บทที่ 427 เก่งได้ขนาดนี้เลยหรือ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 427 เก่งได้ขนาดนี้เลยหรือ?

บทที่ 427 เก่งได้ขนาดนี้เลยหรือ?

ต่งหยวนจงมองหมูตุ๋นมันเยิ้มด้วยความตะกละ!

ตอนนี้เขาคุมอาหารได้ดีมาก แต่โดนคนที่ดูแลบอกว่าต่อให้เขาอยากกินแค่ไหนก็กินได้แค่สัปดาห์ละมื้อเท่านั้น มีหลายครั้งที่รู้สึกเหมือนหลายปีที่ทำผ่านมามันเปล่าประโยชน์ไปเลย? ไม่งั้นเขาจะดิ้นรนมาครึ่งค่อนชีวิตทำไมถ้าไม่ได้กินเนื้อมันชิ้นโตน่ะ?

“คุณปู่ต่งต้องฟังคำของคุณหมอนะคะ” เสี่ยวเถียนหัวเราะ

ใครจะไปรู้เล่าว่าคนใหญ่คนโตก็มีมุมแบบนี้ด้วย

ท่าทางเหมือนพี่เก้าเลย!

แต่เสี่ยวเถียนมองออกว่าตอนที่ต่งหยวนจงหนุ่ม ๆ น่าจะขาดสารอาหาร สุขภาพเลยไม่ค่อยดีเท่าไร

คำแนะนำเรื่องการดูแลตัวเองของหมอก็มีเหตุผลนะ

ตอนนี้ร่างกายของชายชราดีขึ้นแล้ว แต่บาดแผลเมื่อครั้งที่อยู่ในสนามรบไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที จึงทิ้งอันตรายที่ซุกซ่อนเอาไว้

หมอทำให้เขาได้มีชีวิตที่ดี ทั้งยังให้เขามีสุขภาพที่แข็งแรงด้วย

เสี่ยวเถียนคำนวณอย่างรวดเร็ว เธอทำยารักษาปู่ต่งได้ไหมนะ?

อย่างแรกคือต้องวินิฉัยอาการของเขาก่อน สถานะของปู่ต่งไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นคนใหญ่คนโต มีหมอดูแลเป็นพิเศษ แล้วจะเชื่อทักษะหมอของเธอได้หรือ?

บางครั้งเสี่ยวเถียนก็คิดว่าเป็นเด็กไม่ดีเลย หลายครั้งที่พูดอะไรไปแล้วไม่มีใครเชื่อ และหลาย ๆ อย่างไม่สะดวกที่จะทำด้วย

ถ้าเธอเข้ามหาวิทยาลัยได้เมื่อไร และมีเรื่องที่อยากจะพูดก็พูดออกมาเลย คนอื่น ๆ จะต้องเก็บไปคิดแน่นอนใช่ไหมล่ะ?

“พี่ชาย หลานสาวของพี่ปกติดูแลพี่ไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ?” ต่งหยวนจงคิดว่าการได้รับความรู้สึกที่ใส่ใจของเด็กหญิงก็ไม่ได้แย่อะไร จึงหันมาหัวเราะกับอีกฝ่าย

คุณปู่ซูยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

หลานสาวเป็นเด็กดี ดูแลเขามาไม่น้อย และก็ทำไปเพื่อประโยชน์ของเขาทั้งนั้น

แก้วตาดวงใจของเขา อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอุ่นใจเหลือเกิน! หากไม่ใช่เพราะสถานะของต่งหยวนจง คุณปู่ซูคงพูดออกไปแล้ว

“สุขภาพของคุณปู่ซูดีกว่าคุณปู่ต่งนิดหน่อยค่ะ ปู่ต่งต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ!”

เสี่ยวเถียนเอ่ยประโยคนี้ออกมาตรง ๆ

อีกฝ่ายตกใจมาก สาวน้อยเพิ่งจะอายุเท่านี้ มองอะไรออกด้วยหรือ?

“สาวน้อย ทำเป็นเล่นไป!” ต่งหยวนจงแซว

เพราะที่บ้านไม่มีเด็ก ๆ เลยไม่มีความสนุกสนานอะไรเลย!

