ตอนที่ 470 พายุหิมะ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

หิมะ​จำนวน​มหาศาล​ทิ้งตัว​ปะปน​ลงมา​พร้อม​หยาดฝน

ลม​พัด​แรงกล้า​เขย่า​หมู่ไม้​แกว่ง​ส่าย​โอนเอน​อย่าง​บ้าคลั่ง

ท้องฟ้า​แต่เดิม​เคย​สดใส​ใน​ช่วง​กลางวัน​ ​บัดนี้​แปรเปลี่ยน​เป็น​สี​มืด​ทะมึน​คล้าย​สี​ของ​น้ำหมึก

เจียง​ซื่อ​ดัน​หน้าต่าง​ให้​เปิด​ออก​ ​สายลม​ที่​ริน​ไหล​เข้ามา​พัด​ผ้าคลุม​บน​ไหล่​ที่​ทำ​จาก​ขน​จิ้งจอก​ให้​เปิด​ออก​ ​หญิงสาว​เฝ้ามอง​ท้องฟ้า​สีเข้ม​พร้อม​หิมะ​ที่​ประ​โปรย​ลงมา​อย่าง​เหม่อลอย

ใน​ช่วงนี้​ของ​ปี​เมื่อ​ชาติที่แล้ว​ ​นาง​ยังอยู่​ที่​หนาน​เจียง​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​จาก​เมืองหลวง​มาก​โข​ ​ครั้น​ได้มา​สัมผัส​ด้วยตัวเอง​ถึง​ได้​รู้​ว่า​เหมันตฤดู​ใน​รัช​ศก​จิ​่ง​หมิง​ที่​สิบ​เก้า​เป็น​เช่นนี้​เอง

นาง​ก้าว​เข้าไป​ใกล้

“​เหนียง​เหนียง​ ​ด้านนอก​ลม​พัด​แรง​ ​ระวัง​จะ​ประชวร​เอา​นะ​เจ้า​คะ​”​ ​อาหมาน​เดิน​เข้ามา​พร้อม​เอื้อมมือ​ไป​ปิดหน้า​ต่าง​บาน​นั้น

เจียง​ซื่อ​หันหลัง​กลับ​และ​เดิน​ไป​ที่​โต๊ะ

อา​เฉี่ยว​รีบ​นำ​น้ำชา​ที่​เพิ่ง​ต้ม​ใหม่​มา​ให้​นาง

เจียง​ซื่อ​รับ​มาถือ​ไว้​ ​เพื่อ​รับ​ไออุ่น​จาก​ถ้วย

“​ท่าน​เป็นกังวล​เรื่อง​ท่าน​อ๋อง​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​อาหมาน​โพล่ง​ถาม

เจียง​ซื่อ​ยก​ถ้วย​ขึ้น​มา​จิบ​ ​มิได้​โต้ตอบ

อาหมา​นรี​บก​ล่าว​ปลอบใจ​ ​“​วางใจ​ได้​เจ้าค่ะ​ ​ท่าน​อ๋อง​ไม่มีทาง​หนาว​ตาย​แน่นอน​ ​บ่าว​ตรวจดู​แล้ว​ว่าที่​ที่​ท่าน​อ๋อง​ประทับ​อยู่​มีสิ​่ง​จำเป็น​ครบครัน​ ​อีกทั้ง​ยัง​มีที​่​ทำความ​ร้อน​ใต้​พื้น​ด้วย​เจ้า​คะ​”

“​อื้อ​ ​หิมะ​หยุด​ตก​เมื่อไหร่​ ​ก็​ให้​คน​นำ​เนื้อ​แพะ​ตุ๋น​ไป​ส่ง​ให้ท่า​นอ​๋​อง​ด้วย​แล้วกัน​”​ ​เจียง​ซื่อ​จิบ​ชาก​่อน​จะ​วางมือ​ลง​บน​ท้องน้อย​ๆ​ ​ของ​ตัวเอง

แม้​อายุ​ครรภ์​ยัง​ไม่​ถึง​สาม​เดือน​ ​และ​หน้าท้อง​ยังคง​แบน​ราบ​ ​แต่​ถึงกระนั้น​นาง​ก็​สัมผัส​ได้​ถึง​สิ่งมีชีวิต​เล็ก​ๆ​ ​ข้างใน

