บทที่ 403 เลือดล้างพระราชวังแคว้นเป่ยลี่

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 403 เลือดล้างพระราชวังแคว้นเป่ยลี่

ฮ่องเต้ทั้งโกรธทั้งโมโห สีหน้ามืดมนสุดขีด “กล้าแขวะอาหารการกินของพระราชวังข้า เจ้าเป็นคนแรก ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือ?”

ซูหวี่เยียนและมามาที่อยู่ด้านข้างตกใจจนตัวสั่น ก้มหน้าต่ำลงไปอีก กลัวว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบไปด้วย

โม่หลานกลับทำหน้าเฉยเมย ไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย “ฝ่าบาท ข้าก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้น พระราชวังของฝ่าบาทเป็นสัญลักษณ์ของทั่วทั้งต้าเยียน หากให้ทุกคนรู้ว่าวังหลังของพระองค์ไม่ให้คนได้อิ่มท้อง จะไม่เป็นการทำให้พระองค์ขายหน้าหรอกหรือ หากการพูดความจริงเป็นความผิด เช่นนั้นก็ถือว่าข้ามีความผิดแล้วกัน”

ฮ่องเต้มองดูท่าทางที่ไม่มีความยำเกรงอะไรทั้งนั้นของนาง สุดท้ายกลับถูกนางทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา “นังหนูอย่างเจ้านิสัยยังเหมือนพ่อเจ้าจริงๆ พยัคฆ์ย่อมไม่ออกลูกเป็นสุนัข เห็นแก่ที่เจ้าไม่เกรงกลัวข้ายอมพูดความจริงข้อนี้ ต่อไปข้ารับรองให้เจ้าอิ่มท้อง เจ้าอยากกินเท่าไหร่ก็กินเท่านั้นเลย

แต่ว่ากฎก็คือกฎ ในเมื่อทำเกินกว่าเหตุก็สมควรถูกลงโทษ การลงโทษธรรมดาสำหรับเจ้ามันเบาเกินไป เจ้าไปทำความสะอาดสนามฝึกแล้วกัน ไม่ทำให้มันสะอาดสะอ้านห้ามกลับไปนอนเด็ดขาด!”

“เพคะ”

“ซูหวี่เยียนในฐานะที่เจ้าเป็นลูกสาวของนายสนอง ถึงกับกระทำการก่อกวนลับหลังในวังหลัง ผู้หญิงที่ข้าเกลียดชังที่สุดก็คือคนที่คิดว่าตัวเองฉลาด คิดว่าตัวเองถูกต้องตลอดเวลา แต่กลับโง่เขลาจนคนอื่นเทียบไม่ติด ลงโทษให้เจ้าไปที่แผนกซินเจ่อคู่หนึ่งเดือน หากทำความผิดอีก ก็ขับไล่ออกจากวังไปโดยตรง” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความโกรธ

(แผนกซินเจ่อคู่ แผนกที่ต้องทำงานหนัก)

“ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย ต่อไปหม่อมฉันไม่กล้าอีกแล้ว” ซูหวี่เยียนตกใจแทบตาย รีบร้อนคุกเข่าคารวะหน้าผากแตะพื้นยอมรับคำสั่งทันที

“ส่วนซูมามา ในฐานะที่เป็นมามาดูแลวังหลังกลับรับสินบน ทุบตีลูกสาวขุนนาง ลากตัวออกไปโบยให้ตาย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง!”

“ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย บ่าวผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วยเถิด” ซูมามาร้องขอความเมตตาทันที

องครักษ์สองนายลากนางออกไป และโบยในสถานที่ที่กว้างใหญ่ด้านนอกโดยตรง ไม้กระดานที่กว้างใหญ่โบยอยู่บนร่างกาย ซูมามากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้คนทั่วทั้งวังหลังล้วนพากันออกมาดู

กงกงที่อยู่ด้านข้างพูดถึงความผิดที่ซูมามาก่อขึ้นมา เมื่อคนอื่นๆได้ยินก็ตกใจแทบแย่ และรีบกลับไปแต่โดยดีทันที

ในลานที่กว้างใหญ่ก็เงียบสงบลงมาอีกครั้ง ฮ่องเต้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “โม่หลานคนนี้ช่างก่อความวุ่นวายเก่งจริงๆ”

หลิ่วเฟยนวดขมับให้ฮ่องเต้อย่างอ่อนโยน “คุณหนูโม่เปิดเผยตรงไปตรงมา จริงใจไม่เสแสร้ง ซึ่งเป็นอุปนิสัยตรงไปตรงและมีจิตใจเมตตาที่หาได้ยากจริงๆ นางฝึกยุทธมาตั้งแต่เด็ก นิสัยก็เหมือนผู้ชาย ถ้าหากให้นางออกรบ เกรงว่าคงจะไม่แพ้ผู้ชายพวกนั้น ตอนนั้นฮูหยินเฒ่าฟู่ก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ด้อยกว่าผู้ชายเช่นกัน”

สีหน้าที่เย็นชาเคร่งขรึมของฮ่องเต้ถึงได้อ่อนลงมาเล็กน้อย “คำพูดนี้ก็ไม่เลวเช่นกัน ชื่อเสียงของน้าหญิงจนถึงตอนนี้ก็ยังคงฝังรากลึกอยู่ในใจของผู้คน นิสัยของโม่หลานคนนี้ก็ค่อนข้างคล้ายกับน้าหญิงอยู่เล็กน้อยจริงๆ”

“หม่อมฉันกลับคิดว่าฝ่าบาทสามารถเปิดโรงเรียนสตรี สอนหนังสือให้ความรู้ จัดตั้งสนามฝึกสำหรับสตรี ประการแรกสามารถฝึกฝนร่างกายของหญิงสาว วันหน้าก็สามารถลดการเสียชีวิตจากการให้คลอดบุตรเนื่องจากภาวะคลอดยากด้วยเช่นกัน

