ตอนที่ 847 สุดยอดหมอเทวดา (3) / ตอนที่ 848 สุดยอดหมอเทวดา (4)
ตอนที่ 847 สุดยอดหมอเทวดา (3)
โรงเตี๊ยมที่สำนักศึกษาธงศึกพักอยู่ในช่วงสองสามวันมานี้เต็มไปด้วยผู้คน เนื่องจากอาการบาดเจ็บสาหัสของชวีหลิงเย่ว์ ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนจึงส่งหมอที่มีชื่อเสียงทั้งหมดทั่วเมืองหลวงไปรักษานาง แต่ถึงแม้จะมีหมอยี่สิบกว่าคนมาดูแลตลอดทั้งคืน ก็ยังไม่สามารถหาวิธีรักษาอาการของชวีหลิงเย่ว์ได้ ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงใช้วิธีรักษาแบบประคับประคองเพื่อยืดชีวิตของชวีหลิงเย่ว์ไปก่อน
ในโรงเตี๊ยม ฟู่เซวียนขมวดคิ้วมองดูชายชรากลุ่มหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูของชวีหลิงเย่ว์ พวกเขารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหาวิธีการรักษาอย่างกระตือรือร้น
“ศิษย์พี่ฟู่…หลิงเย่ว์…จะหายใช่หรือไม่” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งถามขึ้น เขามองไปที่ประตูห้องของชวีหลิงเย่ว์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“ข้าไม่รู้” ฟู่เซวียนพูดพร้อมกับส่ายศีรษะ
ชายหนุ่มคนนั้นสูดหายใจเข้าลึกและพูดอย่างโกรธแค้นว่า “เป็นเพราะไอ้จวินเสียจากสำนักศึกษาเฟิงหัวนั่นแท้ๆ! ศึกประลองภูติวิญญาณก็แค่ให้เอาชนะคู่ต่อสู้เท่านั้น ทำไมต้องโจมตีรุนแรงขนาดนั้นด้วย! เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเขียวแล้วอย่างไร มีสิทธิ์อะไรมาลงมือรุนแรงป่าเถื่อนผิดกฎแบบนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลิงเย่ว์ ข้าจะไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่!” สายตาของชายหนุ่มคนนั้นทอแววเกลียดชัง
สีหน้าของฟู่เซวียนแข็งทื่อ นางพูดปลอบขึ้นว่า “ตอนนี้รักษาหลิงเย่ว์ให้หายก่อนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องอื่นเลย”
ชายหนุ่มคนนั้นขบกรามแน่นแล้วพยักหน้า
ฟู่เซวียนมองออกไปนอกหน้าต่าง ภายนอกดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ภายในใจนั้นกำลังวุ่นวายขัดแย้งกันอย่างหนัก นางสนิทสนมกับเหลยเชินมานาน ย่อมรู้ว่าช่วงนี้เหลยเชินสนิทสนมกับสำนักศึกษาเฟิงหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหนุ่มที่ชื่อจวินเสียนั่น คนที่เหลยเชินโปรดปรานเป็นพิเศษ ฟู่เซวียนรู้ว่าเหตุการณ์ที่ชวีหลิงเย่ว์ได้รับบาดเจ็บครั้งนี้จะทำให้ทั้งสำนักศึกษาธงศึกพากันเกลียดชังและเป็นศัตรูกับสำนักศึกษาเฟิงหัว คำพูดที่ชายหนุ่มคนนั้นเพิ่งพูดออกมาไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้ยินจากคนในสำนักศึกษาธงศึก
“องค์ชายคิดหาหนทางให้ได้เร็วๆ จะดีกว่านะเพคะ ไม่อย่างนั้นเด็กที่ท่านโปรดปรานจะต้องแย่แน่ๆ” ฟู่เซวียนพูดกับตัวเองพร้อมถอนหายใจ สายตาของนางมองลงไปข้างล่างด้านนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นนางก็เห็นรถม้าจากตำหนักรัชทายาทมาจอดที่ด้านล่าง หัวใจของนางโลดขึ้นและนางก็รีบลงไปข้างล่างทันที