ใน​บางครั้ง​ ​นาง​รู้สึก​ว่า​เด็กน้อย​คน​นี้​มา​เร็ว​ไป​เสียหน่อย

พายุ​หิมะ​ครั้ง​ใหญ่​แห่ง​ต้า​โจว​เพิ่งจะ​เปิดฉาก​ขึ้น​ ​กลิ่น​คาด​เลือด​และ​ความเหี้ยมโหด​ยังคง​ซ่อนตัว​อยู่​ใต้​ม่าน​แห่ง​ความอบอุ่น​และ​การ​ปรองดอง​ ​แต่​นับจากนี้​เป็นต้นไป​ ​ทุกอย่าง​จะ​เริ่ม​ยากลำบาก​ขึ้น​เรื่อยๆ

อย่างน้อย​ๆ​ ​ก็​ใน​ช่วง​สามสี​่​ปีนี​้​ ​ผู้คน​ที่​อาศัย​อยู่​ใต้​ชายคา​ของ​วัง​หลวง​อย่า​ได้คิด​ว่า​จะ​ใช้ชีวิต​อย่าง​สุขสงบ

ครั้น​คิดได้​เช่นนั้น​ ​นาง​ยิ่ง​รู้สึก​ผิด​ต่อ​ลูก​ที่​กำลังจะ​เกิด​มา​เป็น​เท่าตัว

แม้​เจียง​ซื่อ​จะ​มิได้​กล่าว​ความในใจ​ออกมา​ ​ทว่า​อา​เฉี่ยว​และ​อาหมา​นก​็​สัมผัส​ความกังวลใจ​นั้น​ได้

ทั้งคู่​หันมา​สบตา​กัน

“​ไอ้​หยา​ ​คุณชาย​น้อยคง​คิดถึง​ท่าน​พ่อ​แล้ว​เป็นแน่​”​ ​อาหมาน​เดิน​เข้าไป​หวัง​จะ​หยอกเย้า​เจียง​ซื่อ​ให้​อารมณ์ดี

เจียง​ซื่อ​ได้สติ​จึง​คลี่​ยิ้ม

บ่าว​รับใช้​ที่​ทำหน้าที่​เฝ้า​ประตู​รายงาน​ฉะฉาน​ ​“​อา​หญิง​โต้ว​เข้าเฝ้า​”

“​เชิญ​เข้ามา​ได้​”

ม่าน​ผืน​หนา​ถูก​แยก​ออก​พร้อม​การ​มาถึง​ของ​โต้ว​ซู​หว่าน​ใน​ชุด​เสื้อผ้า​สะอาดหมดจด

“​พระ​ชายา​ ​อาการ​วันนี้​เป็น​อย่างไรบ้าง​เพ​คะ​ ​ยัง​รู้สึก​พะอืดพะอม​อยู่​หรือไม่​เพ​คะ​”​ ​โต้ว​ซู​หว่าน​ส่ง​ยิ้ม​ ​นาง​ก้าว​เท้า​เดิน​มา​พร้อมกับ​ตะกร้า​ใบ​เล็ก​ใน​มือ

เมื่อ​เห็น​หน้า​โต้ว​ซู​หว่าน​ ​เจียง​ซื่อ​จึง​ร้องทัก​พร้อม​ส่ง​ยิ้ม​หวาน​ ​“​ด้านนอก​หิมะ​ตกหนัก​ ​เหตุใด​อา​หญิง​ถึง​มายา​มนี​้​”

โต้ว​ซู​หว่าน​อาศัย​อยู่​ที่​จวน​อ๋อง​มา​เป็นเวลา​กว่า​สอง​เดือน​แล้ว​ ​ทั้งคู่​ถึง​ได้​ทักทาย​กัน​อย่าง​คุ้นเคย​

ใน​เรื่อง​ความสัมพันธ์​ ​เจียง​ซื่อ​มิได้​เป็น​พวก​คิดเล็กคิดน้อย​ ​นาง​เพียงแต่​ถือ​คติ​ ​‘​หาก​พบ​คน​รู้ใจ​ ​ต่อให้​ดื่ม​สุรา​พัน​จอก​ยัง​ว่าน​้อย​’​ ​ฉะนั้น​ต่อให้​กล่าว​เพียง​ครึ่ง​เดียว​ก็​เข้าใจ​กัน

หาก​ถูกชะตา​ต้องกัน​ก็​สาน​สัมพันธ์​ต่อ​ ​แต่​หาก​ไม่​แล้ว​ ​ก็​อย่า​อยู่​ให้​เสียเวลา​เปล่า

โต้ว​ซู​หว่าน​เป็น​คน​มีปัญญา​ ​สุขุม​และ​วางตัว​เหมาะสม​ ​ทั้งสอง​สามารถ​เป็นตัวของตัวเอง​ได้​ยาม​อยู่​ด้วยกัน

“​หาก​ต้อง​อุดอู้​อยู่​ใน​ห้อง​เพียงลำพัง​ ​สู้​ให้​หม่อมฉัน​มาสน​ทนา​เป็นเพื่อน​พระ​ชายา​ยังดี​เสีย​กว่า​เพ​คะ​”​ ​โต้ว​ซู​หว่าน​หยิบ​เข็ม​และ​ด้าย​ออกมา​จาก​จาก​ตะกร้า​ใบ​น้อย​ ​และ​เริ่ม​ปัก​ลาย​ลง​บน​รองเท้า​ขนาดเล็ก​จิ๋ว

ใน​ตะกร้า​มี​รองเท้า​หัว​เสือ​อีก​ข้าง​ที่​ปัก​เรียบร้อย​แล้ว

เจียง​ซื่อ​หยิบ​ข้าง​ที่​ปัก​เสร็จ​แล้ว​ขึ้น​มาดู​ ​นาง​เห็น​ว่า​รองเท้า​นั้น​น่ารักน่าเอ็นดู​ยิ่งนัก​ ​นาง​กล่าว​ชม​ ​“​อา​หญิง​ช่าง​มีฝีมือ​ ​เพียงแต่ว่า​วันนี้​ท้องฟ้า​มืดครึ้ม​ ​แสงสว่าง​อาจ​ไม่​เพียงพอ​ ​มาสน​ทนา​เป็นเพื่อน​ข้า​จะ​ดีกว่า​ ​อย่า​ทำร้าย​ดวงตา​ตัวเอง​เช่นนั้น​เลย​”

อา​เฉี่ยว​ไหวพริบดี​ ​เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนั้น​จึง​รีบ​จุด​ตะเกียง​ทันใด

ภายใน​ห้อง​มีแสง​สว่างไสว

“​หม่อมฉัน​ทำ​จน​ชิน​แล้ว​เพ​คะ​ ​มิได้​รู้สึก​ลำบากยากเย็น​แต่อย่างใด​”​ ​โต้ว​ซู​หว่าน​ยังคง​ไม่​รามือ​จาก​งาน​ตรงหน้า​ ​นาง​เพียงแต่​หัน​ตอบ​เจียง​ซื่อ​เป็นพักๆ​ ​อย่างใจ​เย็น

ใน​บรรยากาศ​ผ่อนคลาย​เช่นนี้​ชวน​ให้​อารมณ์​ของ​เจียง​ซื่อ​สดใส​กว่า​ก่อน

กลุ่ม​เมฆ​หนา​ทึบ​ที่​บดบัง​แสงอาทิตย์​ค่อยๆ​ ​เคลื่อน​จาก​เมืองหลวง​และ​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​ชานเมือง​ ​ท้องฟ้า​ที่​ปกคลุม​อยู่​เหนือ​ภูเขา​ชุ่ย​หลัว​จึง​ค่อยๆ​ ​มืด​ลง

……

ฉาก​ที่​ผู้คน​กำลัง​สังสรรค์​รื่นเริง​อยู่​ใน​พระราช​นิเวศน์​แปรเปลี่ยน​เป็นความ​มืดมิด​ใน​ชั่วพริบตา​เดียว

เหล่า​นางใน​ร่าย​ระบำ​กรีดร้อง​ด้วย​ความ​หวาดผวา​ ​เสียง​แก้ว​ชาม​ตก​แตก​กระจาย​เกลื่อน​พื้น​ ​เสียง​วัตถุ​ขนาดใหญ่​กลิ้ง​ล้ม​อึกทึกครึกโครม​ ​ทุก​เสียง​ผสม​ปนเป​ใน​สภาพแวดล้อม​ที่​ตาม​อง​ไม่เห็น​ ​ผู้คน​ตก​อยู่​ใน​ความ​พรั่น​กลัว

ใน​มุม​หนึ่ง​ ​เหล่า​องครักษ์​เข้ามา​ล้อม​ตัว​จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​เอาไว้​อย่างเงียบเชียบ

เหล่า​องครักษ์​ล้อมวง​คุ้มกัน​ฮ่องเต้​โดยสัญชาตญาณ​ ​แม้​ตก​อยู่​ใน​ความมืด​มิด​ก็ตามที

