บทที่ 435 สัญญา

บทที่ 435 สัญญา

ครั้นเจี่ยงเถิงอิ่มหนําสําราญ หลินซือจึงสั่งให้สาวใช้มาเก็บกวาดกับข้าวที่เหลือ และนางเองก็เริ่มขอให้เด็กหนุ่มเล่าเรื่องราวการออกเดินทางในครั้งนี้

เจี่ยงเถิงรู้จักนิสัยของหลินซือเป็นอย่างดี เด็กหนุ่มก็ได้เตรียมโครงเรื่องไว้ในใจแล้วตั้งแต่ต้น

เด็กหนุ่มแสดงให้เห็นถึงทักษะที่เชี่ยวชาญของตน ชายหนุ่มนำเรื่องราวที่ตนได้เรียบเรียงอยู่ในใจมาเล่าสู่กันฟัง….ทำให้หลินซือตกตะลึงเป็นอย่างมาก

เจี่ยงเถิงพูดน้ำไหลไฟดับอยู่หนึ่งชั่วยาม เด็กหนุ่มได้ดื่มชาเติมใหม่จนหมด หลินซือพลันปรบมือด้วยความชอบใจและไม่อยากให้เรื่องนี้จบลง “สุดยอดมากเลยพี่เถิง เรื่องราวสลับซับซ้อนเช่นนั้น แต่ท่านสามารถจับขุนนางที่ทุจริตได้ ข้าขอปรบมือให้!”

เจี่ยงเถิงยังคงชื่นชมดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาราทั้งสองข้างของหลินซือ เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างสงบเสงี่ยม “เพียงแค่จัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ข้าได้พบเจอมาเยอะแล้ว”

หลินซือคว้ามือเจี่ยงเถิงไว้แน่น และถามรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อย เมื่อฟังเรื่องราวจบลง จู่ ๆ หลังจากนั้นก็ได้เกิดความเงียบสงัดขึ้น ผ่านไปสักพักเด็กหญิงจึงเอ่ยขึ้น “เจี่ยงเถิง ข้าขอโทษ”

“หืม?”

“คราก่อนนั้นรู้ทั้งรู้ว่าท่านได้รับหน้าที่ต้องไปจัดการเรื่องยากลำบากและอันตราย ข้าเองก็ยังชวนทะเลาะ อีกทั้งยังด่าท่านอีก ข้าขอโทษ”

เมื่อหลินซือนึกถึงเรื่องการทะเลาะระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ถ้าจะพูดจริง ๆ ก็เป็นนางเองที่เป็นฝ่ายทะเลาะกับเจี่ยงเถิงอยู่ฝ่ายเดียว

เด็กหญิงก้มหน้างุดด้วยความละอายใจ และบิดนิ้วมือด้วยความรู้สึกขอโทษ

“จริง ๆ แล้วข้าเองก็มีส่วนผิด”

เจี่ยงเถิงพยายามหักห้ามความรู้สึกของตนที่อยากจะกอดสาวน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน เขาทำได้แค่ลูบหัวนางเบา ๆ เท่านั้น “ข้าสัญญากับเจ้าว่าเราจะไปทะเลสาบกัน เสื้อใหม่ของอาซือก็ทำเสร็จแล้ว แต่ข้าเองกลับเป็นฝ่ายผิดสัญญา ข้าเองเป็นฝ่ายที่ผิดตั้งแต่แรก ที่อาซือไม่มีความสุขนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก”

หลินซือพึมพำ และเมื่อนึกถึงเสื้อผ้าชุดใหม่ของตนนางจึงได้บ่นขึ้นมา “เสื้อตัวนั้นข้าเลือกไว้นานแล้ว เเต่เพราะท่านไม่ไปทะเลสาบกับข้า ข้าจึงโกรธจนไม่ใส่มันอีกเลย ตอนนี้อากาศก็หนาวแล้ว ปีนี้คงจะใส่ไม่ได้ และถ้าปีหน้าข้าโตขึ้นอีกก็คงจะใส่ไม่ได้อีกตลอดไป!”

“ข้าผิดเอง ข้ามันไม่ดี” เจี่ยงเถิงยกมือขึ้นยอมรับความพ่ายแพ้โดยเร็ว “ไว้ข้าจะให้ชุดใหม่แก่อาซือ จะต้องดีกว่าเมื่อก่อนแน่นอน”

“ช่างมันเถอะ ข้าไม่เชื่อแววตาท่านแล้ว”

หลินซือกลอกตา ดูเหมือนว่านางจะนึกถึงอดีตที่มืดมนของเด็กหนุ่ม

ครั้นบ่นเกี่ยวกับเจี่ยงเถิง หลินซือก็นึกถึงอดีตที่เลวร้ายของนางครั้นเลือกผ้ากับไป๋หรูปิง เด็กสาวจึงวกมาบ่นกับเจี่ยงเถิงอีกครั้ง เรื่องในใจของนางมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือพิธีปักปิ่นที่สุดแสนจะยุ่งยาก!

