บทที่ 436 สอบสวน

บทที่ 436 สอบสวน

“ข้ามีเสียที่ไหน” หลินซือร้อนตัว “ข้าจะเคยพูดเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ!”

เหยาซูทำเป็นไม่รู้ไม่รู้ไม่ชี้ นางมองดูหลินซือพลางยิ้มด้วยรอยยิ้มชวนหลงใหล

หลินซือใช่คู่ปรับกับมารดาของตนเสียที่ไหน ไม่ช้าเด็กสาวก็พ่ายแพ้ และเริ่มสับสนกับความทรงจำของตน กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ถึงจะเคยก็จริง แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดของเด็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรทำนี่เจ้าคะ”

“เอาละ ๆ ถือว่าเป็นคำพูดของเด็ก ๆ เช่นนั้นแสดงว่าวันพรุ่งนี้จะไปข้างนอกกับเจี่ยงเถิงใช่หรือไม่” เหยาซูเย้าหยอก

“นั่นเพราะ….นั่นเป็นเพราะว่าครั้งก่อนเขาติดค้างข้าเจ้าค่ะ เดิมทีพวกเราตกลงกันแล้ว แต่เขากลับผิดสัญญากับข้า”

เหยาซูดูออกได้ทันทีว่าเจี่ยงเถิงรู้สึกอย่างไรกับบุตรสาวของตน แต่เด็กสาวคนนี้ดูเหมือนว่านางจะไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เพียงแต่กว่าทุก ๆ อย่างจะลงเอยต้องผ่านเรื่องราวมากมาย ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้พวกเขาจัดการกันเอง

เหยาซูไม่เอ่ยอะไรมากมาย เพียงแต่ตบไหล่บุตรสาวแล้วเอ่ยขึ้น “เที่ยวเล่นให้สนุก จงระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย”

“อื้ม”

หลินซือยิ้มพลางพยักหน้า

เมื่อท้องฟ้ามืดลง หลินเหราก็รีบกลับมารับประทานอาหารพร้อมคนที่บ้าน

ระหว่างมื้ออาหาร หลินซือมีท่าทางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างเห็นได้ชัด

หลินเหรามองไปทางเหยาซูด้วยความสงสัย เหยาซูทำมือเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ หญิงสาวเอ่ยกระซิบเบา ๆ เกี่ยวกับเรื่องของเจี่ยงเถิง และบุตรสาวของที่บ้านกำลังมีความรัก

“เอ้อเป่าเพิ่งจะอายุเท่านี้เอง พวกเขาต่างก็โตมาด้วยกัน ก็ควรจะเป็นมิตรภาพระหว่างเด็ก ๆ” หลินเหราขมวดคิ้วแล้วกล่าวแย้ง

“ท่านจะรู้ได้อย่างไร” เหยาซูลูบฝ่ามือของหลินเหราเบา ๆ “ตั้งแต่เล็ก ๆ เอ้อเป่าและเถิงเอ๋อมักอยู่ใกล้กัน เรียกได้ว่าเป็นสหายรักตั้งแต่ยังเด็ก ข้ารู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องดี ”

หลินเหราในฐานะที่เป็นบิดาก็ไม่อาจเลี่ยงความรู้สึกเกลียดชังต่อเด็กหนุ่มที่จะมาชิงตัวบุตรสาวอันสูงค่าดังพญาหงส์ของตนไป เจ้าเด็กอ่อนแอเหลาะแหละนั่นน่ะหรือที่ควรค่าต่อบุตรสาวของเขา!?

“พูดอย่างนั้นได้อย่างไร!”