เหลยเชินพาจวินอู๋เสียมาที่โรงเตี๊ยมที่คนของสำนักศึกษาธงศึกพักอยู่ เพียงแค่ก้าวแรกที่เข้ามาในโรงเตี๊ยมเขาก็ชะงักลังเลและก้าวช้าลง เขากังวลมากและหันไปมองจวินอู๋เสียที่อยู่ข้างๆ เขาครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงจะยอมรับในตัวจวินอู๋เสียและมีจวนหลินอ๋องที่อยู่เบื้องหลังจวินอู๋เสียรับประกันอยู่ก็ตาม เขาก็ยังรู้สึกหวั่นๆ อยู่ดี
เขาไม่สามารถทำให้ตัวเองเชื่อได้เลยว่าเด็กสาวที่มีอายุเพียงเท่านี้จะมีความรู้ลึกซึ้งทางด้านการแพทย์
“องค์ชายมาแล้ว” ฟู่เซวียนวิ่งลงบันไดมาจากข้างบน และเมื่อนางเห็นจวินอู๋เสียที่อยู่ข้างๆ เหลยเชิน รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของนางก็พลันแข็งค้าง
“อืม อาการของหลิงเย่ว์เป็นอย่างไรบ้าง” เหลยเชินไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของฟู่เซวียน
ฟู่เซวียนได้สติอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มแข็งทื่อบนใบหน้าหายไป นางพูดอย่างนุ่มนวลว่า “อาการของศิษย์น้องชวียังไม่ดีขึ้นเลยเพคะ”
เหลยเชินพยักหน้าและพูดกับจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาว่า “คุณหนูจวินอยากไปดูอาการของชวีหลิงเย่ว์ก่อนหรือไม่”
“แน่นอนเพคะ” จวินอู๋เสียตอบ
“เช่นนั้นขอให้ท่านตามข้ามา” เหลยเชินพูดพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาต้องไม่ลังเลอีก!
เหลยเชินเดินนำจวินอู๋เสียขึ้นไปที่ชั้นสองโดยมีฟู่เซวียนตามมาด้วย สายตาของฟู่เซวียนลอบประเมินจวินอู๋เสียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอยู่หลายครั้ง ดูเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง
เมื่อพวกเขามาถึงชั้นสอง ชายหนุ่มที่พูดคุยกับฟู่เซวียนเมื่อครู่ก็บังเอิญมาเจอเหลยเชินเข้า เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างๆ เหลยเชิน ชายหนุ่มก็ทำตาโตเป็นไข่ห่าน
ตอนที่ 848 สุดยอดหมอเทวดา (4)
ชายหนุ่มคนนั้นไม่เคยเห็นสตรีที่งดงามน่าหลงใหลขนาดนี้มาก่อน เพียงแค่มองเสียงเอะอะอึกทึกรอบตัวเขาก็พลันหายไปจนสิ้น เขารับรู้ได้แต่จวินอู๋เสียที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น
“จื่อซวี มองอะไรอยู่น่ะ” เหลยเชินสังเกตเห็นเหมินจื่อซวีจ้องไปที่จวินอู๋เสียโดยไม่ละสายตา เขาจึงจำเป็นต้องพูดเตือน
เหมิ่งจื่อซวีดึงสติกลับมาอย่างประหม่า และเมื่อเขาสบตาที่ใสกระจ่างเย็นชาของจวินอู๋เสีย ใบหน้าเขาก็ขึ้นสีแดงระเรื่อทันที
“ข้า…ข้า…ข้าแค่มองไปเรื่อยน่ะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย” เหมิ่งจื่อซวีก้มหน้าด่าตัวเองอยู่ในใจที่เผลอสติหลุดไปแบบนั้น ศิษย์พี่ชวียังนอนหมดสติอยู่ในห้อง เขายังมีอารมณ์มามองสาวอยู่อีก แถมยังจ้องมองอ้าปากค้างแบบโง่ๆ ด้วย สมควรถูกตบจริงๆ!
