ตอนที่ 322 ผีน้อยที่ยากจะรับมือ (2)
“แน่นอนว่า ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องทำในเมืองเฟิงตู” จี้อู๋โหย่วหัวเราะเบาๆ และกล่าวฟังดูสมเหตุผล
แม่ทัพแห่งยมโลกเม้มริมฝีปากและหาว
“พวกเจ้าควรกลับไป เส้นทางสายนี้ปิดตาย ใช้ไม่ได้แล้ว”
จี้อู๋โหย่วอดจะขมวดคิ้วไม่ได้ และในขณะนี้ ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งที่อยู่เบื้องหลัง จี้อู๋โหย่วก็อดจะก้าวออกมาข้างหน้าไม่ได้
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งกล่าวอย่างสงบว่า “ยังมีสามคนที่อยู่ข้างหน้าเรา แล้วไยพวกสหายเต๋าถึงกล่าวว่าเส้นทางนี้ใช้ไม่ได้หรือ?”
“เหอะๆๆๆ”
แม่ทัพแห่งยมโลกส่ายร่างไปมาเบาๆ แล้วกลอกตาพลางกล่าวว่า “สำหรับคนที่รู้กฎเกณฑ์ เส้นทางนี้ย่อมเปิดเป็นธรรมดา ส่วนผู้ที่ไม่รู้ เส้นทางนี้ย่อมปิดตาย ใช้ไม่ได้จริงๆ”
“กฎหรือ?”
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งจ้องมองด้วยดวงตาฉายแววเฉียบคมเล็กน้อย ขณะที่เส้นผมสีขาวบนขมับ พลิ้วไหวเบาๆ และเริ่มแผ่พุ่งพลังลมปราณออกมา
“อย่าบอกข้าว่า มีกฎเช่นนั้น!”
“เฮ้!”
โชคดีที่เจียงหลินเอ๋อร์ซึ่งอยู่ด้านข้างมีปฏิกิริยาฉับไวพอเมื่อก้าวออกไปข้างหน้าแล้วจับแขนของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งอันสูงส่งเอาไว้
เจียงหลินเอ๋อร์ฝืนยิ้มและหยิบถุงเก็บสมบัติออกมาจากแขนเสื้อของนางอย่างชำนาญ
จากนั้น นางก็ใช้พลังเซียนส่งมอบมันออกไปแล้วกล่าวอย่างสุภาพว่า “พวกเราย่อมเข้าใจกฎ สามีของข้าไม่ค่อยได้ออกมา ท่านแม่ทัพโปรดอย่าได้ตำหนิเขาเลย”
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมีท่าทางลังเล
หลี่ฉางโซ่วที่เฝ้าดูจากทางด้านหลังก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนี้…
ทว่าแม่ทัพยมโลกผู้นั้นก็โบกค้อนทองสัมฤทธิ์อย่างสบายๆ แล้วลมกระโชกแรงก็พัดถุงเก็บสมบัตินั้นกลับลงไปในมือของเจียงหลินเอ๋อร์
เจียงหลินเอ๋อร์ขมวดคิ้วเบาๆ พลางถามว่า “ท่านแม่ทัพหมายความเช่นไรหรือ?”
“เหอะๆ กฎของวันนี้เปลี่ยนไปกะทันหัน” แม่ทัพยมโลกชื่นชมลวดลายบนค้อนทองสัมฤทธิ์ในมือของเขาและกล่าวอย่างสงบว่า “แดนยมโลกเป็นสถานที่สำคัญยิ่ง ไม่ใช่ให้พวกเจ้า นึกจะบุก ก็บุ่มบ่ามบุกเข้ามาได้ ไม่กลัวสวรรค์ลงโทษกันหรือ?”
ปรมาจารย์หว่างฉิงกะพริบตาพลางกล่าวอย่างสงบว่า “สหายเต๋า เจ้ากำลังพยายามทำเรื่องยากเพื่อให้พวกเราต้องล่าช้าอยู่ใช่หรือไม่?”
จู่ๆ ก็มีเสียงชักกระบี่เมื่อปรมาจารย์หว่างฉิงดึงกระบี่ยาวออกจากฝักที่อยู่ด้านหลังของเขาอย่างกะทันหัน
บัดนั้น ใบหน้างดงามของโหย่วฉินเสวียนหย่าดูเย็นชา นางชูฝักกระบี่กิเลนไฟขึ้นมาและเตรียมพร้อมโจมตีทันที
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วผู้ซึ่งพยายามเก็บตัวตนไม่ให้เป็นที่สะดุดตาอย่างมากที่สุด ก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที
เพียงแค่เรื่องค่าผ่านทาง ไฉนต้องจริงจังเช่นนี้?