“แต่เมื่อพิธีปักปิ่นเสร็จสิ้นลงก็ควรพูดถึงเรื่องพ่อสื่อแม่สื่อได้แล้ว เมื่อครู่อาซือไม่ได้บอกว่าใครอยากจะแต่งงานให้ไปเข้าแถวที่ประตูเมืองหรือ ข้าเห็นว่าประตูของจวนแม่ทัพกำลังจะถูกเหยียบจนแทบถล่มแล้ว” เจี่ยงเถิงพูดจาขบขัน

“บ้า ข้าไม่สนใจพวกเขาหรอก” หลินซือตอบขึ้นเบา ๆ “บุรุษที่มีวัยเหมาะสมในเมืองหลวงอย่างพี่ชายของข้าล้วนก็ทำให้ข้าได้เห็นแล้ว แต่ละคนล้วนแล้วแต่ใช้ไม่ได้ เทียบกับท่านไม่ติดเลย ถ้าให้ข้าแต่งกับพวกเขา สู้แต่งกับท่านไม่ดีกว่าหรือ”

ได้ยินเช่นนี้เจี่ยงเถิงขมวดคิ้ว ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

พยายามมาตั้งนาน ตนเองกลับเป็นได้แค่ขุนนางดูแลเกี่ยวกับการค้าเกลือ ถึงแม้จะเป็นอาชีพที่มีรายได้สูง แต่มีตำแหน่งต่ำนัก

เจี่ยงเถิงรู้ดีว่าตนเองนั้นไม่คู่ควรกับหลินซือ ดังนั้นเขาจึงต้องกล้ำกลืนมิให้พูดสิ่งใดออกมา

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าหลินซือจะไม่ใส่ใจกับคำพูดพวกนี้ แต่เจี่ยงเถิงเองที่เป็นฝ่ายที่ไม่สามารถไม่ใส่ใจได้ เด็กหนุ่มไม่อาจปล่อยให้หลินซือรู้สึกผิด หลินซือเป็นหญิงสาวจากตระกูลสูงศักดิ์ เติบโตมาด้วยความรักมากมาย สุดท้ายแล้วนางก็ไม่อาจแต่งงานกับตนได้ มิเช่นนั้นจะถูกกล่าวว่า ‘ไม่เหมาะสม’ ภรรยาของตนคนนี้ก็คือหลินซือที่เขาไม่มีวันเอื้อมถึง

“พี่เถิง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว” หลินซือมองเจี่ยงเถิงด้วยความลังเล “ทำไมท่านไม่อยู่กินข้าวที่นี่เสีย”

“ข้าเพิ่งกินไปจนเกือบตาย” เถิงเอ๋อยิ้มและส่ายหน้า “โดยเฉพาะคืนวันนี้ข้าต้องไปจัดการสาส์น พรุ่งนี้ข้าต้องใช้”

“ได้ เช่นนั้นข้าจะไปส่งท่านเอง”

ถึงแม้ว่าหลินซือจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นยังทำให้นางเข้าใจว่าเจี่ยงเถิงในตอนนี้ไม่ได้เป็นเพียงสหายของตนเท่านั้น แต่ยังเป็นคนสำคัญในราชสำนัก และนางไม่อาจทำให้งานของเขาล่าช้าได้

เมื่อส่งเจี่ยงเถิงถึงประตูของจวนแม่ทัพ หลินซือก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “พี่เถิง ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้ากลับมาจากข้างนอกแล้ว ท่านจะอยู่พบพวกเขาก่อนหรือไม่?” หลินซือคว้าแขนเสื้อเจี่ยงเถิงรั้งไม่ไห้เขาไป

เจี่ยงเถิงเองก็อยากพบท่านอาซูเหลือเกิน แต่เนื่องจากวันนี้มีเรื่องราวมากมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านหลินและท่านอาเหยาซูเพิ่งจะเดินทางกลับมาถึง ครอบครัวต่างพร้อมหน้าพร้อมตา

เจี่ยงเถิงส่ายหน้า “วันนี้เป็นวันของครอบครัวเจ้า คนนอกอย่างข้าจะอยู่ไปเพื่ออะไร ไว้โอกาสหน้าเถิด”

หลินซือได้ยินคำพูดที่คุ้นเคย ก็นึกถึงคำพูดของไป๋หรูปิง เวลานั้นตนเองสามารถโต้แย้งไป๋หรูปิงได้ว่านางเป็น ‘ของของพี่ชาย’ แต่ยามเจี่ยงเถิงพูดเช่นนี้ หลินซือไม่อาจปฏิเสธได้จริง ๆ

