บทที่ 418 เอาคืนขงเบ้ง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ใช่ค่ะ คุณพ่อเป็นคนบอก” เด็กหญิงไม่รู้ว่าตัวเองได้เปิดโปงนัทธีเข้าให้แล้ว เธอพยักหน้าอย่างว่าง่าย

วารุณีนวดตรงช่องว่างระหว่างคิ้วเบา ๆ เธอทั้งโมโหทั้งรู้สึกตลก

เธอคิดไม่ถึงว่า นัทธีจะหน้าไม่อายแบบนี้ โน้มน้าวให้เด็กมาบอกให้เธอให้อภัยเขา

แต่ความจริงใจในระยะนี้ของเขา เธอเองก็เห็นอยู่กับตา เด็กหญิงเองก็ยอมรับเขาใหม่อีกครั้ง อารัณถึงแม้จะยังไม่ยอมรับ แต่ดูจากท่าทางแล้ว ก็คงอีกไม่นาน

ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นรอถึงพรุ่งนี้ ก็ยกโทษให้เขาแล้วกัน เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นเหยื่อที่ถูกปิดหูปิดตาคนหนึ่ง ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอ บางทีเธอก็อาจจะทำกับเขาแบบนั้นเหมือนกันก็ได้

ดังนั้น เขาเมินเฉยต่อเธออยู่หลายวัน เธอเองก็เมินเฉยกลับไปหลายวันเหมือนกัน ก็ควรที่จะหายกันแล้ว

คิดไป วารุณีก็ตบที่ไหล่ของเด็กหญิงเบา ๆ “เอาหล่ะ ไปบอกคุณพ่อ วันเกิดของเขาพรุ่งนี้ หม่ามี๊จะให้ของขวัญที่เขาชอบกับเขา”

“ค่ะ” เด็กน้อยตอบรับหนึ่งครั้ง และหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานไป

“เป็นยังไงบ้าง บอกหม่ามี๊หรือยัง?” ภายในห้องรับแขก นัทธีเห็นเด็กหญิงเดินออกมา เขาอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาพลางเอ่ยถาม น้ำเสียงร้อนรนเป็นอย่างมาก

เด็กสาวพยักหน้า “บอกหม่ามี๊แล้วค่ะ”

“แล้วหม่ามี๊ว่ายังไงบ้าง?” นัทธีมองดูเธอ ใบหน้าที่เย็นชามาโดยตลอด ยากนักที่จะปรากฏให้เห็นความเป็นกังวลอย่างในตอนนี้

เด็กหญิงตอบกลับเสียงหวาน: “หม่ามี๊บอกว่า พรุ่งนี้จะมอบของขวัญที่คุณพ่อชอบให้กับคุณพ่อ”

“หม่ามี๊พูดแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” ดวงตาของนัทธีเป็นประกายขึ้นมา

เด็กหญิงพยักหน้าอย่างแน่ใจและมั่นใจ “จริง ๆ ค่ะ”

นัทธียิ้มออกมา หัวใจที่หนักอึ้ง ในที่สุดก็ผ่อนคลายลง

เขารู้ว่า เธอได้เตรียมที่จะยกโทษให้เขาแล้ว

“คุณพ่อคะ ของที่คุณพ่อรับปากว่าจะให้ไอริณล่ะคะ?” ในตอนที่นัทธีกำลังเบิกบานใจอยู่นั่นเอง เด็กหญิงก็ได้ยื่นมือออกมาทางเขา

เมื่อกี้คุณพ่อได้บอกแล้วว่า เพียงแค่เธอไปบอกกับหม่ามี๊ ก็จะให้ของขวัญที่เธอชอบกับเธอ

ตอนนี้เธอได้ไปบอกกับหมามี๊แล้ว คุณพ่อก็ควรจะให้ของเล่นกับเธอแล้วสินะ

นัทธีรู้สึกขำขันกับท่าทางที่น่ารักของเด็กหญิง เขาก้มลงไปหยิบถุงที่อยู่ข้างเท้าขึ้นมาและยื่นออกไป “สีชมพูของหนู สีฟ้าของพี่ชาย หนูเอาไปให้พี่ชายด้วยนะ”

“ค่ะ” เด็กหญิงรับเอาของเล่นมาด้วยดวงตาเป็นประกาย และวิ่งไปที่ห้อง นำไปของเล่นให้กับพี่ชายที่กำลังเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่

ไม่นาน ที่ห้องรับแขกก็เหลือนัทธีเพียงคนเดียว

นัทธีลุกยืนขึ้น แล้วเดินไปทางห้องทำงาน

ในตอนที่เด็กหญิงเดินออกมา ไม่ได้ปิดประตูให้สนิท ดังนั้นเมื่อเขาผลักเบา ๆ ประตูก็เปิดออกแล้ว

วารุณีนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะทำงาน ในมือถือโทรศัพท์ กำลังคุยกับใครบางคนอยู่

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝั่งของสายได้พูดอะไร เธอมีท่าทางผิดหวังเล็กน้อย

“เป็นอะไรไปเหรอ?” นัทธีเอ่ยถามเสียงเบา

วารุณีเงยหน้ามองไปทางเขา “ฉันกำลังติดต่อนางแบบอยู่ แต่ก็ถูกปฏิเสธไปจนหมด”

นางแบบที่มีชื่อเสียงในประเทศนั้นมีอยู่แค่ไม่กี่คน คุณภาพและบุคลิกต่างไม่เสมอกัน เทียบกับต่างประเทศไม่ได้เลยสักนิดเดียว

เพราะถึงยังไงความสูงโดยกำเนิดของผู้หญิงชาวตะวันออก ไม่โดดเด่นเท่าผู้หญิงในต่างประเทศจริง ๆ ดังนั้นต้องการหานางแบบที่เหมาะสม มันยากมากจริง ๆ

เธอติดต่อนางแบบที่พอจะมีชื่อเสียง และมีคุณภาพอยู่บ้าง แต่อีกฝ่ายต่างก็มีกำหนดการอยู่แล้ว ไม่มีเวลาเลยสักนิด

สำหรับนางแบบหน้าใหม่ เธอแทบจะไม่พิจารณาเลยด้วยซ้ำ

อันดับแรกนางแบบหน้าใหม่เคยเดินบนแคทวอล์คเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแคทวอล์คในต่างประเทศ เธอกังวลว่านางแบบหน้าใหม่จะประหม่าจนเกิดการผิดพลาด ทำให้ราศีของเสื้อผ้าลดลง

ไม่ต้องเป็นห่วง บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปมีข้อมมูลของนางแบบอยู่มากมาย ผมจะให้มารุตส่งมา คุณเลือกคนที่เหมาะสม ผมจะให้มารุตไปติดต่ออีกฝ่าย ถ้ามีกำหนดการ สามารถชดเชยด้วยทรัพยากรอื่น ๆ ได้” นัทธีเอ่ยปาก

วารุณีส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า กำหนดการบางอย่างถ้าหากพลาดไปแล้ว ก็จะยากที่จะได้รับมันอีก ฉันลองหาคนอื่นดูดีกว่า ยังมีเวลาอีกสองวัน”

“นางแบบเล็ก ๆ ได้ไหม” จู่ ๆ นัทธีก็ถามขึ้นมา

วารุณีมองดูเขา “นางแบบเล็ก ๆ เหรอ?”

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย “เป็นนางแบบหน้าใหม่ แต่เคยเข้าอบรมที่ต่างประเทศมาก่อน เพิ่งกลับประเทศมาเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เคยเดินแบบในงานแสดงเครื่องประดับและเสื้อผ้าให้กับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปอยู่หลายครั้ง เดินได้ดีพอสมควร ผมเตรียมที่จะให้คนเซ็นสัญญากับเธอ ให้เป็นนางแบบเฉพาะของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป”

“หืม? ใครเหรอ?” วารุณีเกิดสนใจขึ้นมา

นัทธีเป็นคนที่สายตาสูงมากขนาดไหน กลับชมนางแบบคนหนึ่งไม่หยุดปาก

เห็นได้ชัดว่านางแบบหน้าใหม่คนนี้ โดดเด่นถึงขนาดไหน

งั้นแบบนี้ เธอเชิญนางแบบหน้าใหม่ไปร่วมแข่งขันด้วยกัน ก็ไม่ตรงกังวลว่าอีกฝ่ายจะสร้างความลำบากใจให้เธอ

“ชื่อเชอรีน คุณเองก็รู้จัก” นัทธีตอบ

วารุณีอ้าปากเล็กน้อย “เธอเองเหรอ?”

“อืม” นัทธีพยักหน้า

วารุณีตบหน้าผากของตัวเอง “ฉันลืมเธอไปได้ยังไง เธอเป็นนางแบบที่มีพรสวรรค์ ถ้าหากได้เธอมาเป็นคู่หูของฉัน คงไม่มีอะไรที่เหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว”

“พรุ่งนี้ผมจะให้เธอไปที่บริษัทของคุณ” นัทธีมองดูเธอ

วารุณีอืมตอบรับ “โอเค ขอบคุณคุณมากนะ”

“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ก็ควรที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาให้อีกฝ่าย คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก” นัทธีเม้มริมฝีปากเล็กน้อย และกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

