บทที่ 416 เส้นทางตามง้อภรรยาที่แสนยาวไกล

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ง่ายนิดเดียว” วารุณีสูดลมหายใจเข้า รอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ “เพราะบาดแผลจากการถูกทำร้ายยังคงอยู่ในหัวใจฉัน ไม่ใช่ว่าการเข้าใจผิดได้คลี่คลายลงแล้ว ก็จะเป็นเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าฉันทำแบบนั้นไม่ได้ อีกอย่างเมื่อผ่านพ้นเหตุการณ์นี้มา าฉันเองก็เข้าใจแล้ว”

“อะไร?”

วารุณีก้มหน้ายิ้ม “นั่นก็คือความเชื่อใจ ระหว่างพวกเรามีความรู้สึกก็จริง แต่ว่านัทธี คุณไม่รู้สึกเหรอว่าระหว่างเราขาดความเชื่อใจ? มีอยู่หลายเรื่อง ที่ความจริงแล้วคุณไม่เชื่อฉัน เรื่องในครั้งนี้เองก็เหมือนกัน”

“ผมรู้ ครั้งนี้เป็นผมที่ไม่เชื่อใจคุณจริง ๆ แต่จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว” นัทธีเดินเข้าไปจับมือของเธอ

วารุณีเดินถอยหลังห่างออกไป “อย่าพูดเร็วเกินไป ใครจะไปรู้ล่ะว่าต่อไปยังจะมีแบบนี้อีกไหม ถ้าเกิดครั้งต่อไป มีคนทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้นมาอีก ฉันคิดว่า คุณก็จะยังคงไม่เชื่อฉันอีกเหมือนเดิม หรืออย่างน้อยก็จะเชื่อแต่ไม่ใช่ทั้งหมด”

แต่สิ่งที่เธอต้องการ กลับเป็นความเชื่อทั้งกายและใจ

เธอคิดว่า เขาให้เธอไม่ได้ สิ่งนี้ถูกกำหนดโดยนิสัยของเขาและการอบรมสั่งสอนที่เขาได้รับมาตั้งแต่เด็ก

เกิดเป็นคนตระกูลไชยรัตน์ ต้องเผชิญหน้ากับกลอุบาย และแผนร้ายมาตั้งแต่เด็ก นอกจากตัวเขาเองแล้ว เขาจะไม่เชื่อใจคนอื่นโดยสิ้นเชิง เพราะเขาไม่กล้าที่จะเอาบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไปเดิมพันเธอเข้าใจเขา ดังนั้นเธอจะไม่บังคับให้เขาเปลี่ยน

ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือไปจากเขา เธอจะได้ไม่รู้สึกเสียใจจากการที่คนรักไม่เชื่อใจอีก

เขาเองก็จะไม่ต้องสับสนระหว่างการเชื่อใจเธอและไม่เชื่อใจเธออีกต่อไป

นึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ วารุณีก็มองดูนัทธีด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นประธานนัทธี พวกเราหย่ากันเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นฉันคิดว่าการแต่งงานของพวกเราในตอนนั้นมันหุนหันพลันแล่นมากเกินไป เพิ่งจะตกลงปลงใจคบหากันก็แต่งงานกันทันที สุดท้ายแล้วกลับไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น ก็ยากที่จะคลี่คลาย แบบนั้นมันทรมานเกินไป”

“ไม่ ผมจะไม่หย่า!” นัทธีเดินขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งเก้า และดึงเธอเข้ามากอด กอดแน่นมาก ราวกับจะทำให้เธอประสานเข้าไปในร่างกายของเขา

วารุณีรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผลักเขาออกไป ปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น

“ประธานนัทธี อย่าดื้อรั้นอีกเลย บางทีแยกจากกัน สำหรับพวกเราแล้วอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้” คางของวารุณีตั้งอยู่บนไหล่ของเขาพลางกล่าว

นัทธีเอาหน้าซบลงไปบนไหล่ของเธอ น้ำเสียงหดหู่ “ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องดี ผมรู้เพียงว่า ผมจะไม่มีคุณไม่ได้ ถ้าคุณต้องการแยกจากกันจริง ๆ งั้นก็ฆ่าผมเถอะ คุณกล้าไหม?”

เขาเงยหน้าขึ้น และมองเธอด้วยแววตาโศกเศร้า

วารุณีทอดถอนใจ “ทำไมคุณต้องบังคับฉันด้วย?”

“ผมไม่ได้บังคับคุณ ผมแค่อยากจะอยู่กับภรรยาของผม ผิดด้วยเหรอ?” นาทีจับไหล่ของเธอเอาไว้แน่นพลางกล่าว

วารุณีหลับตาลงอย่างอ่อนล้า

ในตอนที่เธอกำลังจะพูดนั่นเอง โทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น

เธอผลักเขาออก และหยิบโทรศัพท์ออกมาดู แล้วรีบรับสายทันที “ฮัลโหล ประธานวรวี ขอโทษด้วยค่ะ ฉันจะรีบไปตอนนี้เลย โอเคค่ะ แล้วพบกัน!”

วางโทรศัพท์ลง สุดท้ายวารุณีก็ได้เงยหน้าขึ้นมองนัทธี “ประธานนัทธี ฉันพูดมาเยอะขนาดนี้ หวังว่าคุณจะพิจารณาดูให้ดี ชีวิตครอบครัวไม่ใช่ว่าแค่มีความรักก็จะสำเร็จได้ ยังต้องมีความกล้าหาญและความไว้วางใจ และระหว่างเราขาดความไว้วางใจพอดี ดังนั้นชีวิตครอบครัวเมื่อเป็นแบบนี้ต่อไป สุดท้ายก็ต้องแยกทาง”

เธอหยิบเอากระเป๋าขึ้นมาสะพาย “คุณทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ออกไปได้เลย จานชามเดี๋ยวฉันจะกลับมาเก็บเอง”

พูดจบ เธอก็เดินไปทางประตู

แต่ทว่าพึ่งจะเดินออกไปหนึ่งก้าว ก็ถูกนัทธีจับข้อมือเอาไว้และดึงกลับมา

“คุณทำอะไร……อุ๊บ……”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ได้ถูกนัทธีจูบเข้าให้ซะแล้ว

วารุณีตะลึงงัน จากนั้นถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา เธอทั้งโกรธทั้งโมโห และรีบผลักชายหนุ่ม ต้องการผลักเขาออกไป

ส่วนชายหนุ่มได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้ว เขาพยุงหลังศีรษะของเธอไว้แน่น ทำให้เธอไม่ว่าจะดิ้นรนยังไง ก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้

สุดท้ายวารุณีไม่มีวิธีอื่นแล้ว จึงกัดชายหนุ่มเข้าไปหนึ่งครั้ง

ชายหนุ่มอุทานด้วยความเจ็บ และปล่อยเธอ

วารุณีรีบถอยไปด้านหลัง และมองดูชายหนุ่มด้วยความโมโห “นี่คุณ……”

“คุณต้องการความเชื่อใจทั้งหมด ผมให้คุณได้” นัทธีใช้นิ้วหัวแม่มือถูริมฝีปากที่ถูกกัดเบา ๆ และพูดตัดเธอ

วารุณีเบิกตาโตขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่นาน ก็กลับไปเป็นปกติ “เป็นไปไม่ได้ คุณทำไม่ได้แน่นอน”

“ผมทำได้” นัทธีเม้มปาก ท่าทางบนใบหน้านั้นจริงจังมาก

หัวใจของวารุณีถูกสั่นคลอนเล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับยังยิ้มอย่างเย้ยหยัน “คำพูดบางอย่าง จะพูดแต่ปากไม่ได้”

“ผมรู้ ผมจะทำให้คุณเห็นเอง ดังนั้นไม่หย่ากันนะ?” นัทธีมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยการอ้อนวอนอย่างชัดเจน

เขากำลังอ้อนวอน!

เธอผู้ชายที่ทะนงตนแบบนี้ กำลังอ้อนวอนเธอไม่ให้หย่ากัน

วินาทีนี้ วารุณีปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวเองได้หวั่นไหวขึ้นมา

แต่เธอได้หยิกฝ่ามือเอาไว้แน่น ใช้ความเจ็บปวดเพื่อเตือนตัวเอง ถึงทำให้ตัวเองไม่ไปรับปาก

แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ และหันหลังเดินจากไป

นัทธีไม่ได้ขวางวารุณีไว้ และมองดูเธอจากไป

ความจริงเขารู้ว่า เธอไม่ปฏิเสธ ไม่รับปาก นับเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว

อย่างน้อย ก็จะไม่ถูกเธอเร่งเร้าให้หย่ากันไปชั่วขณะ

ส่วนเรื่องที่เหลือ ก็ต้องดูที่การกระทำของเขาแล้ว

บางที รอหลังจากวันที่เขาทำให้เธอประทับใจได้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นมาเอง

วารุณีออกมาจากคอนโด และขับรถมุ่งหน้าไปยังสมาคม

ระหว่างทาง เธอเม้มริมฝีปาก ภายในใจของเธอไม่รู้ว่าโอกาสที่เธอให้นัทธีในครั้งนี้ ถูกหรือผิดกันแน่

