บทที่ 402 มีภรรยาเช่นนี้ ชาตินี้เพียงพอแล้ว

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 402 มีภรรยาเช่นนี้ ชาตินี้เพียงพอแล้ว

เขาต้องการจะใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องต่อรองให้จวินหย่วนโยวปล่อยตัวเองไป ทำไมจู่ๆถึงพูดออกมาได้ล่ะ

จวินหย่วนโยวตัวทื่อทันที “เจ้าพูดจริงหรือ?”

“เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ยาพิษที่คร่าชีวิตแม่เจ้าในตอนนั้นนางเป็นคนให้เป่ยจิ่วฉิง เพราะแม่เจ้าคือองค์หญิงของแคว้นเทียนจิ่ว แต่เป็นลูกที่เกิดอนุภรรยา ไม่ใช่ภรรยาเอก

ต่อมาแม่เจ้าติดตามองค์หญิงใหญ่ออกมาท่องยุทธภพ และได้พบกับพ่อเจ้า ทั้งสองคนล้วนตกหลุมรักพ่อเจ้าตั้งแต่แรกพบ แต่พ่อเจ้ากลับชอบแค่เพียงแม่เจ้า

องค์หญิงใหญ่เป็นที่โปรดปรานมาตั้งแต่เด็ก ยโสโอหัง อาศัยว่าเป็นคนโปรดก็ทำตัวโอหัง แต่แม่เจ้าอ่อนโยนและสง่างาม น่ารักและช่างอ้อน นิสัยของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หลังจากที่องค์หญิงใหญ่รู้เข้า ก็อิจฉาริษยาและโกรธแค้นแม่เจ้า สรรหาวิธีการต่างๆมาทรมานแม่เจ้า ทำแม้กระทั่งฆ่ายายของเจ้า

แม่เจ้าเจ็บปวดปานจะขาดใจ ร้องเรียนต่อฮ่องเต้องค์ก่อนของแคว้นเทียนจิ่ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ได้สนใจเลย เพียงแค่ประทานแก้วแหวนเงินทองให้กับแม่เจ้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการปลอบใจ

อย่างไรเสียอนุภรรยาที่ไม่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่ง สำหรับฮ่องเต้แล้วมีหรือไม่มีก็ได้ทั้งนั้น แต่องค์หญิงใหญ่เป็นถึงลูกสาวที่เกิดจากภรรยาเอก มารดาก็เป็นฮองเฮาอีก ย่อมไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว

แม่เจ้าผิดหวังในตัวฮ่องเต้องค์ก่อนอย่างมาก นางหนีออกจากแคว้นเทียนจิ่วภายใต้ความช่วยเหลือของพ่อเจ้า นางสาบานว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแคว้นเทียนจิ่วอีก และจะแก้แค้นให้ยายของเจ้า

ต่อมาแม่เจ้ากับพ่อเจ้าต่อสู้ในสนามรบ ปราบปรามความวุ่นวายอันเกิดจากภัยสงครามเพื่อแคว้นต้าเยียน ทหารของแคว้นเทียนจิ่วที่มารุกรานก็ไม่มีออมมือเลย ปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาต

ฮ่องเต้องค์ก่อนของแคว้นเทียนจิ่วไม่เคยคิดเลยว่าลูกสาวที่ตัวเองไม่เคยให้ความสำคัญจะองอาจห้าวหาญและชำนาญการต่อสู้เช่นนี้ ฮ่องเต้องค์ก่อนของแคว้นเทียนจิ่วเกลี้ยกล่อมให้แม่เจ้ากลับไป แต่กลับถูกแม่เจ้าปฏิเสธ

แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนของแคว้นต้าเยียนให้ความสำคัญกับพ่อกับแม่เจ้าอย่างยิ่ง ได้รู้ว่าแม่เจ้าเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับแคว้นเทียนจิ่ว ก่อนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนของต้าเยียนจะสิ้นพระชนม์ได้ให้ราชโองการลับไว้กับพ่อเจ้า ทรงพระราชทานองครักษ์เงามังกรที่ปกป้องความปลอดภัยของฮ่องเต้แต่ละสมัยให้กับพ่อเจ้า ให้องครักษ์เงามังกรปกป้องจวนซื่อจื่อตลอดไป

ให้พ่อเจ้าคอยช่วยเหลือฮ่องเต้ ปกป้องต้าเยียน และพ่อแม่เจ้าก็ไม่ได้ทำให้ฮ่องเต้องค์ก่อนผิดหวัง ในตอนที่สามแคว้นมารุกราน ก็นำองครักษ์เงามังกรและทหารทั้งหมดต่อสู้อย่างห้าวหาญแม้ทั่วทั้งร่างกายจะเต็มไปด้วยเลือด ใช้กำลังน้อยสยบกำลังมาก

ศึกในครั้งนั้นทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพ เลือดหลั่งเป็นแม่น้ำ พ่อแม่เจ้ากับองครักษ์เงามังกรได้รับบาดเจ็บสาหัสทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยเลือด แต่ยังคงยืนหยัดสู้ศึก

และก็เป็นเพราะพ่อแม่เจ้ากับองครักษ์เงามังกรรวมไปถึงทหารทั้งหมดต่อสู้อย่างห้าวหาญแม้ทั่วทั้งร่างกายจะเต็มไปด้วยเลือด ถึงได้มีแคว้นต้าเยียนที่สงบสุขในตอนนี้ ดังนั้นหลังจากที่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ จึงไม่ได้เรียกองครักษ์เงามังกรคืนกลับไป

ในแง่หนึ่งคือมันเป็นพระประสงค์สุดท้ายของฮ่องเต้องค์ก่อน อีกแง่หนึ่งก็เป็นความเคารพที่ฮ่องเต้มีต่อพ่อแม่เจ้า และก็เป็นความละอายใจ ดังนั้นจึงให้องครักษ์เงามังกรปกป้องเจ้า ปกป้องจวนซื่อจื่อ” ซ่างกวนเจิ้นอธิบาย

เพิ่งพูดจบ เขาก็รีบใช้มือปิดปากทันที ทำไมปากของเขาเหมือนกับไม่มีหูรูด ถึงกับไม่สามารถควบคุมได้เช่นนี้

“หยุนถิง เจ้าทำอะไรกับข้ากันแน่?” ซ่างกวนเจิ้นมองไปทางหยุนถิงอย่างระมัดระวัง

“ผงยาเมื่อครู่นี้คือผงพูดความจริงที่ข้าคิดค้นขึ้นมาเอง ใครก็ตามที่ได้กลิ่นก็จะพูดความจริงออกมาอย่างควบคุมไม่ได้” หยุนถิงกล่าวด้วยความเย็นชา

“ต่ำช้า!”

“นี่ก็ต่ำช้าแล้วหรือ เมื่อเทียบกับเรื่องโหดเหี้ยมที่เจ้าทำพวกนี้แล้ว มันห่างชั้นจนไม่สามารถเทียบกันได้ด้วยซ้ำ!” หยุนถิงกล่าวอย่างดูหมิ่น

ความโหดเหี้ยมไร้ความปรานีทั่วทั้งร่างกายของจวินหย่วนโยวแผ่ซ่านไปในชั่วพริบตา ปล่อยอารมณ์ไปตามอำเภอใจ คนทั้งคนแฝงไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยมที่ทำลายล้างทุกสิ่ง นัยน์ตาสีดำดุจนกอินทรีคู่นั้นคมราวกับใบมีด ทั่วทั้งลูกตากลายเป็นสีดำ

“ซื่อจื่อเฟย รีบไปกันเถอะ!” หลงเอ้อกระโดดตัวเข้ามาทันที ใช้วิชาตัวเบาพาหยุนถิงหนีไป

หยุนถิงยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา จู่ๆก็เห็นทั่วทั้งตัวของจวินหย่วนโยวลอยขึ้นไปกลางอากาศ เสื้อคลุมสีดำโบกสะบัด ร่ายรำโดยไม่มีลม เส้นผมสีดำปลิวไสว คนทั้งคนแปลกประหลาดและอันตราย

“ซื่อจื่อเป็นอะไรไป?” หยุนถิงขมวดคิ้วแน่น

“ในตอนที่ซื่อจื่อเสียใจและโศกเศร้ามากเป็นพิเศษถึงจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เช่นนี้ ระบายออกมาก็หายแล้ว” หลงเอ้อใช้วิชาตัวเองพาหยุนถิงหนีออกไปทันที

นัยน์ตาสีดำของจวินหย่วนโยวดำสนิทไปหมด จ้องมองไปทางซ่างกวนเจิ้นที่อยู่ในบ่องูราวกับผีร้าย “ความแค้นของพ่อแม่ไม่อาจอยู่ใต้แผ่นฟ้าเดียวกันได้ วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไร้ที่ฝังศพ!”

ทันทีที่เสียงอันดุดันดังขึ้นมา จวินหย่วนโยวสะบัดปลายนิ้ว พลังชี่สีดำทั้งห้าปรากฏขึ้นมากลางอากาศ จู่โจมไปทางซ่างกวนเจิ้นที่อยู่ในบ่องู

พลังชี่ทั้งห้านั่นไม่ได้เอาชีวิตของซ่างกวนเจิ้นในทันที แต่ไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณพิเศษแปดเส้นของเขา ราวกับถูกถลกหนังดึงเส้นเอ็น ทรมานเนื้อหนังเส้นเอ็นและกระดูกของเขานิ้วต่อนิ้ว

เสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังอยู่ในหูไม่ขาดสาย ทำให้คนฟังหวาดกลัวจนขนหัวลุก

ซื่อจื่อที่น่าสยดสยอง น่ากลัวราวกับพญายมในนรกเช่นนี้ หยุนถิงเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

ซ่างกวนเจิ้นสาสมกับโทษ สมควรเป็นเช่นนี้แล้ว

นานพักใหญ่หลังจากนั้น จวินหย่วนโยวฟื้นคืนสติแล้ว จูงมือของหยุนถิงขึ้นมา “ท่าทางของข้าเมื่อครู่นี้ ทำให้เจ้าตกใจใช่ไหม?”

หยุนถิงพยักหน้าเบาๆ “ตกใจอยู่เล็กน้อย แต่ว่าไม่ได้กลัว เพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดใจเท่านั้น ไม่ว่าท่านจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน ท่านก็คือคนที่ข้ารักที่สุด”

จวินหย่วนโยวรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ยื่นมือไปกอดนางเอาไว้ “มีภรรยาเช่นนี้ ชาตินี้เพียงพอแล้ว”

…………..

พระราชวังแคว้นต้าเยียน

โม่หลานข้าวังวันแรก ก็ตบตีลูกสาวของนายสนองซูจนหน้าฟกช้ำดำเขียว สาเหตุเป็นเพราะคุณหนูตระกูลซูว่านางกินเยอะ เหมือนกับหมูทำให้ตระกูลโม่ขายหน้า

บังเอิญว่าสองคนนี้ถูกจัดให้อยู่ในเรือนเดียวกันอีก คุณหนูตระกูลซูรังเกียจและดูถูกนางต่างๆนานา โม่หลานทนจนทนไม่เลยก็เลยลงมือสั่งสอนนาง

หลังจากที่มามาผู้ดูแลรู้เรื่องเข้า ก็ลงโทษโม่หลานให้ยืนอยู่ในลาน แต่แล้วยืนไปยืนมาก็หายตัวไป แต่กลับถูกองครักษ์จับตัวได้ที่ห้องพระเครื่องต้น

