป็นอย่างมาก ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

หลู่จวิ้นโฉ่วไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน

ทูตจากราชสำนักผู้นี้เก่งกาจมาก เขาควบคุมสถานการณ์น้ำท่วมได้ เมื่อกลับไปยังเมืองหลวงจะต้องได้รับพระราชทานรางวัลอย่างมากมาย นั่นจะให้เขาขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดและมีอนาคตที่สดใส

หลู่จวิ้นโฉ่วขมวดคิ้วแน่น เขาลุกขึ้นเปิดตู้หยิบจดหมายออกมาจากช่องลับ เป็นจดหมายที่ส่งมาจากรุ่ยอ๋อง ก่อนที่ทูตจากราชสำนักจะมาถึงที่อี้โจว มีเนื้อหาใจความว่าให้จับตาดูเว่ยฉิงไว้ อย่าปล่อยให้เขาทำงานสำเร็จ ตอนนั้นหลู่จวิ้นโฉ่วเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าใต้เท้าอู่ผู้นี้จะมีความสามารถเช่นนี้ แต่ตอนนี้…

รุ่ยอ๋อง…

หากทูตของราชสำนักกลับไปยังเมืองหลวงและถวายฎีกาด้วยตัวเอง รุ่ยอ๋องจะไม่ปกป้องตัวเขาแน่นอน การคิดที่จะล้างแค้นให้หลานชายก็คงทำได้ยากขึ้น ถ้าหากสูญเสียหมวกขุนนางของเขาไป…

เจ้าคณะมณฑลหลู่ขมวดคิ้วแน่น ไม่! เขาจะปล่อยให้เว่ยฉิงกลับไปเมืองหลวงอย่างราบรื่นไม่ได้ ที่นี่คืออี้โจว คือถิ่นของเขา ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่สามารถออกไปนอกถิ่นของเขาได้ ก็จะไม่เกิดปัญหาอะไรตามมา

มุมปากของเขาม้วนงอโค้งขึ้นอย่างน่ากลัว

ในตอนนั้นเอง บ่าวรับใช้คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา

“ใต้เท้า! มีคนมาจากเมืองหลวงขอรับ โปรดไปที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อรับพระบรมราชโองการ”

คนจากเมืองหลวง? พระบรมราชโองการ?

เจ้าคณะมณฑลหลู่รีบลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าก่อนจะออกไปยังโถงด้านหน้า

“ใต้เท้า ข้าขออภัยด้วย ข้ามัวแต่ยุ่งกับกิจธุระเพิ่งจะได้พัก ข้าไม่ทราบว่าท่านจะมา ท่านเดินทางมาไกลพักผ่อนกินอาหารก่อนจะดีไหม”

ใต้เท้าหลู่พูดด้วยรอยยิ้ม

แต่ตัวแทนจากราชสำนักไม่คิดเช่นนั้น

“เจ้าคณะมณฑลหลู่รับพระบรมราชโองการ”

เขารีบคุกเข่าอย่างรวดเร็วเพื่อรับพระบรมราชโองการ

หลู่จวิ้นโฉ่วรู้สึกว่าสังหรณ์ใจว่าจะไม่ใช่ข่าวดีอะไร และก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ เขาโดนปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลและถูกจับกุมกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อพิจารณาคดี

เจ้าคณะมณฑลคนใหม่จะเดินทางมารับตำแหน่งในไม่ช้านี้

เมื่อได้ฟังพระบรมราชโองการจบลง หลู่จวิ้นโฉ่วเหงื่อหยดลงมาที่ใบหน้าซีดเซียว เข่าอ่อนลงทันที ราวถูกกับสายฟ้าฟาดลงกลางศีรษะ

เหตุใดเขาจึงโดนปลดออกจากตำแหน่ง?

ซ้ำยังต้องเดินทางไปพิจารณาคดีที่เมืองหลวงอีก!

“เจ้าคณะมณฑลอี้โจวนี่คือหมายศาลจากศาลต้าหลี่” เขาส่งให้

“ความผิดประการแรกไม่สามารถควบคุมอุทกภัยได้ ซ้ำยังโลภมาก ประการที่สองคือหากินกับความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎร ประการที่สามสมรู้ร่วมคิดกับญาติเอาเปรียบราษฎร…”

ในหมายศาลแจกแจงความผิดของเขาทั้งเก้าข้ออย่างละเอียด

“ใต้เท้า…ข้า… ข้าถูกใส่ร้ายขอรับ!”

“หลู่จวิ้นโฉ่วหากเจ้าข้องใจก็ไปโต้แย้งในศาลชี้แจงกับผู้พิพากษา ไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดให้ข้าฟัง” เจ้าหน้าที่จากราชสำนักกล่าวตัดบท เขาโบกมือให้เจ้าหน้าที่สองคนเดินเข้าไปใส่โซ่ตรวนให้หลู่จวิ้นโฉว่ทันที

ทันทีที่พระบรมราชโองการถูกประกาศออกไป เขาไม่ใช่เจ้าคณะมณฑลหลู่อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นขุนนางชั่วแซ่หลู่! เขาถูกพาตัวออกไปท่ามกลางประชาชนที่มามุงดู

“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดใต้เท้าหลู่จึงถูกจับ”

“สมควรแล้ว! ขุนนางสุนัขเช่นนี้ไม่สนใจเรื่องภัยพิบัติ แถมยังไม่เปิดคลังช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ราษฎร ! ไอ้พวกโลภมาก!”