“คุณปู่ต่ง หนูเคยวินิจฉัยโรคกับคุณหมอที่หงซินค่ะ เลยมองออกนิดหน่อย!” เสี่ยวเถียนยังพูดหยอกล้อต่อ

คนบ้านซูได้ฟัง แต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยามากนัก และมันทำให้ต่งหยวนจงเชื่อว่าเสี่ยวเถียนเรียนด้านการแพทย์มาจริง ๆ แต่เขารับประกันไม่ได้ว่าหมอชาวบ้านจะฝีมือดีแค่ไหน

ทว่าบอดีการ์ดหนุ่มไม่คิดเช่นนั้น คนที่ดูแลเรื่องสุขภาพของท่านผู้นำก็เป็นหมอจากโรงพยาบาลใหญ่ เชี่ยวชาญเรื่องยามาก มีความรู้เรื่องการแพทย์แผนตะวันตกและการผ่าตัดได้ด้วย!

แต่เด็กคนนี้เรียนกับหมอชาวบ้านไม่กี่วัน แล้วจะรู้ดีได้ยังไง?

กวัดแกว่งขวานด้ามใหญ่หน้าบ้านผู้เชี่ยวชาญ*[1]!

“สาวน้อย หมออู๋ของพวกเราดูแลสุขภาพของท่านผู้นำนะ ถ้ากินดื่มอย่างระมัดระวัง เราสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวได้นะ” บอดีการ์ดเอ่ยอย่างไม่เชื่อใจ

เสี่ยวเถียนมองบอดีการ์ดแล้วคลี่ยิ้มกว้าง

รอยยิ้มของเสี่ยวเถียนมันดูเยาะเย้ย อย่างน้อยมันก็ดูเย้ยหยันในสายตาของบอดีการ์ดหนุ่ม

“คุณปู่ต่ง หนูรู้วิธีทำยาจริง ๆ นะคะ!” เสี่ยวเถียนว่า

แต่บอดีการ์ดก็สวนขึ้นมา “ท่านผู้นำ ท่านฟังไม่ออกหรือครับว่าสาวน้ยอคนนี้โกหกอยู่ เธอมาจากชนบท จะไปมีความสามารถอะไรล่ะ? แค่เรียนการแพทย์มาก็เก่งกว่าหมออู๋แล้วหรือ?”

ต่งหยวนจงมองคนของตนที่หน้าซีดเผือด ทว่าสีหน้าเขาแข็งทื่อ

เด็กคนนี้พูดว่าอะไรนะ? จะพูดอะไร?

อะไรคือมาจากชนบท?

ชนบทแล้วมันยังไง?

เขาเองก็มาจากชนบทนะ ไม่เห็นด้อยกว่าคนอื่น ๆ เลย!

นิสัยแบบนี้ไม่ดีแน่ ถ้าได้ไปอยู่ในกองทัพมีแต่จะเดือดร้อนทั้งนั้น

แล้วบอดีการ์ดหนุ่มจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งนี้ตนไม่ได้ตั้งใจจะพูด ตอนนี้กลับสร้างอันตรายให้กับตัวเองเสียแล้ว

“เสี่ยวหยวน เธอรีบร้อนไปไหนน่ะ? ถ้าอิ่มแล้วก็ออกไปเดินเล่นสักหน่อยสิ!” น้ำเสียงของต่งหยวนจงไม่ได้หนักแต่ก็ไม่ได้เบา

บอดีการ์ดนามว่าเสี่ยวหยวนไม่กล้าเอ่ยต่อ

หนึ่งคือเขามองออกว่าท่านผู้นำโกรธอยู่ แม้จะไม่รู้ว่าประโยคไหนที่ตนเอ่ยผิด แต่คิดว่าตนน่าจะพูดผิดไปจริง ๆ

อีกอย่าง วันนี้อาหารก็อร่อยมาก เขายังกินไม่อิ่มเลย ออกไปไม่ได้หรอก

แน่นอนอยู่แล้วว่าเสี่ยวหยวนไม่มีทางไปหรอก เพราะกลัวเสี่ยวเถียนจะหลอกท่านผู้นำต่อ

ถ้าเกิดเขาเชื่อขึ้นมาแล้วให้เสี่ยวเถียนวินิจฉัยจริง ๆ จะทำยังไง?

เขาต้องอยู่ดูเอง!

เห็นชายหนุ่มคนนี้ เด็กบ้านซูพลันอารมณ์เสีย

แต่อีกฝ่ายเป็นสมาชิกของบ้านท่านผู้นำเลยพูดไม่ได้

คุณปู่ต่งเจอคนแบบนี้ได้ยังไง?