ส่วน​คนอื่นๆ​ ​ก็​สุดแท้แต่​ความสามารถ​ใน​การ​เอาชีวิต​รอด

“​จุดไฟ​เร็ว​เข้า​!​”​ ​เสียง​ผู้​หนึ่ง​ตะโกน​ดังลั่น

เนื่องจาก​เดิมที​ท้องฟ้า​สว่าง​สดใส​ ​หน้าต่าง​ทุก​บาน​ใน​ตำหนัก​เปิด​อ้า​ ​และ​ไม่ได้​มี​การจุด​ไฟ​ไว้​ล่วงหน้า

หลังจาก​เสียง​ก๊อก​ๆ​ ​แก๊ก​ๆ​ ​ชั่ว​อึดใจ​ใหญ่​ ​ในที่สุด​ไฟ​ดวง​หนึ่ง​ก็​ถูกจุด​ขึ้น

ผู้คน​ใน​ที่นั่น​ต่าง​เพ่งมอง​หน้า​ของ​กันและกัน

หนึ่ง​ใน​นั้น​ ​ใบหน้า​ของ​เจิน​ซื่อ​เฉิง​กลับ​ฉายแวว​เคร่งเครียด​ ​คล้าย​ว่า​มี​ลางสังหรณ์​บางอย่าง

“​ฝ่า​บาท​ ​พระองค์​ไม่เป็นไร​ใช่ไหม​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”​ ​เสียง​มากมาย​กล่าว​ถาม​กลบ​เสียง​วุ่นวาย​อื่นๆ

แสงไฟ​สว่าง​ขึ้น​ดวง​แล้ว​ดวง​เล่า​ ​จน​ทั้ง​โถง​นั้น​กลับมา​สว่างไสว​อีกครั้ง

จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​ยังคง​ประทับ​ที่อยู่​ที่​เดิม​ ​พร้อม​โบกมือ​ ​“​พวก​เจ้า​วางใจ​ได้​ ​ข้า​ยัง​สบายดี​”

เหล่า​ขุนนาง​เผย​สีหน้า​เป็นกังวล

หาก​ฝ่า​บาท​เป็น​อะไร​ไป​ ​ต้า​โจว​คง​เปลี่ยนไป​ไม่​เหมือน​เก่า​ ​คน​พวก​นี้​คง​แก่งแย่ง​กัน​เอาเป็นเอาตาย

ฝ่า​บาท​ไม่เป็นอะไร​ก็ดี​แล้ว​ ​ไม่เป็นอะไร​ก็ดี​แล้ว

ในขณะที่​ทั้ง​ห้อง​กำลัง​ถอดถอน​หายใจ​อย่าง​โล่งอก​ ​แต่​แล้วก็​มีเสียง​ร้อง​ตื่นตระหนก​ดัง​ขึ้น

จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​ขมวดคิ้ว​มุ่น​หันไป​ยัง​ต้นเสียง

คังจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ใน​อาการ​พรั่นพรึง​ชี้นิ้ว​ไป​ที่​พื้น​ ​น้ำเสียง​สั่น​ไม่​เป็น​คำ​ ​“​อะ​ ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​…​”

คนใน​ที่นั่น​ถึง​ได้​สังเกตเห็น​ว่าที่​พื้น​ใกล้​ๆ​ ​คังจ​วิ​้​นอ​๋​อง​มี​ร่าง​ของ​อีก​คน​นอน​แน่นิ่ง​ ​คนที​่​อยู่​ใกล้​รับรู้​ได้​ทันที​ว่า​คนที​่​พื้น​คือ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย

อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​นอน​อยู่​บน​พื้น​ไม่​กระดิกกระเดี้ย​ ​ที่​บริเวณ​ทรวงอก​มี​รอย​เลือด​เป็น​วง​ ​โลหิต​สด​ใหม่​ไหล​ซึม​ออกจาก​ร่าง​ ​เจิ่ง​นอง​ลาม​ไป​ถึง​กริช​ที่​ตก​อยู่​ข้าง​ตัว

ทั้งหมด​ตก​อยู่​ใน​ความโกลาหล

แต่​เพราะ​พระที่นั่ง​ของ​จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​ ​กลุ่มคน​ที่​ยืน​ล้อม​บัง​มิด​จน​ทำให้​เขามอง​ไม่เห็น​ ​ฮ่องเต้​จึง​ถาม​ขึ้น​ด้วย​ความร้อน​ใจ​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