“หลานชายของเขาทำตัวหยิ่งผยองมาก ตอนนี้ไม่มีเขาให้ท้ายแล้ว ดูสิว่าจะหยิ่งผยองพองขนไปได้สักแค่ไหน”

ถังหลี่และเว่ยฉิงอยู่ที่ประตูโรงเตี๊ยมมองหลู่จวิ้นโฉ่วที่ถูกพาตัวออกไป นางไม่คิดเลยว่าผลกรรมจะตามมาเร็วเช่นนี้

พวกเขาอยู่ในเมืองเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น เจ้าหน้าที่ราชสำนักก็ได้อัญเชิญพระบรมราชโองการมาถึงแล้ว!

“ใต้เท้าต้วนพูดกับข้าสองสามคำตอนที่ข้าเข้ารับตำแหน่งทูตมาจัดการเรื่องน้ำท่วม” เว่ยฉิงเอ่ยขึ้นมา

“ต้วนโส่วฝู่”

ต้วนโส่วฝู่เป็นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะขุนนาง เขามีอำนาจอยู่ในมือ เคยเป็นพระอาจารย์ของฮ่องเต้ในอดีต ฮ่องเต้ให้ความเคารพและเชื่อใจเขาเป็นอย่างมาก เขามีบทบาทและมีอิทธิพลในราชสำนักไม่น้อยเลยทีเดียว

ต้วนโส่วฝู่เป็นขุนนางที่เที่ยงธรรมและไม่ฝักใฝ่เข้าข้างใคร แม้ถังหลี่จะไม่เคยพบเขา แต่นางมีความเคารพต้วนโส่วฝู่อยู่ในใจ

“ต้วนโส่วฝู่บอกให้ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจในการจัดการอุทกภัยให้เต็มที่อย่าได้กังวลถึงเรื่องอื่น” เว่ยฉิงกล่าว

เป็นเรื่องจริงที่ว่าเจ้าคณะมณฑลหลู่แทรกแซงการควบคุมอุทกภัยและเพิกเฉยต่อราษฎรที่เดือดร้อน ต้วนโส่วฝู่จึงยืนกรานที่จะต้องลงโทษคนผู้นี้ แม้ว่าจะมีจ้าวชูคอยคุ้มหัวเขาอยู่ก็ตามที

ในที่สุดหลู่จวิ้นโฉ่วก็ถูกจัดการ ถังหลี่สูดลมหายใจเพื่อบรรเทาอาการโกรธแค้น

สามีภรรยาอยู่ที่อี้โจวอีกหนึ่งวันก่อนจะกลับไปยังเมืองเหอกู่

ตอนนี้น้ำท่วมในอี้โจวได้รับการจัดการไปมากแล้ว แต่เว่ยฉิงยังไม่ได้กลับไปที่เมืองหลวง เขายังมีอีกเรื่องต้องทำอยู่ นั่นคือการรอคำตอบเรื่องการขุดคลองเพื่อระบายน้ำ

เมื่อฉางหยูว่าง เขาวิ่งไปหาเว่ยฉิงเพื่อถามความคืบหน้าเรื่องการจุดคลอง

“คุณชายฉางไม่ต้องกังวล ข้าส่งฎีกาไปยังเมืองหลวงแล้ว ฮ่องเต้และข้าราชบริพารอาจจะต้องใช้เวลาหารือกันคงยังไม่ได้คำตอบในเร็วๆ นี้” เว่ยฉิงกล่าว

“ใช่แล้ว ข้าใจร้อนไปเองขอรับ” ฉางหยูเกาหัวของตนอย่างเขินอาย

“พรุ่งนี้ข้าจะมาถามอีกครั้งนะขอรับ” พูดจบเขาก็วิ่งหนีไป

ถังหลี่มองด้านหลังของเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

หลังจากที่ฉางหยูจากไปเว่ยฉิงก็ขมวดคิ้ว เรื่องการขุดสร้างคลองนั้นเป็นเรื่องใหญ่กว่าคดีของเจ้าคณะมณฑลหลู่มาก

เนื่องจากเป็นโครงการณ์ขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้แรงงานคนและทุนทรัพย์เป็นจำนวนมาก อาจจะมีการต่อต้านเกิดขึ้น ทั้งตัวเขาก็ยังไม่รู้ว่าต้วนโส่วฝู่คิดอย่างไร จะสนับสนุนเขาหรือไม่? หากเขาไม่ยินดีสนับสนุนก็เป็นไปได้ที่ฮ่องเต้จะไม่เห็นด้วย

ถังหลี่เข้าใจความกัวลของเขาดี

“สามี วางใจต้วนโส่วฝู่เถอะ”

เว่ยฉิงมองภรรยา เขาพยักหน้า ฮูหยินของเขาพูดถูกคนฉลาดอย่างต้วนโส่วฝู่จะรู้ได้ทันทีว่าคลองนี้จะมีประโยชน์ต่อแผ่นดินไปอีกหลายพันปีเขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน!