บทที่ 417 ของขวัญวันเกิด

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณียิ้มไม่ออกหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ยังบอกเล่าเรื่องออกมา

ปาจรีย์ที่ฟังจบ ก็รู้สึกใจหายไปสักพัก “ที่แท้เป็นแบบนี้เอง โชคดีที่ความทรงจำของเธอกลับมาได้ทันเวลา ไม่งั้นก็คงต้องเป็นเหมือนฉันกับพงศกรแน่”

ถึงแม้ว่า เธอเองก็ได้สืบหาความจริงของเรื่องราวในตอนนั้นมาโดยตลอด อยากจะบอกกับพงศกรว่า พ่อแม่ของเธอไม่เคยทำเรื่องที่ทำร้ายพ่อแม่ของเขามาก่อน

แต่มาจนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่มีผลลัพธ์ใด ๆ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะต้องการคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเองและคุณพ่อคุณแม่ มีบางครั้งที่เธอเองก็อยากจะปล่อยมือ

“เป็นไรฉัน เชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่ความจริงจะต้องปรากฏ” วารุณีตบไหล่ของปาจรีย์เพื่อปลอบโยน

ปาจรีย์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ขอให้เป็นอย่างที่เธอพูดแล้วกัน ใช่แล้ว เธอยังคิดที่จะหย่ากลับประธานนัทธีอยู่หรือเปล่า?”

วารุณียืนพิงอยู่ที่ขอบโต๊ะทำงาน “ฉันไม่รู้ เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน ฉันยังยืนยันหนักแน่นอยู่เลยว่าจะหย่า แต่นัทธีอ้อนวอนฉัน ขอร้องฉันว่าอย่าหย่ากับเขา จากนั้นฉันก็ใจอ่อน”

“นี่สิถึงเป็นความรัก เธอรักเขา ดังนั้นเธอถึงได้ใจอ่อน ความจริงแล้วในจิตใต้สำนึกของเธอ ก็ไม่ได้อยากจะหย่ากับเขาจริง ๆ” ปาจรีย์พลันพูดตรงกับความคิดที่อยู่ในส่วนลึกในหัวใจของวารุณี

วารุณีไม่ได้ปฏิเสธ เธอลูบผมที่อยู่ข้างหู “บางทีอาจจะเป็นแบบนั้น เธอเห็นดอกไม้ที่อยู่ในห้องทำงานของฉันแล้วใช่ไหม จากนิสัยของนัทธี คงคิดวิธีแบบนี้เพื่อง้อขอให้ฉันยกโทษให้ไม่ได้หรอก จะต้องมีคนคอยวางแผนอยู่ข้างกายของเขาแน่ เธอคิดว่าการตามง้อแบบเอิกเกริกแบบนี้อีกหลายครั้ง ฉันจะทนไม่ยอมยกโทษให้เขาได้เหรอ”

“ไม่ได้อย่างแน่นอน” ปาจรีย์ยักไหล่ “ผู้หญิงนะ ต่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่หวั่นไหว โรแมนติกหลาย ๆ ครั้ง ทำให้ซาบซึ้งใจบ่อย ๆ เข้า ก็จะต้องกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของผู้ชายอย่างว่าง่ายเป็นธรรมดา”

“ไปเลย” วารุณีทำตามองบนให้เธออย่างเคือง ๆ

ปาจรีย์หัวเราะคิกคัก “ความจริงแล้ว ฉันคิดว่าในเมื่อเธอไม่ได้คิดจะหย่าอย่างเด็ดขาด งั้นก็เมินเฉยต่อประธานนาทีสักหลาย ๆ วันก็พอแล้ว แต่อย่านานเกินไป ไม่งั้นจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ได้ตรงกันข้าม”

“ฉันรู้แล้ว ดูที่ว่าเขาจะจริงใจแค่ไหนแล้วกัน” วารุณีพยักหน้า

ปาจรีย์พูดขึ้นมาอีกครั้ง: “แต่ว่าแล้วลูกล่ะจะทำยังไง?”

“อีกสักระยะค่อยบอกเขาแล้วกัน” วารุณีลูบท้องพลางเอ่ยตอบ

ปาจรีย์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายถึงลูกที่อยู่ในท้องของเธอ ลูกที่อยู่ในท้องของเธอคนนี้เป็นลูกแท้ ๆ ของประธานนัทธี ฉันหมายถึงอารัณและไอริณ ประธานนัทธีจะยอมรับเด็กทั้งสองอีกครั้งหรือเปล่า?”

“……” คำถามนี้ถามได้ตรงจุดภายในใจของวารุณีพอดี เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยจริง ๆ

วารุณีกัดริมฝีปาก ภายในใจรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข

ตอนนี้เธอยังไม่แน่ใจจริง ๆ ว่านัทธีจะยอมรับเด็กทั้งสองคนได้อีกครั้งหรือเปล่า

หรือต่อให้นัทธียอมรับ แล้วอารัณจะยอมรับหรือเปล่าล่ะ?