เหยาซูเหลือบมองหลินเหรา เห็นว่าใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้น ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเดาอะไรบางอย่างออก “ท่านตัดใจจากเอ้อเป่าไม่ได้สิท่า ข้าเองก็เห็นเถิงเอ๋อมาตั้งแต่เล็ก ๆ นิสัยใจคอดียิ่ง อีกทั้งเอ้อเป่าเองก็ชอบเขา ข้าได้ยินจากพี่เจี่ยงว่าเจี่ยงเถิงได้เป็นขุนนางฝ่ายดูแลการค้าเกลือด้วยตัวเอง ข้าคิดว่าไม่แตกต่างจากท่านในตอนนั้นเลย”

เหยาซูพูดถึงเจี่ยงเถิงแล้วก็นึกถึงร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงของเขา พี่เจี่ยงตัดสินใจที่จะแยกทางกับสามีไร้ยางอายผู้นั้น ส่งผลให้เจี่ยงเถิงมีหัวใจที่เข้มแข็งและทรหด

เจี่ยงเถิงบอกว่าเขาอยากจะหาเงินได้มาก ๆ จากการทำกิจการค้าขายเพื่อเลี้ยงดูพี่เจี่ยง ตอนนี้ที่เขาเข้าไปเป็นคลื่นลูกใหญ่ให้ราชสำนักก็เพื่อเอ้อเป่า!

เหยาซูคิดในมุมของเถิงเอ๋อ เด็กหนุ่มคงไม่อยากให้เอ้อเป่าลำบาก

วิธีคิดแบบโบราณ คือต้องเลือกคู่ครองให้เหมาะสมและคู่ควร เพื่อจะได้ไม่ถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์

ถึงจะออกห่างจากจวนแม่ทัพมานานนับปี แต่เหยาซูก็ยังสงบชัดเจนกับทุก ๆ ย่างก้าวในบ้าน

เจี่ยงเถิงไม่ได้ตั้งใจปกปิดสถานะของตน เมื่อเขามาถึง เหยาซูก็ได้ยินข่าวคราวของเขาว่าได้เป็นขุนนางฝ่ายค้าเกลือตั้งแต่อายุยังน้อย

ต้าเยี่ยนไม่อนุญาตให้ค้าขายเกลือผิดกฎหมาย การซื้อขายเกลือทั้งหมดต้องขึ้นกับขุนนางที่ได้รับมอบหมายจากทางการเท่านั้น ขุนนางที่ค้าเกลือบางส่วนจึงต้องออกไปสอบสวนเกลือผิดกฎหมายปีละสองครั้ง

นี่จึงเป็นงานที่ผู้คนต่างก็อิจฉาตาร้อนเนื่องจากมีรายได้ดี แต่หากทำหน้าที่บกพร่อง บทลงโทษคือหัวหลุดออกจากบ่าสถานเดียว

ก่อนที่เจี่ยงเถิงจะไปตรวจสอบทางภาคเหนือ ต่อให้เขาจะเป็นเพียงแค่เสนาธิการทหาร แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ออกจากเมืองหลวง ในระหว่างการทำงานเด็กหนุ่มจึงพูดจาอย่างระมัดระวังรอบคอบ ไม่ให้ผู้ใดจับผิดได้ และเขาก็ไม่เคยทำให้ขุนนางเสียหน้าเลยสักครั้ง อีกทั้งผู้คนก็ไม่สามารถจับผิดหาข้อผิดพลาดของเขาได้ นี่แสดงให้เห็นว่าเขารัดกุมเป็นอย่างมาก

ด้วยวัยเพียงเท่านี้ กลับมีความกล้าหาญและวิธีการที่เยี่ยมยอด ในวันข้างหน้าความสำเร็จของเจี่ยงเถิงย่อมต้องไม่ถูกมองข้ามเป็นแน่

หลินเหราเองก็รู้ว่าสิ่งที่เขากล่าวไปนั้นมันผิด เขาพิจารณาตามที่ภรรยาบอกกล่าว

เมื่อสนทนาเรื่องเจี่ยงเถิงเสร็จ จู่ ๆ หลินเหราก็นึกเรื่องที่ถูกองค์รัชทายาททักในวังขึ้นมา จู่ ๆ ก็เกิดช่วงเวลาที่คับขันขึ้น เขาจึงต้องบอกกล่าวเรื่องนี้กับภรรยา

เหยาซูฟังความกังวลของสามี และยิ้มออกมา “องค์รัชทายาทหรือ ฝ่าบาทเพิ่งจะเจ็ดขวบเองไม่ใช่หรือ ท่านจะกังวลสิ่งใดเล่า”