ใช่ โอกาส

ความจริงจังของนัทธีทำให้เธอหวั่นไหว

ถึงแม้จะยังไม่ได้ล้มเลิกเรื่องที่จะหย่ากับเขา

แต่ความคิดกลับได้หวั่นไหวไปแล้ว

ดังนั้น เธอใช้ความเงียบเป็นการให้โอกาสเขาอีกครั้ง โอกาสในการชดใช้สำหรับสิ่งที่เขาได้ทำร้ายเธอในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ถ้าเขาทำได้ดี เธอคิดว่า เพื่อลูกที่อยู่ในท้อง จะให้เธอปล่อยเรื่องที่ผ่านมาให้มันแล้วไปก็ได้

แต่ถ้าหากเขาทำได้ไม่ดี งั้นความคิดที่จะหย่ากันของเธอ ก็จะไม่มีทางสั่นคลอนอีก เพราะความเป็นจริง แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน

นัทธี คุณจะทำให้ฉันผิดหวังหรือเปล่า?

ขนตาของวารุณีสั้นเล็กน้อย เธอครุ่นคิดโดยที่ภายในใจไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด

เที่ยงวัน วารุณีเดินออกมาหลังจากที่ประชุมเสร็จ และหาอะไรทานที่ด้านนอก จากนั้นก็ไปขอวีซ่าที่สถานทูต

วันพุธหน้าก็ต้องไปแข่งขันที่ต่างประเทศแล้ว ทำวีซ่าในตอนนี้ ก็จะได้รับก่อนวันพุธหน้าพอดี

หลังจากที่ทำวีซ่าเสร็จ วารุณีก็ขับรถกลับไปที่บริษัท

ทันทีที่เดินเข้าไป พนักงานที่อยู่ด้านในก็มองมาที่เธอด้วยความตื่นเต้นดีใจ

วารุณีถูกพวกเขามองจนรู้สึกอึดอัด นึกว่ามีอะไรอยู่บนตัวของตัวเอง จึงก้มหน้าลงมองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่พบอะไรเลย จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ทำไมเหรอ ทำไมทุกคนต่างก็มองฉันล่ะ?”

“บอสคะ รีบไปดูที่ห้องทำงานเร็ว มีเซอร์ไพรส์ด้วยล่ะ” ใครบางคนบอกกล่าว

“เซอร์ไพรส์งั้นเหรอ?” วารุณีงงงัน “เซอร์ไพรส์อะไร?”

เธอเดินไปทางห้องทำงานของตัวเองด้วยความสงสัย สายตาของพนักงานที่อยู่ด้านหลังต่างจับจ้องมาที่เธออย่างไม่ละสายตา

ภายใต้สายตาของทุกคน วารุณีได้เปิดประตูห้องทำงานออก ทันใดนั้นเธอก็ต้องตกใจกับภาพเหตุการณ์ที่อยู่ด้านใน

เห็นเพียงในห้องทำงานของเธอ เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงสด แทบจะไม่มีที่ให้เดินเลยด้วยซ้ำ ทั่วทั้งห้องทำงาน ได้กลายเป็นทะเลดอกไม้ไปโดยสิ้นเชิง

วารุณีเอามือปิดปากเอาไว้ ใช้เวลานานกว่าจะกลับมารู้สึกตัว “นี่มันอะไรกัน ใครเป็นคนให้มา?”

“ยังจะมีใครอีกล่ะ สามีเธอน่ะสิ” ปาจรีย์ถือเอกสารฉบับหนึ่งอยู่ในมือ และเดินผ่านไปที่ด้านหลังของเธอ

วารุณีหันกลับไป “นัทธีมอบให้งั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว” ปาจรีย์พยักหน้า จากนั้นก็ปิดแฟ้มเอกสารลง และดึงเธอไปที่ด้านข้าง “วารุณี เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับประธานนัทธีกันแน่? ก่อนหน้านี้เขายังเมินเธออยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงได้มาตามง้อเธอกลับไปอีกแล้วล่ะ?”

ให้ดอกไม้เยอะขนาดนี้ แถมยังให้ของขวัญเล็ก ๆ น้อยกับพนักงานทุกคนในออฟฟิศอีก ตามง้อภรรยาอยู่ตลอดเวลา

วารุณีดึงมุมปากเล็กน้อย “เพราะการเข้าใจผิดได้คลี่คลายแล้ว”

“คลี่คลายแล้วงั้นเหรอ?” ปาจรีย์กะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยความดีใจ: “งั้นก็หมายความว่า ข้อสงสัยของคุณป้าได้ถูกลบล้างไปแล้วงั้นสิ ไม่อย่างนั้นประธานนัทธีจะตามง้อเธออีกครั้งได้ยังไง”

วารุณีพยักหน้า “ถูกต้อง”

“เธอรีบบอกฉันมาเร็ว เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?” ปาจรีย์ดึงแขนของเธอเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองอย่างร้อนรน