เพราะไม่ว่าจะยังไงช่วงเวลาที่ผ่านมา ความเย็นชาที่นัทธีมีต่อเด็กทั้งสองคนนั้น เด็กทั้งสองคนได้สัมผัสมาเองกับตัว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทิ้งความกังวลเอาไว้ภายในใจ

เห็นวารุณีเงียบไป ปาจรีย์ก็ได้ทอดถอน “ใจดูเหมือนว่าปัญหาใหญ่ที่สุดระหว่างเธอกับประธานนัทธี จะเป็นเด็กทั้งสองคน”

“ใช่” วารุณียิ้มอย่างขมขื่น “บางที ฉันจะใส่ใจแค่เรื่องความจริงใจในการขอโทษของนัทธีไม่ได้ ยังต้องดูท่าทีที่เขามีต่อเด็กทั้งสองคนอีก ถ้าหากเขาไม่ยินดียอมรับ งั้นก็หย่ากันดีที่สุด เพราะยังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่เอาเด็กทั้งสองคน”

ความจริงแล้วถ้านัทธีไม่ยอมรับเด็กทั้งสองคน เธอก็จะไม่โทษเขา และจะไม่คิดว่าเขาทำผิด

เพราะยังไงเด็กทั้งสองคนก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา เขาไม่ต้องการก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เธอในฐานะที่เป็นแม่ จะไม่ต้องการไม่ได้

“ลองทดสอบดูก่อนเถอะ ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องของคุณป้าประธานนัทธีถึงได้พลอยโกรธเธอแหละเด็กทั้งสองไปด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบเด็กทั้งสอง ตอนนี้ความเข้าใจผิดได้คลี่คลายแล้ว ฉันคิดว่าประธานนัทธีจะต้องยอมรับเด็กทั้งสองแน่” ปาจรีย์ยกแก้วน้ำขึ้นมา และดื่มพลางกล่าว

“เอาไว้ก่อนเถอะ” วารุณีสูดลมหายใจเข้า “ฉันกลับไปที่ห้องทำงานก่อนแล้วกัน เธอสั่งให้คนสักสองสามคนมาขนเอาดอกไม้ในห้องฉันออกไป พวกหนึ่งเอาไปตกแต่งบริษัท ส่วนที่เหลือให้คนเอาลงไปมอบให้คนผ่านทางที่ด้านล่างตึกเถอะ จะให้เสียไปโดยไร้ประโยชน์ไม่ได้”

“โอเค” ปาจรีย์พยักหน้า จากนั้นก็ไปเตรียมการให้คนไปดำเนินการ

ไม่นาน ห้องทำงานของวารุณีก็ว่างเปล่า เหลือดอกกุหลาบเพียงไม่กี่ช่อวางไว้ตรงมุมห้อง

วารุณีไม่ได้ไปดู เธอเดินตรงไปที่ห้องทำงาน

บนโต๊ะทำงานมีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่งวางอยู่ เธอเลิกคิ้วขึ้น และเปิดซองจดหมายออก ในนั้นเป็นบทกวีแห่งความรักที่เชยมาก ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ผลงานของนัทธี

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาให้ใครเป็นคนเขียน เลี่ยนเอาซะแบบนี้ จนทำให้รู้สึกขนลุกขึ้นมา

ตัวเขาเองก็จะต้องไม่ได้ดูแน่ ไม่อย่างนั้นละก็ บทกวีแห่งความรักนี้จะมาถึงมือของเธอได้ยังไง

เธอส่ายหัวอย่างตลกขบขัน วารุณีเอาบทกวีแห่งความรักเก็บเข้าไปในลิ้นชัก และเริ่มทำงาน

หลายวันต่อจากนั้น นัทธีคิดหาวิธีเอาอกเอาใจวารุณีอยู่ตลอดเวลา ขอร้องให้เธอยกโทษให้ ท่าทางจริงจังจริงใจแบบนั้น ทำให้คนรอบข้างดูแล้วยังรู้สึกใจอ่อน

ปาจรีย์เองยังถูกนัทธีทำให้ประทับใจ ถึงขั้นที่โน้มน้าวให้วารุณียกโทษให้เขา

ถึงแม้ว่าวารุณีจะยังไม่เอ่ยปากอยู่เหมือนเดิม แต่ท่าทางของเธอนั้นได้อ่อนลงมาก อย่างน้อย ในตอนที่นัทธีอยากจะค้างคืน เธอไม่ได้ไล่เขาไป เพียงแค่ยังคงไม่นอนห้องเดียวกันกับเขา

นัทธีถึงแม้จะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้บีบบังคับ สามารถเข้ามาพักได้ ถือว่ามีความก้าวหน้าอยู่บ้าง

“หม่ามี๊ พรุ่งนี้วันเกิดของคุณพ่อ” ในคืนวันนี้ วารุณีกำลังติดต่อนางแบบที่ร่วมงานด้วยอยู่ในห้องทำงาน เตรียมที่จะเชิญให้อีกฝ่ายไปร่วมงานแข่งขันระดับนานาชาติพร้อมกับตัวเอง