“อืม” เหลยเชินไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาคุยเล่นกับเหมิ่งจื่อซวี เขาจึงเดินนำจวินอู๋เสียไปที่หน้าห้องของชวีหลิงเย่ว์
พวกหมอที่รวมตัวกันอยู่หน้าประตูห้องพากันสะดุ้งเมื่อเห็นเหลยเชิน พวกเขารีบโค้งคำนับทันที เจี่ยงอิงหลงที่กำลังสอบถามอาการบาดเจ็บของชวีหลิงเย่ว์กับพวกหมออยู่ก็สังเกตเห็นเหลยเชินที่เดินเข้ามาเช่นกัน
“ข้าไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทเสด็จมาเลยรับเสด็จช้า ขอองค์ชายโปรดประทานอภัยด้วย” เจี่ยงอิงหลงกล่าวอย่างสุภาพ เขาเป็นผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศิษย์ของสำนักศึกษาธงศึกที่มาเข้าแข่งขันศึกประลองภูติวิญญาณในปีนี้
“ท่านอาจารย์เจี่ยงสุภาพเกินไปแล้ว ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพื่อดูว่าหลิงเย่ว์เป็นอย่างไรบ้าง” เหลยเชินพูดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่สนิทสนมคุ้นเคยกับเจี่ยงอิงหลงมากนัก เจี่ยงอิงหลงเข้ามาเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาธงศึกหลังจากที่เหลยเชินจบออกไปแล้ว
“ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนักที่องค์ชายทรงห่วงใย” เจี่ยงอิงหลงพูดพร้อมกับยิ้มอย่างนอบน้อม สายตาของเขาเหลือบมองไปยังจวินอู๋เสีย ดวงตาของเขามีแววดูถูกปรากฏขึ้นแวบหนึ่งก่อนจะถูกซ่อนเอาไว้อย่างรวดเร็ว “พวกหมอกำลังจะเข้าไปตรวจอาการบาดเจ็บของชวีหลิงเย่ว์ ถ้าองค์ชายไม่รังเกียจเข้าไปด้วยกันนะพ่ะย่ะค่ะ”
เหลยเชินพยักหน้า
ประตูห้องของชวีหลิงเย่ว์เปิดออก และในบรรดาหมอทั้งหลายมีหมอหลวงอยู่สองสามคน พวกเขาเป็นที่เคารพนับถือในความสามารถและความรู้ทางการแพทย์อย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ในตำแหน่งหน้าสุดขณะที่เดินเข้าไป
จวินอู๋เสียเดินเข้าไปในห้อง และเมื่อก้าวเข้าไปนางก็ได้กลิ่นโลหิตข้นคลั่กทันที
และในกลิ่นโลหิตนั้น นางยังได้กลิ่นสมุนไพรที่คุ้นเคยอยู่จางๆ อีกด้วย
ชวีหลิงเย่ว์นอนนิ่งอยู่บนเตียงนอน ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางปราศจากสีเลือดโดยสิ้นเชิง และริมฝีปากที่เดิมเป็นสีกุหลาบก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวจนเกือบเขียว แค่คืนเดียวเท่านั้นเอง น้ำหนักของนางก็เหมือนจะลดลง และนางดูเปราะบางมาก
พวกเขาวางอ่างทองแดงไว้ข้างเตียงนอนของชวีหลิงเย่ว์ ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนโลหิตหลายผืนแช่อยู่ในนั้น น้ำมีสีแดงจากโลหิตสีแดงสดเจือปนอยู่ และบนพื้นกระดานก็มีโลหิตสีแดงแห้งเปื้อนอยู่
พวกหมอผลัดกันจับชีพจรของชวีหลิงเย่ว์ หลังจับชีพจรเสร็จแล้ว สีหน้าของพวกเขาก็ดูอับจนปัญญา ทุกคนพากันส่ายศีรษะพร้อมกับถอนหายใจ
“ชวีหลิงเย่ว์เป็นอย่างไรบ้าง อาการของนางดีขึ้นหรือไม่” เหลยเชินถามพวกหมอ
“กราบทูลองค์ชาย อาการบาดเจ็บของคุณหนูชวีสาหัสยิ่งนัก พวกเราทุกคนวิเคราะห์และปรึกษากันทั้งคืนแล้วก็ยังไม่พบวิธีรักษาที่เหมาะสมกับนางเลยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้พวกเราทำได้แค่พยายามประคองอาการของนางเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกว่านี้ แต่…ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ละก็ ร่างกายของคุณหนูชวีคงไม่สามารถทนได้พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างอับจนหนทาง
เหลยเชินขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
ขณะที่เหลยเชินพูดอยู่กับหมอหลวง จวินอู๋เสียก็เดินไปที่ข้างเตียงนอนของชวีหลิงเย่ว์และพินิจพิเคราะห์ร่างอันซีดขาวของชวีหลิงเย่ว์อย่างละเอียด ตอนนั้นเองนางก็เห็นรอยช้ำเล็กๆ ที่หลังหูของชวีหลิงเย่ว์ รอยช้ำนั้นซ่อนอยู่ใต้เส้นผมจึงไม่อาจเห็นได้อย่างชัดเจน ถ้าไม่ดูให้ละเอียดถี่ถ้วนก็จะไม่สังเกตเห็นมันเลย