กลุ่ม​ขุนนาง​แหวก​ทางออก​ปล่อย​ให้​ภาพ​เบื้องหน้า​อวด​แก่​สายตา​ฮ่องเต้

ใน​ชั่วขณะ​นั้น​ ​ท้องฟ้า​ด้านนอก​ที่​มืดมิด​ก็​สว่าง​ขึ้น​อีกครั้ง​ ​แม้​แรงลม​และ​พายุ​หิมะ​ยังคง​อยู่​ ​ทว่า​ภายใน​โถง​นั้น​กลับ​สว่างไสว​เต็มตา

จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​สายตา​เป็นเลิศ​ ​แม้​เห็น​เพียง​แวบเดียว​ก็​กระเด้ง​ตัว​ลุกขึ้น​พรวด​พร้อม​แผดเสียง​ ​“​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​เป็น​อะไร​ไป​”

แต่ทว่า​ไร้​เสียง​ตอบ​ ​เขา​จึง​ร้อง​ตะโกน​อีกครั้ง​ ​“​เจิน​ซื่อ​เฉิง​…​”

เจิน​ซื่อ​เฉิง​ก้าว​เท้า​ออกมา​จาก​ฝูงชน​ ​และ​เดิน​ไป​หยุด​ข้าง​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​พร้อม​ย่อ​ตัว​ลง​ไปดู​ ​เพียง​ชั่ว​อึดใจ​ก็​รีบ​ยืน​ขึ้น​กล่าว​รายงาน​ฮ่องเต้​ ​“​กราบทูล​ฝ่า​บาท​ ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​เสียชีวิต​แล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

ครั้น​เหล่า​ขุนนาง​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​ทำ​ปากขมุบ​ขมิบ

เจิน​ซื่อ​เฉิง​นี่​พูดจา​ไม่​รื่นหู​เอา​เสีย​เลย​ ​อะไร​คือ​เสียชีวิต​แล้ว​ ​พูด​ให้​มัน​อ้อม​กว่านี​้​หน่อย​ไม่ได้​เลย​หรือ​อย่างไร​

เจิน​ซื่อ​เฉิง​มิได้​ใส่ใจ​ว่า​คนอื่นๆ​ ​จะ​คิด​อย่างไร​ ​เขา​กล่าว​เสริม​ ​“​คม​มีด​ปัก​เข้าที่​บริเวณ​หัวใจ​ ​เป็นเหตุให้​เสียชีวิต​ทันที​ ​จาก​ที่​กระหม่อม​ตรวจสอบ​ทิศทาง​ของ​การ​ใช้​กริช​นี้​แล้ว​พบ​ว่า​มิใช่​การฆ่าตัวตาย​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

เหล่า​ขุนนาง​ลอบ​กลอกตา​มอง​บน

อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ดี​อยู่​หลัดๆ​ ​เขา​จะ​ฆ่าตัวตาย​ได้​อย่างไรเล่า

เจิน​ซื่อ​เฉิง​ลูบ​เครา​ตนเอง

การ​ไม่​ด่วน​สรุป​ถือเป็น​คุณสมบัติ​ที่​นักสืบ​ควร​มี​ ​ไอ้​คน​พวก​นี้​จะ​ไป​เข้าใจ​อะไร

“​เจิน​อ้าย​ชิง​ ​เจ้า​ว่า​ต่อ​เถิด​”​ ​จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​กลับ​สู่​สภาวะ​ปกติ​ ​เขา​ถาม​ต้อน​เจิน​ซื่อ​เฉิง​ไป​เช่นนั้น​โดย​ไม่ได้​สนใจ​สายตา​รอบข้าง​

ถ้า​จะ​หา​ให้​สรรเสริญ​เยินยอ​คง​เป็น​ใคร​หน้า​ไหน​ก็ได้​ ​แต่​ถ้า​เป็นเรื่อง​คดีความ​แล้ว​ ​เขา​เชื่อ​เจิน​ซื่อ​เฉิง​เท่านั้น

ความเชื่อ​ใจ​นี้​ ​เจิน​ซื่อ​เฉิง​เอง​ก็​รับรู้​ได้​ ​ชาย​วัยกลางคน​เก็บ​ซ่อน​ความ​หวั่นใจ​เอาไว้​พลาง​กล่าว​ ​“​ฆาตกร​น่าจะ​ลงมือ​โดย​อาศัย​จังหวะ​ที่​ทั้ง​ตำหนัก​ตก​อยู่​ใน​ความมืด​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”