“ต่อให้เจ็ดขวบอย่างไรก็คือบุรุษ เจ้าเคยบอกไม่ใช่หรือว่าเด็กชายในเมืองหลวงแต่งงานกันเร็วนัก” หลินเหราเอามือก่ายหน้าผากและกล่าวต่อ “ข้ามองว่าถึงองค์รัชทายาทจะยังเด็ก แต่กลับดูเหมือนผู้ใหญ่ ทำให้ข้ามีความรู้สึกแตกต่างออกไป”

เหยาซูไม่ได้แสดงอาการแปลกใจใด ๆ หญิงสาวรู้ดีว่านี่คือตัวเอกชายในเวลาต่อมา

เขาเป็นคนที่ได้เกิดใหม่ ในหนังสือไม่ได้เขียนถึงภูมิหลังขององค์รัชทายาทมากนัก นางเพียงแค่รู้ว่าเขารักหลินซือตั้งแต่แรกพบและจะทำให้เด็กสาวเสียใจภายหลัง

ในหนังสือกล่าวว่าตู้เหิงดูแลหลินซือได้ย่ำแย่ลงมากหลังจากมีลูกสาวของตนเอง ซึ่งในตอนแรกหลินเหราก็เอ่ยบางอย่างที่คล้ายกัน

ตู้เหิงจะไม่วางใจได้อย่างไร

หลินซือได้เข้าวังก่อน หลังจากนั้นบุตรีของตู้เหิงก็มีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองหลวง เป็นเพราะบทกวีของนาง องค์รัชทายาทจึงเริ่มให้ความสนใจนางมากขึ้น และทำให้หลินซือเริ่มเกิดความริษยา

ต่อมาบุตรีของตู้เหิงออกไปเที่ยวเล่นและพบนักฆ่าเข้า ในเวลาเดียวกันก็พบกับองค์รัชทายาทที่ถูกลอบสังหาร ทั้งสองประสบพบกับความตายเหมือนกัน แต่มีความรู้สึกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ต่อมาองค์รัชทายาทก็พบว่าหลินซือเป็นคนที่ส่งนักฆ่ามาลงมือ

เหยาซูเงยหน้าขึ้น อาซือในหนังสือกระทำเรื่องราวร้ายแรงมากมาย องค์รัชทายาทคนนี้ในอีกแง่หนึ่งเขาก็เป็นบุรุษชั่วช้า

ไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม ในชาตินี้เหยาซูก็ไม่ต้องการให้บุตรีของตนเกี่ยวข้องกับตัวเอกชายในหนังสือ

เมื่อพูดถึงองค์รัชทายาท เหยาซูก็นึกถึงตู้เหิง นางไม่รู้ว่านางเอกคนนี้จะออกมาในช่วงหลังหรือไม่…

“เช่นนั้นอีกสักพักก็เข้าไปบอกเอ้อเป่าสิ” เหยาซูหยอกล้อกับหลินเหรา “ให้เอ้อเป่าอยู่ห่างจากเขาก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ครอบครัวของพวกเราไม่ควรใกล้กับองค์รัชทายาทน้อย”

หลินซือที่อยู่ไม่ไกลนักกำลังเหม่อลอยเสียจนเกือบจะสอดตะเกียบเข้าไปในรูจมูกของตน ในที่สุดนางก็กลับมามีสติครั้นเห็นว่าพ่อแม่ของตนกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง

แต่หลินซือไม่ได้คิดอะไรมากมาย เด็กสาวกินข้าวได้พอสมควรก็วางตะเกียบลง และครุ่นคิดว่าวันพรุ่งนี้จะไปเที่ยวเล่นที่ไหนดี

ในคืนนั้นหลินเหรามาเคาะประตูเรือนจิ้งซือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หลินซือเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ท่านพ่อ ท่านมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ?”

