บทที่ 419 วันเกิด

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เพียงแค่ทำลายบริษัทเล็ก ๆ ของเขาแค่นั้นเอง รวมทั้งตัดโอกาสในการฟื้นตัวอีกครั้งของเขา” นัทธีกล่าวอย่างเรียบ ๆ

วารุณียังคงฟังพลางสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่: “มิน่าฉันถึงได้ยินผู้ช่วยมารุตบอกว่า เขาเป็นหมาจนตรอก ทำให้คุณเสื่อมเสียชื่อเสียง”

“เขาฆ่าคุณพ่อคุณแม่ของผม เป็นธรรมดาที่ผมจะไม่ปล่อยเขาไป” นัทธีกำหมัดแน่น ดวงตาที่แดงก่ำ เต็มไปด้วยความโกรธแค้น

วารุณีเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา ในใจเองก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ “ฉันรู้ว่าคุณอยากจะแก้แค้น แต่ตอนนี้ยังหาพินัยกรรมของคุณปูไม่เจอ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรโดยพลการ”

สิ่งที่เธอกังวลที่สุดก็คือ นัทธีถูกความแค้นครอบงำ แล้วไปฆ่าขงเบ้งถึง

แม้ขงเบ้งจะสมควรตายก็จริง แต่เธอหวังว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้น เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เขาเองก็จะทำผิดกฎหมาย และต้องติดคุก

ดังนั้นวิธีการแก้แค้นแบบนี้มันไม่คุ้มค่า เธอหวังว่าเขาจะสงบสติอารมณ์และหาพินัยกรรมของคุณปูให้เจอ ขอเพียงให้แน่ใจว่าพินัยกรรมคือหลักฐานในปีนั้น ก็จะสามารถส่งขงเบ้งเข้าคุกได้โดยสิ้นเชิง ถ้าเขาคิดว่าแค่ส่งขงเบ้งเข้าไปในคุกนั้นไม่พอ เขาก็สามารถซื้อคนที่อยู่ในคุก ให้ปรนนิบัติขงเบ้งอย่างดี

เอาเป็นว่า เธอไม่อยากให้เขาไปแก้แค้นขงเบ้ง เอาตัวเองเข้าไปแลก

เมื่อมองความกังวลภายในใจของวารุณีออก นัทธีก็เดาได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ คิ้วที่ขมวดแน่นของเขาได้อ่อนโยนลง “วางใจเถอะ ยังมีคุณและเด็กสองคนอยู่ ผมจะไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นหรอก”

การแก้แค้นที่เอาตัวเองไปแลก นั่นไม่เรียกการแก้แค้น นั่นเรียกว่าโง่

การแก้แค้นที่แท้จริง คือหลังจากที่ให้ศัตรูได้ชดใช้ ตัวเองยังสามารถชื่นชมความทุกข์ทรมานของศัตรูได้

ดังนั้นเขาจะไม่ฆ่าขงเบ้งเหมือนที่ขงเบ้งฆ่าพ่อแม่ของเขาอย่างแน่นอน แต่การเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาก็ยังคงต้องทำแน่

“งั้นก็ดี” วารุณีได้ฟังคำพูดของเขา ก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

นัทธีลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายยังคงรวบรวมความกล้าเดินขึ้นไปดึงเธอเข้ามากอด

เดิมทีคิดว่าเธอจะผลักออกเหมือนกับเมื่อหลายวันที่ผ่านมา

แต่ความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคิดมากไป ถึงแม้เธอจะไม่ได้กอดเขาตอบ แต่ก็ไม่ได้ผลักเขาออก นี่นับว่าดีมากแล้ว

นัทธีซุกหน้าลงไปบนซอกคอของวารุณี และหลังจากที่สูดดมเข้าลึก ๆ อยู่หลายครั้งเขาก็ได้ปล่อยเธอ “ผมจะกลับไปที่บริษัทก่อน ตอนเย็นค่อยกลับ”

มาวารุณีทำเป็นไม่ได้ยินประโยคหลังที่เขาพูด เธอโบกมือเล็กน้อย “ไปเถอะ ฉันไม่ส่งนะ”

นัทธีหัวเราะออกมาหนึ่งครั้ง และหันหลังเดินจากไป

คืนวันเดียวกัน การทำลายชื่อเสียงของนัทธีบนอินเทอร์เน็ตของขงเบ้ง ได้ถูกนัทธีคลี่คลายไปอย่างง่ายดาย

นอกจากนี้สิ่งที่นาทีเผยแพร่ออกไป ทำให้ชื่อเสียงของขงเบ้งเน่าเฟะไปโดยสิ้นเชิง

เรื่องอย่างวางยาหลานชายแท้ ๆ มันได้ทำลายทัศนคติทั้งสามอย่างของชาวเน็ตจริง ๆ

ดังนั้นเป็นธรรมชาติที่ชาวเน็ตทั้งหมดจะไปด่าขงเบ้ง และไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ว่านัทธีไม่เห็นหัวญาติพี่น้องอีก