เรื่องเยอะเหลือเกิน!

เสี่ยวเถียนพูดไม่เท่าไรเอง แล้วมันจะทำไม? ต้องเทียบกับหมออู๋เลยหรือ?

เขาไม่รู้น่ะสิว่ายาที่เสี่ยวเถียนทำมันดีขนาดไหน ถึงได้คิดแบบนี้?

เหอะ!

เสี่ยวหยวนไม่รู้เลยว่าตนโดนกล่าวโทษอยู่ รู้แค่ว่าตนพูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว

ช่างเถอะ กินเฉย ๆ ดีกว่า คนอื่นพูด เขากินก็พอ ไม่ขาดทุนด้วย!

เขาหูผึ่งฟังบทสนทนาระหว่างเสี่ยวเถียนกับท่านผู้นำ ทั้งยังไม่ลืมขยับตะเกียบด้วยความไวเพื่อกินอาหารด้วย

ที่กินไวเพราะกลัวว่าถ้าทนไม่ไหวจะเอ่ยปากออกไป เกิดโดนไล่ออกขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?

กินเยอะ ๆ กินให้ไว จะได้ไม่เสียเปรียบเขา!

“เสี่ยวเถียน ถ้าหนูมองออก บอกได้ไหมว่าสุขภาพของฉันไม่ดีตรงไหน?” ต่งหยวนจงสนใจมาก

หมออู๋คนนั้นยุ่งยากยิบย่อยไปหมด แม้แต่ของที่เขาชอบก็ยังกินไม่ได้ แล้วจะมีชีวิตยืนยาวไปเพื่ออะไร?

คนเฒ่าคนแก่ก็มักจะบอกว่า คนเราต้องกินเพื่ออยู่นะ!

พอคิดถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกทันทีว่าชีวิตตนน่าเบื่อ ไม่สามารถกินดื่มได้อย่างอิสระ แล้วที่บ้านก็ไม่มีเด็ก ๆ อีก!

น่าเบื่อเหลือเกิน!

เสี่ยวเถียนจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ประมาณสองสามนาที แม้แต่ต่งหยวนจงก็รู้สึกอาย

คุณปู่ซูจึงรีบเอ่ยปากขึ้น

“เสี่ยวเถียนอย่าสร้างปัญหา หลานนั่งกินข้าวดี ๆ เถอะ! หลานสาวของผมคนนี้โดนตามใจจนเคยตัวน่ะ!”

ต่งหยวนจงคิดว่าท่าทางของเสี่ยวเถียนในตอนนี้มันน่าขบขันมาก

“ไม่เป็นไร ๆ หายากที่จะมีเด็กผู้หญิงคุยกับฉันน่ะ!”

คุณปู่ซู “…”

“คุณปู่ต่ง ก่อนหน้านี้ปู่ได้รับบาดเจ็บ น่าจะเป็นตรงหน้าอกนะคะ แผลยังไม่หายดีจนถึงตอนนี้เลย อาจจะเพราะมีกระสุนฝังอยู่ในร่างกายค่ะ!”

เสี่ยวเถียนว่าจบ ตะเกียบในมือของเสี่ยวหยวนพลันร่วงหล่นเสียงดังโครมคราม

สาวน้อยคนนี้รู้ได้ยังไง?

ในฐานะบอดีการ์ด เขาเป็นคนที่ดูแลท่านผู้นำมากที่สุด ไฉนจะไม่รู้เรื่องสุขภาพของอีกฝ่ายหรือ?

แต่สาวน้อยตรงหน้าเนี่ยสิ รู้ได้ยังไง?

หรือจะส่งคนมาสอดแนม?

เป็นไปไม่ได้!

ต่งหยวนจงไม่สนใจการกระทำอันหยาบคายของเสี่ยวหยวน

เพราะเขาเองก็ประหลาดใจ เสี่ยวเถียนรู้ได้ยังไง แค่มองก็รู้แล้ว?

ถึงจะเคยวินิจฉัยมาก่อน แต่จะเก่งได้ขนาดนี้เลยหรือ?

*[1] อวดสิ่งที่ตนคิดว่าเก่งกว่าผู้ที่ชำนาญด้านนั้น ๆ