หลินซือขยี้ตาพลางหาวหวอดด้วยความง่วงนอน

เด็กสาวภาวนาในใจว่าไม่ให้เขาถามถึงเจี่ยงเถิง เห็น ๆ อยู่ว่าตนเองแค่ออกไปเที่ยวเล่นกัน ตอนเด็ก ๆ ตนก็อยู่กับเจี่ยงเถิงทั้งวัน แต่ท่านพ่อกับท่านแม่กลับไม่เห็นพูดอะไรเลย อยู่ ๆ เหตุใดถึงกังวลขึ้นมา ทำให้ตนนั้นรู้สึกประหม่าขึ้นเสียอย่างนั้น

เมื่อเห็นท่าทางง่วงนอนของบุตรสาว ความตั้งใจที่จะมาสอบปากคำกับนางก็หายไปในทันที ชายหนุ่มก็หยิบเรื่ององค์รัชทายาทมาสนทนากับบุตรสาว

“วันนี้เจ้าได้เจอกับองค์รัชทายาทหรือ? ”

ดวงตาหรี่ปรือของอาซือได้เบิกกว้างขึ้นมา แล้วดวงตากลมโตของเด็กสาวก็เปี่ยมไปด้วยแววตกใจ

หลินเหราขมวดคิ้ว วันนี้หรือ? เวลาที่องค์รัชทายาทบอกกับเขานั้นไม่ถูกต้อง เอ้อเป่าไม่มีทางโกหก แสดงว่าต้องเป็นองค์รัชทายาทเท่านั้นที่…

เขาคิดดังนั้นแล้วก็ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ “ถูกต้อง เขายังบอกอีกว่าจะมาขอบคุณเจ้าที่บ้าน แต่พ่อไม่อนุญาต ด้วยตำแหน่งของข้าแล้ว เจ้ามิควรเข้าใกล้องค์รัชทายาทมากเกินไป วันหลังเมื่อเจ้าพบกับพระองค์อีกครั้ง ให้มองเขาเป็นคนแปลกหน้าเสีย”

หลินซือรีบตกลงในทันที “ตอนนั้นข้าก็รู้สึกว่ามันแปลก ๆ เช่นกันเจ้าค่ะ ข้ากับพี่ไป๋ลองสืบชื่อคุณชายน้อยที่อยู่ในเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่พบว่าคนไหนมีชื่อตรงกับเขาเลย ไม่คิดว่าจะเป็นองค์รัชทายาท!”

หลินซือตัดสินใจวันข้างหน้าต้องอยู่ให้ห่างกับองค์รัชทายาท

ตระกูลหลินและราชวงศ์ ควรจะมีระยะห่างที่มากในระดับหนึ่งถึงจะดี

“หลังจากนั้น ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”

หลินเหราเงยหน้าขึ้น “ซานเป่าจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ตอนเย็น เจ้าออกไปเล่นกับเถิงเอ๋อในวันพรุ่งนี้จงรีบกลับมาเสีย อีกอย่างตัวเจ้าก็จะเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว จงระมัดระวังเวลาอยู่กับผู้คน มิเช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงได้”

“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ อีกอย่างนะเจ้าคะ พี่เถิงก็ไม่ให้ข้าออกไปเล่นจนเย็นหรอก”

หลินซือลดน้ำเสียงเพื่ออธิบายให้กับเจี่ยงเถิง

หลินเหรากำชับบุตรสาวอีกครั้งเรื่องความปลอดภัย แล้วจากไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม

เมื่อเห็นแผ่นหลังของท่านพ่อจากไป หลินซือก็ถูใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตนด้วยเหตุผลบางประการ และโยนความไม่พอใจทั้งหมดให้กับพี่เถิงซึ่งจะพบกันในวันพรุ่งนี้

เป็นความผิดของเถิงเอ๋อ ท่านพ่อและท่านแม่ถึงต้องผลัดกันมาอบรมตนเองในวันนี้!

หลินซือทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความโมโห ตั้งหน้าตั้งตารอให้วันพรุ่งนี้มาถึง ในที่สุดเด็กสาวก็ได้ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่เหราต้องไว้หนวดแล้วมั้งคะเนี่ย ลูกสาวมีแต่คนมาจีบ

ไหหม่า(海馬)