“เช่นนั้นก็ได้ ” หลินซือกล่าวอย่างหดหู่

เมื่อเห็นท่าทางของหลินซือดูราวกับดอกไม้ที่ถูกน้ำค้างแข็งกัดกินจนร่วงโรย เจี่ยงเถิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปลอบโยนด้วยวิธีทำให้เด็กสาวประหลาดใจเช่นเมื่อก่อน “อาซือ วันพรุ่งนี้รอข้าทำงานแล้วเสร็จ พวกเราค่อยไปทะเลสาบกันดีไหม? ข้าให้คนเตรียมเรือไว้แล้ว พรุ่งนี้เจ้าอยากไปไหนข้าสามารถพาเจ้าไปได้หมด เพื่อเป็นการไถ่โทษ”

ดวงตาทั้งสองของหลินซือเป็นประกาย และเด็กหญิงก็รีบเอ่ยขึ้น “ข้าไม่อนุญาตให้ท่านผิดคำพูด ไม่เช่นนั้นวันข้างหน้าจะให้ท่านทำสัญญาเสีย”

“หนึ่งคำหลุดจากปาก สี่ม้ายากตามกลับคืน![1]” เจี่ยงเถิงยกมือให้คำมั่นสัญญา

“เกี่ยวก้อย เกี่ยวก้อย ใครกลับคำต้องกลับไปเป็นลูกหมา!” หลินซือยื่นนิ้วก้อยออกมาอย่างตื่นเต้น

เจี่ยงเถิงคลี่ยิ้ม แล้วทำสัญญาแบบเด็ก ๆ กับนาง “เกี่ยวก้อย ร้อยปีก็ไม่กลับคำ ใครกลับคำเป็นลูกหมา แบบนี้ได้ไหม?”

ท่าทางของหลินซือเปลี่ยนไปทันที นางอดไม่ไหวที่จะส่งเขากลับไป “เอาละ เอาละ ท่านรีบไปเถอะ ข้าจะกลับไปเตรียมตัวรอ!”

เมื่อเห็นอาซือที่ไร้หัวใจหันหลังและหายวับไปกับประตู เจี่ยงเถิงก็ลอบบ่นออกมา “เจ้าคนไร้หัวใจ ขอบคุณสักคำก็หาได้มีไม่!”

หลินซือที่ ‘ไร้หัวใจ’ กระโดดกลับไปในสวนของนาง ในหัวของเด็กหญิงกำลังคิดว่าวันพรุ่งนี้นางจะใส่เสื้อผ้าอย่างไรดี จู่ ๆ ก็มาถึงหน้าประตูและเห็นแม่ของตนกำลังรออยู่

“ท่านแม่” หลินซือพยายามระงับความตื่นเต้นของตนเอง เมื่อนึกถึงท่าทางที่กระโดดโลดเต้นอย่างโง่เขลาของตน เด็กสาวก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเขินอาย

“เมื่อครู่นี้เป็นใครกันนะทำให้เอ้อเป่าของพวกเราแย้มยิ้มได้ถึงเพียงนี้” เหยาซูที่รู้คำตอบดีแต่ก็ยังแกล้งถาม “ข้ากับท่านพ่อกลับมาถึงบ้าน เอ้อเป่ายังไม่ดีใจเช่นนี้ หรือจะเป็นเพราะว่า ลูกแม่โตเป็นสาวใกล้จะออกเรือนแล้วกันนะ?”

“ท่านแม่! ท่านอย่าหยอกล้อข้าเล่นสิ นั่นเจี่ยงเถิงที่พวกเราโตมาด้วยกัน ท่านเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ อย่างไรเล่า” หลินซือรีบอธิบาย

“อ๋อ ที่แท้ก็คือลูกตระกูลเจี่ยงนี่เอง” เหยาซูทำท่าทางครุ่นคิดสักพัก “ตอนเด็ก ๆ เจ้าบอกว่าอยากจะเป็นเจ้าสาวใช่หรือไม่ ตอนนี้ได้หรือยังนะ”

…………………………………………………………………………………………………

[1] หนึ่งคำหลุดจากปาก สี่ม้ายากตามกลับคืน หมายความได้ว่า คำพูดของเรา เมื่อเราพูดออกไปแล้ว จะกลับกลายเป็นนายเราทันที เหมือนดั่งม้าสี่ตัวที่ยากจะตามกลับมา

สารจากผู้แปล

พยายามเข้านะเจี่ยงเถิง สักวันจะต้องมีวันที่รู้สึกว่าตัวเองคู่ควรกับอาซือ

ไหหม่า(海馬)