ทีนี้มามาโมโหอย่างมาก ลงโทษให้คุกเข่าโดยตรง โม่หลานไม่ใช่คนที่อยู่ภายใต้ระเบียบวินัย แม่ทัพใหญ่โม่ยังทำอะไรนางไม่ได้ นับประสาอะไรกับมามาคนหนึ่ง

มามาโมโหแทบตาย ตบหน้าโม่หลานไปหนึ่งฉาก แต่แล้วก็ถูกโม่หลานซ้อมไปหนึ่งยก เวลานี้เรื่องก็ไปถึงหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้

ฮ่องเต้ที่กำลังพักผ่อนอยู่ในลานของหลิ่วเฟยพระพักตร์ดำมืดไม่พอใจ “โม่หลานเจ้าจะเพลาๆหน่อยไม่ได้หรือ เพิ่งจะเข้าวังวันแรกก็ก่อเรื่องวุ่นวายมากมายขนาดนี้?”

โม่หลานเบะปาก “ฝ่าบาท พระองค์ทรงปรักปรำข้าแล้ว ซูหวี่เยียนเป็นคนว่ากินข้าวเหมือนหมู ยังทำให้พ่อข้าขายหน้าอีก คนเราอยู่ก็เพื่อกินไม่ใช่หรือ

ข้าฝึกยุทธตั้งแต่เด็กก็เลยกินจุ อยู่บ้านก็กินเยอะอยู่แล้ว หรือว่าเข้ามาวังหลังของฝ่าบาทยังต้องทนหิวอีก ข้าไม่เหมือนใครบางคนที่กินเพียงเล็กน้อย แสร้งทำดัดจริต พ่อข้าบอกแล้วว่า การได้กินคือพร กินแล้วก็คือกำไรชีวิต

นี่ยังไม่ถือว่าเป็นอะไร ประเด็นสำคัญคือนางถึงกับแอบปล่อยยุงเข้าไปในผ้าห่มของข้า แต่แล้วบังเอิญถูกข้าเห็นเข้าพอดี ข้าก็แค่เอาคืนกลับไปในทำนองเดียวกันเท่านั้น นางเป็นคนรับความตกใจไม่ได้เอง

อันคำว่าจิตใจคิดร้ายต่อผู้อื่นมิควรมี จิตใจพึงระวังผู้อื่นไม่ควรขาด นางนี่คือวางแผนทำร้ายลับหลังข้า ถ้าหากวันไหนนางวางแผนทำร้ายฝ่าบาทขึ้นมาล่ะ ที่ข้าทำคือสั่งสอนนางแทนฝ่าบาท

ส่วนซูมามาคนนี้ นางรับผลประโยชน์จากซูหวี่เยียน ทำให้ข้าลำบากใจทุกทาง นางที่เป็นมามาผู้ดูแลคนหนึ่งถึงกับตบหน้าข้า อยู่บ้านพ่อข้ายังทำใจแตะต้องข้าไม่ได้

หรือว่าข้าที่เป็นลูกสาวของแม่ทัพใหญ่คนนี้เข้าวังมาเพื่อเป็นที่รองรับอารมณ์ แถมยังเป็นมามาแก่ๆคนหนึ่งอีก หากพ่อข้ารู้ว่าข้าถูกรังแก จะไม่ทุบตีนางถึงตายหรือ ข้าก็แค่สั่งสอนนางนั่นคือถูกไปสำหรับนางแล้ว

แต่ว่าฝ่าบาทจะว่าไปแล้ว อาหารการกินในวังหลังของพระองค์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่จริงๆ ยังไม่พูดถึงว่าอร่อยหรือไม่ก่อน มันน้อยเกินไปจริงๆ ข้าเข้าวังแล้วถึงกับยังต้องทนหิวอีก การกินอยู่นี่อนาถเกินไปหน่อยจริงๆ”