เขาเป็นเพียงศิษย์หลานตัวเล็กๆ จึงไม่เหมาะจะเอ่ยอะไรในเวลาเช่นนี้ที่มีทั้งเจ้าสำนักและปรมาจารย์ใหญ่ของเขาอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่มีวันปล่อยให้ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งต่อสู้กับแดนยมโลกจริงๆ
มันไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องใช้จ่ายของล้ำค่ามากขึ้นเท่านั้น
และไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่ต้องจ่าย
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ยังได้ค้นพบข้อมูลของแดนยมโลกเพิ่มเติม…
ในขณะนั้น แม่ทัพยมโลกก็ถือค้อนทองสัมฤทธิ์ทั้งสองอันและมองไปที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งอย่างยั่วยุเล็กน้อย
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งแค่นเสียงเย็นชา ทว่าไร้วาจาใดเมื่อเจียงหลินเอ๋อร์แอบห้ามเขาเอาไว้
“หือ?”
ใบหน้าซีดเซียวของแม่ทัพดูชั่วร้ายพร้อมเผยรอยยิ้มเย็นชาขณะกล่าวว่า “กล้าไม่พอใจหรือ?”
ทันใดนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกผู้แข็งแกร่งหลายร้อยที่อยู่ข้างหลังเขา ต่างก็ดาหน้าก้าวออกมาครึ่งก้าวพร้อมๆ กันทันที!
เขาเบิกตากว้างปานระฆังทองสัมฤทธิ์ แล้วส่งเสียงเตือนดังลั่นราวกับสายฟ้าฟาด! ทันใดนั้น พลังโลหิตผันผวนที่น่าตื่นตกใจก็กวาดพัด แผ่พุ่งออกมาเป็นระลอกจากเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกเหล่านี้แล้วผสานกันเป็นพลังที่น่าอัศจรรย์!
ขณะที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งกำลังจะตอบโต้ ทันใดนั้น จี้อู๋โหย่วก็ยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณให้ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งถอยไปก่อน
จากนั้น จี้อู๋โหย่วก็ก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าวพลางไพล่มือเอาไว้ด้านหลังในขณะที่เผยพลังสะกดข่มแห่งเซียนจินออกมาอย่างชัดเจน
จี้อู๋โหย่วยิ้มและกล่าวว่า “พวกเราใช้เวลาเดินทางมาไกลหลายหมื่นลี้เพื่อมาที่นี่ ย่อมไม่อยากกลับ ข้ายังอยากขอให้ท่านแม่ทัพโปรดอภัยให้ข้าด้วย สหายศิษย์ร่วมสำนักของข้าใจร้อนไปสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะท่านจะสะดวกให้ผ่านทางหรือไม่”
“สะดวกหรือ?”
แม่ทัพยมโลกกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อวันนี้ ข้าบอกว่าพวกเจ้าผ่านไม่ได้ ก็ย่อมผ่านไม่ได้ คิดว่าเพียงเพราะเจ้าเป็นเซียนจินแล้วน่าทึ่งนักหรือ? ในแต่ละวัน ก็มีเซียนจินอย่างน้อยสามหรือสี่คนที่ผ่านด่านข้า ที่นี่คือ แดนยมโลก ต่อให้เป็นมังกร แต่ก็มาอวดเบ่งไม่ได้!”
*แค่กๆ*
จี้อู๋โหย่วยกมือขึ้นพลางกระแอมไอออกมาสองครั้งขณะที่ถือกระบี่ยาวเอาไว้ในมือแล้วแผ่พุ่งลมปราณขึ้นมาอย่างรุนแรง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ทำได้เพียงให้เหตุผลกับสหายเต๋าเท่านั้น”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันฉับพลัน …
ใช่แล้ว ทักษะทั่วไปของสำนักตู้เซียน คือ ลูกบ้าระห่ำสุดๆ อย่างแน่นอน!
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็มีลูกบ้าประมาณนี้ ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็เป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นผู้ที่มุ่งมั่นฝึกบำเพ็ญอย่างเต็มที่และไม่เที่ยวออกไปนอกสำนักมากนัก นั่นย่อมอธิบายตัวตนของพวกเขาได้
แล้วท่านเจ้าสำนักจะไม่มาตะเภาเดียวกันได้อย่างไร…
เมื่อพิจารณาจากที่ท่านเจ้าสำนักจ้อมาตลอดทาง เห็นได้ชัดว่าเขาย่อมรู้ว่าที่นี่มีระเบียบเก็บค่าผ่านทางไม่ใช่หรือเล่า?