เพราะยังไงซะก็เป็นขงเบ้งที่ลงมือต่อนัทธีก่อน นัทธีเพียงแค่ป้องกันตัวเท่านั้นเอง คนที่ไม่เห็นหัวญาติพี่น้องจริง ๆ เป็นขงเบ้งถึงจะถูก

เมื่อนัทธีเห็นความคิดเห็นที่ไปในทางเดียวกันพวกนั้น เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา และสั่งให้มารุตพาคนไปที่คฤหาสน์ไชยรัตน์ แล้วอ่านข้อความ ที่ชาวเน็ตได้ด่าขงเบ้งที่รุนแรงที่สุด ออกมาต่อหน้าขงเบ้งเสียงดัง

จากนั้นขงเบ้งก็โมโหจนสลบไป และถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล

วันถัดมา ข่าวการเป็นโรคหลอดเลือดในสมองของขงเบ้ง ก็ได้ถูกเผยแพร่ไปบนอินเทอร์เน็ต

หลังจากที่วารุณีได้เห็น เธอก็ยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า “สมควร!”

“วารุณี เชอรีนต้องการพบเธอ” ในตอนที่วารุณีปิดโทรศัพท์ลงนั่นเอง ปาจรีย์ก็ได้เปิดประห้องทำงานของเธอเข้ามา

วารุณียิ้ม “ฉันรู้ ให้เธอเข้ามาเถอะ”

ปาจรีย์ตอบรับ จากนั้นก็กวักมือไปทางด้านหลัง

เชอรีนเอียงศีรษะเข้ามา “สวัสดี! วารุณี ฉันว่าแล้วต้องเป็นเธอ”

“หือ?” วารุณียืนขึ้นมา เดินอ้อมโต๊ะทำงานไปหาเธอ

เชอรีนถอดแว่นตาดำออก “เมื่อวานผู้ช่วยมารุตติดต่อฉันมา บอกว่าไปเป็นนางแบบให้คุณหญิง จะต้องรู้ว่าฉันเป็นนางแบบที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเตรียมที่จะเซ็นสัญญาด้วย เจ้านายของผู้ช่วยมารุตคือคุณนัทธี งั้นคุณหญิงที่เขาพูดถึง ก็ต้องเป็นเธออย่างแน่นอน”

วารุณียิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง เป็นฉันเอง รีบนั่งเร็ว”

เธอทำท่าผายมือเชิญ จากนั้นก็มองไปทางปาจรีย์ “ปาจรีย์ ไปเอาน้ำมาหน่อย เอาน้ำเปล่านะ เธอเป็นนางแบบ ไม่ดื่มอย่างอื่น”

เชอรีนอุทานออกมาอย่างขมขื่น “วารุณี ทำไมเธอเป็นเหมือนกับผู้จัดการของฉันเลยล่ะ ไม่อนุญาตให้ฉันดื่มอย่างอื่น”

“นี่คือความรับผิดชอบต่อร่างกายของเธอ” วารุณีกล่าวตอบด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง

เชอรีนทำเสียงแง่งอน และไม่พูดอะไร

ไม่นาน เธอก็สลัดความบึ้งตึงออกไป และมีท่าทางดีใจขึ้นมา “วารุณี เธอสุดยอดไปเลยจริง ๆ ที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติได้ ฉันรู้การแข่งขัน เป็นหนึ่งในการแข่งขันที่มีอิทธิพลที่สุดของสังคมแฟชั่นเสื้อผ้าระดับนานาชาติ นางแบบระดับนานาชาติหลายคนต่างก็อยากไปร่วมงาน คิดไม่ถึงว่า ฉันก็ไปได้เหมือนกัน”

พูดไป เธอก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้น

ไปเดินแบบในการแข่งขันในครั้งนี้ เป็นทรัพยากรยอดเยี่ยมที่สุดของเธอ

นางแบบชั้นนำบางคนอาจไม่ได้ถูกรับเชิญด้วยซ้ำ นางแบบน้องใหม่อย่างเธอก็มีโอกาสไปเดิน เธอสามารถจินตนาการได้เลยว่าหลังจากนี้จะมีทรัพยากรมากมายแค่ไหนถูกโยนมาหาเธอ

กลายเป็นนางแบบชั้นนำระดับนานาชาติ ขึ้นอยู่กับเวลาแค่นั้น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สายตาที่เชอรีนมองวารุณี ราวกับสายตาที่กำลังมองกองเงินกองทองอยู่