เนื่องจากการแข่งขันระดับนานาชาติในครั้งนี้ได้แก้ไขกฎการแข่งขันข้อหนึ่งอย่างกะทันหัน นั่นก็คือดีไซเนอร์ทุกคน จะต้องเอานางแบบของตัวเองมาด้วย เพื่อแสดงชุดที่ตัวเองออกแบบ ฝ่ายผู้จัดงานแข่งขันจะไม่มีนางแบบให้

ดังนั้นวารุณีถึงได้ติดต่ออยู่ตลอด แต่ก็ยังหาที่ถูกใจไม่ได้

“หือ? หนูรู้ได้ยังไง?” วารุณีมองลูกสาวที่วิ่งเข้ามา และยักคิวด้วยความตกใจ

เธอจำได้ว่า เธอไม่เคยบอกกับเด็กทั้งสองคนมาก่อน ว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของนัทธี

“คุณพ่อเป็นคนบอกหนูค่ะ” ไอริณกอดขาของวารุณีพลางกล่าว

หลายวันมานี้ นอกจากนัทธีจะเอาอกเอาใจวารุณีแล้ว เขาก็ได้เอาอกเอาใจเด็กทั้งสองคนไปด้วย

ตอนนี้ยกเว้นอารัณที่ยังไม่ได้เปลี่ยนไปเรียกเหมือนเดิม ส่วนไอริณนั้นได้กลับไปเรียกเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกแล้ว

ถึงแม้ความไม่แน่ไม่นอนของลูกสาวจะทำให้วารุณีพูดไม่ออก แต่ก็เข้าใจว่าที่ปาจรีย์พูดนั้นไม่ผิด นัทธีได้ยอมรับเด็กทั้งสองคนใหม่อีกครั้ง

นั่นมันทำให้วารุณีอดไม่ได้ที่จะวางใจลง

“คุณพ่อเป็นคนบอกหนูเหรอ?” วารุณีมุมปากกระตุกเล็กน้อย

นัทธีหมายความว่ายังไงกันแน่ มีที่ไหนกันบอกวันเกิดของตัวเองกับคนอื่นตรง ๆ แบบนี้

กำลังบอกคนอื่นเป็นนัย ๆ ว่าให้เตรียมของขวัญให้เขางั้นเหรอ”

“ใช่ค่ะ” ไอริณพยักหน้า

วารุณีเอามือกุมหน้าผากอย่างยิ้มไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “แล้วหนูอยากจะมอบของขวัญอะไรให้กับคุณพ่อล่ะ?”

ไอริณอมนิ้วมือ “หนูเองก็ไม่รู้ หนูไม่มีเงิน”

“ฮ่า ๆ” วารุณีหัวเราะออกมา “งั้นเอาแบบนี้ไหม พอถึงตอนนั้นหนูก็เต้นให้คุณพ่อดู?”

“ดีค่ะ” ไอริณดวงตาเป็นประกายขึ้นมา และพยักหน้าตกลงทันที

จากนั้น เธอก็มองวารุณีกะพริบตาปริบ ๆ “หม่ามี๊จะมอบอะไรให้คุณพ่อเหรอคะ?”

“หม่ามี๊เองก็ไม่รู้” วารุณีมองเด็กน้อยกลับ “ไอริณช่วยแม่คิดหน่อยดีไหม?”

เดิมที ของขวัญวันเกิดที่เธอเตรียมจะให้นัทธี ก็คือบอกฐานะของเด็กทั้งสองคนให้นัทธีทราบ

แต่ว่า……

วารุณีส่ายหน้ายิ้ม ไม่ได้คิดต่อไป

“หม่ามี๊ หนูรู้ว่ามอบอะไรให้คุณพ่อ คุณพ่อถึงจะชอบ” ไอริณพูดเสียงเบาลง ท่าทางมีลับลมคมใน

วารุณียักคิ้ว เธอเกิดสนใจขึ้นมา “หือ? งั้นไอริณบอกหม่ามี๊หน่อยสิ คุณพ่อชอบอะไรเหรอ?”

“หม่ามี๊ ก้มลงมาอีกหน่อยค่ะ” ไอริณกวักมือเล็ก ๆ

วารุณียิ้มพลางก้มลงไป “บอกมาเถอะ ตอนนี้ไม่มีใครได้ยินแล้ว”

ไอริณเขย่งเท้าขึ้น และกระซิบที่ข้างหูของเธอ: “หม่ามี๊ หนูจะบอกหม่ามี๊นะคะ ที่คุณพ่อชอบก็คือหม่ามี๊ คุณพ่อบอกว่า คุณพ่ออยากให้หม่ามี๊ให้อภัยคุณพ่อ หม่ามี๊ให้อภัยคืออะไรเหรอคะ?”

วารุณีไม่ได้ตอบลูกสาวว่าให้อภัยที่จริงแล้วคืออะไรกันแน่ แต่เธอกลับรู้สึกหมดคำจะพูดกับประโยคที่ลูกสาวพูดว่า “คุณพ่อบอกว่า”

เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และฉีกยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก แล้วถามเพื่อความมั่นใจ: “ลูกรัก คุณพ่อบอกกับหนูเหรอว่า ให้หม่ามี๊ให้อภัยเขา?”