หลี่ฉางโซ่วคร่ำครวญในใจและได้แต่ปวดศีรษะเท่านั้น
แล้วก่อนที่เขาจะทันได้กอบกู้สถานการณ์ แม่ทัพยมโลกก็เม้มปากและหันศีรษะไปตะโกนใส่ทางภูเขาข้างๆ เขาในทันทีว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่! มีเซียนจินมนุษย์กำลังพยายามจะฝ่าด่านเข้าไปขอรับ!’
“อืม?”
ด้วยเสียงตอบรับพร้อมกับพลังลมปราณที่ปะทุขึ้นมาจากยอดเขาด้านข้างนั้น ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกใจสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
ทันใดนั้น ก็มีร่างหนึ่งกระโดดออกมาจากภูเขาสูงเสียดฟ้า เดิมทีมันมีขนาดเท่าเมล็ดงา ทว่าเมื่อร่อนร่างลงมาอยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกหลายร้อยคนในพริบตาเดียวนั้น
เขาคือบุรุษร่างใหญ่กำยำที่สูงเก้าฉื่อ ผมสั้นสีฟ้าอ่อน ใบหน้าหยาบกร้าน และดวงตาดูสะลึมสะลือ เขาสวมชุดเกราะสีฟ้าอ่อน ชั่วขณะนั้น ทั่วทั้งร่างของเขาก็แผ่พุ่งพลังลมปราณที่น่าอัศจรรย์ออกมา!
ไอสังหารดุร้ายที่กดดันรุนแรงพลันพวยพุ่งออกมา!
บุรุษร่างกำยำหาวและเหยียดยืดกายออก “ผู้ใดกันเล่า? พวกเจ้ามารนหาเรื่องที่นี่หรือ?”
จี้อู๋โหย่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะนี้ แม้จะสัมผัสได้ว่า บุรุษร่างกำยำผู้นี้มีพลังลมปราณที่น่าทึ่งยิ่ง เขาย่อมเป็นคนที่รับมือได้ยากอย่างแน่นอน แต่ในฐานะเจ้าสำนักตู้เซียน เขาจะเผยท่าทีขี้ขลาดหวาดกลัวผู้อื่นต่อหน้าเหล่าศิษย์ของสำนักได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุตรนอกสมรส ผู้เป็นศิษย์ส่วนตัวของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่?
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ส่งข้อความเสียงไปที่จี้อู๋โหย่ว
“ท่านเจ้าสำนัก ศิษย์เดาว่า นี่อาจเป็นปรมาจารย์เผ่าเวทที่เหลืออยู่หลังสิ้นสงครามในยุคโบราณ ซึ่งน่าจะดีกว่าที่จะไปมีเรื่องกับเขานะขอรับ”
ทันใดนั้น พลังลมปราณจี้อู๋โหย่วก็อ่อนกำลังลงไปเล็กน้อยทันที
ในขณะนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกและแม่ทัพร้องต่างพากันร้องตะโกนออกมาเบา ๆ ว่า “หมวกเกราะ ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านลืมสวมหมวกของท่านแล้วขอรับ!”
“ท่านแม่ทัพใหญ่ หมวกของท่าน!”
“หากลืมใส่แม้ครั้งเดียว ก็ต้องทนรับหกร้อยแส้นะขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่!”
“หือ?” ผู้ที่เพิ่งกระโดดลงมายกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของเขา ทันใดนั้น เขาก็ตัวสั่นสะท้าน พลันหันศีรษะแล้ววิ่งสองก้าวไปยังภูเขาสูงตระหง่านข้างกายก่อนจะงอขาแล้วทิ้งรอยแตกร้าวร้าวเอาไว้บนพื้นหินที่แข็งแกร่งนี้อย่างกะทันหัน
จากนั้น เขาก็กระโดดกลับมาทันที ผ่านไปสักพัก ร่างสูงใหญ่และทรงพลังก็พ่นลมหายใจเย็นชาออกมาอีกคราขณะทิ้งตัว กระแทกร่างลงมาจากภูเขาอีกครั้งแล้วยืนอยู่ต่อหน้าบรรดาเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกทั้งหมด
ทว่าคราวนี้…มีหมวกหัววัวโทรมๆ สวมอยู่บนศีรษะของเขา
ทันใดนั้น เขาก็ย้ำคำพูดของเขาซ้ำอีกครั้ง
“ผู้ใดกัน? กล้าดีอย่างไรถึงมาทำตัวชั่วช้าที่นี่? พวกเจ้ามาหา…มอ”
………………………………………………………………..