วารุณีถูกเธอมองจนรู้สึกขนลุกขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะถอยห่างออกไปเล็กน้อย “เชอรีน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“แค่ก ๆ ไม่เป็นไร” เชอรีนเองก็รู้ว่าตัวเองได้เสียมารยาทไป จึงไอขึ้นมาด้วยความเขินอาย และรีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้วารุณีถึงยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้เธอ “นี่คือกฎของการแข่งขันระดับนานาชาติ และกำหนดการการเดินแบบของนางแบบ เธอลองอ่านดู บ่ายวันพรุ่งนี้ พวกเราต้องไปที่ต่างประเทศ เพื่อร่วมพิธีเปิดงานการแข่งขันแล้ว”

เดิมทีพิธีเปิดการแข่งขันจะจัดขึ้นหลังจากงานเลี้ยงฉลองที่ร่างกายกลับมาเป็นปกติของนวิยา

แต่เนื่องจากเมืองที่จัดการประกวดได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ดังนั้นเลยเลื่อนการแข่งขันเข้ามาอีกครึ่งเดือน

ถึงแม้เวลาจะกะทันหันไปหน่อย แต่สำหรับวารุณีแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะเธอไม่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลองร่างกายหายดีของนาวียาแล้ว

“โอเค อีกเดี๋ยวฉันกลับไปจะดูให้ละเอียด” เชอรีนกอดเอกสารเอาไว้พลางกล่าว

จากนั้น เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และขมวดคิ้ว

วารุณีถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไปเหรอ?”

“เป็นสุชาดา เหมือนว่าหล่อนเองก็ได้รับการเชื้อเชิญ เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติด้วยเหมือนกัน เมื่อวานยังโทรมาอวดกับฉันอยู่เลย”

บนใบหน้าของวารุณีเต็มไปด้วยความแปลกใจ “หล่อนเองเหรอ? หล่อนมีคุณสมบัติได้ยังไง ใครเป็นคนเชิญหล่อน?”

ไม่ใช่ว่าวารุณีดูถูกสุชาดาสุชาดา หุ่นดีส่วนสูงได้ก็จริง

แต่ไม่มีออร่าเลยสักนิด แฟชั่นชั้นสูง เมื่อถูกสุชาดาสวมใส่ยังให้ความรู้สึกเหมือนกับของข้างถนนได้ ดีไซเนอร์คนไหนกันที่ตาต่ำแบบนี้ ถึงได้เชิญสุชาดา

อีกอย่าง ดีไซเนอร์ที่มีสายตาแบบนี้ เข้าใจการดีไซน์จริง ๆ เหรอ? ไม่กลัวว่าสุชาดาจะทำลายชื่อเสียงหรือยังไง?

“ฉันเองก็ไม่รู้จัก ได้ยินมาว่าชื่อโสอะไรนี่แหละ” เชอรีนครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วตอบ

จู่ ๆ ในสมองของวารุณีก็มีเงาร่างของคนคนหนึ่งผุดขึ้นมา “โสรยา”

“ใช่ ๆ ๆ ชื่อโสรยา!” เชอรีนรีบพยักหน้าทันที

วารุณีขมวดคิ้ว

ที่แท้ก็เป็นโสรยานี่เอง

เธอเคยพบโสรยาเพียงแค่หนึ่งครั้ง ก็คือในการสัมภาษณ์กับนิตยสารเซ็นจูรี่เมื่อครั้งก่อน

ความรู้สึกที่โสรยาให้กับเธอนั้นไม่ค่อยจะดีนัก แถมยังให้ความรู้สึกไม่ค่อยสบายกับเธอ แต่เธอก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่า ไม่สบายตรงไหน

“วารุณี เธอคิดอะไรอยู่เหรอ?” เชอรีนโบกมือ

วารุณีได้สติกลับคืนมา ส่ายหัว “ไม่มีอะไร”

“ถ้าไม่มีอะไร งั้นพวกเราไปทานอาหารกันเถอะ เที่ยงแล้ว” เชอรีนมองดูนาฬิกาข้อมือ

วารุณีเองก็ไม่ปฏิเสธ และพยักหน้าเห็นด้วย

หลังทานอาหารเสร็จ เชอรีนก็ถือกฎในการแข่งขันกลับไป

วารุณีเองก็เลิกงานก่อนเวลา เตรียมกลับไปจัดงานวันเกิดให้กับนัทธี

ป้าส้มเห็นเธอกลับมาที่คฤหาสน์ ก็ดีใจเป็นอย่างมาก “คุณผู้หญิง”

“ป้าส้ม” วารุณีเอาของขวัญที่ซื้อให้นัทธีและเค้กวางลงไปบนโซฟา

ป้าส้มตามถามอยู่ข้าง ๆ เธอ : “คุณผู้หญิง คุณจะย้ายกลับมาตอนไหนเหรอคะ?”

วารุณียิ้ม “พรุ่งนี้มั้งคะ”

เธอได้ตัดสินใจที่จะยกโทษให้นัทธีอย่างเป็นทางการในคืนนี้แล้ว

เป็นธรรมดาที่ไม่ต้องหัวดื้อ จะอยู่ที่ข้างนอกให้ได้อีกต่อไป