วารุณีดึงมุมปากเบา ๆ เธอไม่ได้ตอบรับ

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของนัทธีก็ดังขึ้นมา

เขาหยิบออกมาดู เป็นมารุตโทรเข้ามา

“มีเรื่องอะไร?” นัทธีรับโทรศัพท์และเอาไปวางที่ข้างหู

เสียงรีบร้อนของมารุตดังออกมา “ท่านประธานครับ ครอบครัวของขงเบ้งกำลังสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของคุณบนอินเทอร์เน็ต บอกว่าคุณเอาไว้ไม่ได้แม้แต่ลุงแท้ ๆ แถมยังร่วมมือกับกองทัพเรือบอกว่าคุณไม่เห็นหัวญาติพี่น้องอยู่บนอินเทอร์เน็ต ตอนนี้หุ้นส่วนเล็ก ๆ ภายในบริษัทก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว เกิดความสงสัยว่าถูกต้องหรือเปล่าที่สนับสนุนคุณ”

นัทธีหรี่ตาลง เขาหัวเราะออกมาหนึ่งครั้งด้วยความเหยียดหยาม “ดูเหมือนว่าทางขงเบ้งจะถูกบีบจนกลายเป็นหมาจนตรอกแล้ว คิดว่าแบบนี้ก็จะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ?”

วารุณียักคิ้ว

ดูเหมือนว่า เขาได้เริ่มลงมือกับขงเบ้งแล้ว

“ท่านประธานครับ คุณเตรียมที่จะทำยังไง?” มารุตถาม

นัทธีน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ขงเบ้งบอกว่าฉันไม่เห็นหัวญาติพี่น้อง แม้แต่ลุงแท้ ๆ ก็เอาไว้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันก็จะทำให้ทุกคนรู้ว่า ใครกันแน่ที่เอาหลานชายแท้ ๆ ไว้ไม่ได้ก่อน นายเผยแพร่หลักฐานที่ขงเบ้งวางยาฉันในตอนนั้นออกไป”

คนที่สามารถวางยาหลานชายแท้ ๆ ก่อน เกรงว่าคงจะทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่า

เช่นนั้นที่เขาเอาขงเบ้งไว้ไม่ได้ ในสายตาของคนภายนอก ก็เป็นเพียงการเอาคืนขงเบ้งเท่านั้นเอง สุดท้ายคนที่ชื่อเสียงเสียหาย ก็ยังเป็นขงเบ้งอยู่ดี

“เข้าใจแล้วครับ เพียงแต่ว่า……” มารุตลังเลอยู่สักพัก “สาเหตุและจุดประสงค์ที่วางยา ก็ต้องเผยแพร่ออกไปด้วยไหมครับ?”

รัศมีแห่งความชั่วร้ายแผ่ซ่านไปรอบตัวของนัทธี “นายคิดว่ายังไงล่ะ?”

นัทธีหัวเราะแห้ง ๆ “วางใจเถอะครับท่านประธาน ผมรับรองว่าจะไม่เปิดโปงออกไปแน่นอน จะไม่ให้ใครรู้ว่าคุณ……”

“ฉันหายดีแล้ว!” นัทธีพูดแก้ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

แค่ต้องทานยาให้แข็งแรงแค่นั้นเอง

วารุณีมองเขาด้วยความสงสัย

หายดีแล้ว?

เขาไม่สบายเหรอ?

“ครับครับครับ หายดีแล้ว” มารุตรีบพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วหุ้นส่วนเล็ก ๆ ของบริษัทพวกนั้นล่ะครับจะให้จัดการยังไง?”

นัทธีเม้มปากทำให้เกิดความรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา “หุ้นส่วนเล็ก ๆ พวกนั้นไม่ต้องไปสนใจอะไรมาก ในเมื่อคิดว่าติดตามฉันแล้วไม่สบายใจ งั้นก็ใช้ราคาสองเท่าของตลาด รับซื้อหุ้นส่วนในมือของพวกเขา”

สำหรับพวกหุ้นส่วนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเขา และไม่มีความหนักแน่น เขาไม่ต้องการ

เพราะคนแบบนี้ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จะสามารถลงมือต่อบริษัทได้ทุกเมื่อ

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะไปจัดการตอนนี้เลย” มารุตพยักหน้า

เมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จ นัทธีก็วางโทรศัพท์ลง

วารุณีมองดูเขา “คุณทำอะไรกับขงเบ้ง?”

เธอเองก็เพิ่งจะรู้จากเขาเมื่อสองวันก่อนว่า คนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา จริง ๆ แล้วเป็นขงเบ้ง

ตอนนั้น เธอยังตกใจอยู่นานพอสมควร เพราะเธอคาดเดาได้เพียงว่าฆาตกรน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างพิเศษกับตระกูลไชยรัตน์ ดังนั้นคุณปู่บรรพตถึงได้ปกป้องฆาตกรขนาดนั้น

แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ ฆาตกรกลับเป็นลูกชายคนโตของคุณปู่บรรพต ลุงแท้ ๆ ของนัทธี