หากสามารถฝึกฝนกองทัพสตรีขึ้นมาหนึ่งหน่วยจริงๆ และสามารถช่วยฝ่าบาทรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของวังหลังได้ อย่างไรเสียในวังหลังก็ล้วนมีแต่สนม บางครั้งกองทหารหลวงก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่” หลิ่วเฟยเสนอแนะ

ฮ่องเต้มองไปทางนางอย่างลึกซึ้ง ไม่ได้พูดอะไร

หลิ่วเฟยถึงได้ตระหนักได้ว่าตัวเองก้าวล่วงไป รีบคุกเข่าบนเตียงทันที “ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วย หม่อมฉันแสดงความคิดเห็นไปตามความรู้สึกไปชั่วขณะถึงกับลืมเรื่องที่วังหลังไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้”

ฮ่องเต้ยื่นมือดึงนางเข้าไปในอ้อมแขน “เจ้าสามารถเอ่ยข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อหญิงสาวเช่นนี้ ข้าดีใจยังไม่ทันด้วยซ้ำ จะลงโทษได้อย่างไร มีเจ้าคอยช่วยแบ่งเบาความกังวลข้าปลื้มปีติอย่างยิ่ง ต่อไปความคิดเห็นแบบนี้สามารถเอ่ยได้บ่อยๆ ข้าอนุญาตแล้ว”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

……………….

แคว้นเป่ยลี่

ทั่วทั้งพระราชวังยังคงครึกครื้นเช่นเคย ซ่างกวนหรูกลับคืนสู่ตำแหน่งหรูเฟย อาหารการกินและเครื่องแต่งกายยังเป็นเหมือนในอดีต นางพึงพอใจอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่ขาดไปก็คือยังไม่มีข่าวคราวของท่านพ่อ

อันที่จริงซ่างกวนหรูก็รู้อยู่แล้ว เป่ยจิ่วฉิงรับปากช่วยนางตามหาท่านพ่อ แต่ติดอยู่ที่ความกดดันของซวนอ๋อง เกรงว่าคงจะไม่ทำอย่างสุดความสามารถ ตอนนี้นางได้แต่ปกป้องตัวเองก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีแล้ว

ซ่างกวนหรูเพิ่งได้ฐานะคืน ใจเย็นลงมาหน่อย ก็สั่งการให้บ่าวรับใช้ไปแก้แค้นอวี๋เทา

นางไม่ได้ลืมว่า อวี๋เทาคิดอยากจะฆ่านางปิดปาก

ในตอนกลางคืน บังเอิญอวี๋เทาลาดตระเวนพอดี ก็ได้ยินนางกำนัลคนหนึ่งกำลังร้องไห้

อวี๋เทาก็ไม่ได้คิดอะไรมา เดินเข้าไปสอบถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

“หัวหน้าอวี๋ บ่าว——” ขณะที่นางกำนัลคนนั้นกล่าวไป จู่ๆก็โบกผ้าเช็ดหน้าไปทางอวี๋เทา อวี๋เทายังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมาคนทั้งคนก็หน้ามืดหมดสติไป

ขันทีที่อยู่ซ่อนอยู่ในที่ลับสองคนรีบยกคนไปที่ด้านหลังของภูเขาเทียมที่อยู่ด้านหลังทันที ซ่างกวนเจิ้นที่รออยู่ตรงนั้นสีหน้าโหดเหี้ยมและโกรธแค้นชิงชัง หยิบมีดสั้นที่พกติดตัวออกมาก็แทงไปตรงบริเวณหว่างขาของอวี๋เทาอย่างแรง

“กล้าวางแผนทำร้ายข้า วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ จุดจบของการล่วงเกินข้า!” ซ่างกวนหรูกล่าวอย่างเย็นชา

เลือดสีแดงสดสาดไปบนชุดกระโปรงสีขาวของซ่างกวนหรูพอดี สวยพราวไปด้วยเสน่ห์ และอันตรายเช่นนั้น

ซ่างกวนหรูโยนมีดสั้นเล่มนั้นทิ้งไป และเช็ดรอยเลือดที่มือให้แห้ง “จัดการให้เรียบร้อย!”

“ขอรับ!” ขันทีสองคนทำตามคำสั่งทันที

จัดการกับอวี๋เทาแล้ว ซ่างกวนหรูอารมณ์ดีอย่างมาก นางคาดหวังอย่างมากว่าหลังจากที่อวี๋เทาตื่นขึ้นมาและรู้ว่าตัวเองถูกทำลายไปแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ทีนี้ทั่วทั้งตระกูลอวี๋ก็จบสิ้นแล้ว แค่คิดก็รู้สึกสาแก่ใจ

ซ่างกวนหรูกำลังจะเดินกลับไป จู่ๆเงาร่างสีดำนับไม่ถ้วนก็ลอยลงมาจากฟากฟ้า ทั้งหมดสวมชุดดำปิดหน้าปิดตา เห็นคนก็ฆ่า น่าอเนจอนาถอย่างยิ่ง

นางกำนัลกับขันที และนางสนมพวกนั้นยังไม่ทันได้ร้องขอความเมตตา ก็สิ้นลมในที่เกิดเหตุ

ซ่างกวนหรูตกใจจนรีบปิดปากทันที นางกำนัลที่อยู่ด้านหลังของนางกรีดร้องออกมา ดึงดูดความสนใจของคนชุดดำพวกนั้นทันที

“หุบปากนังโง่ เจ้าอยากตายอย่าลากข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!” ซ่างกวนหรูก่นด่าพร้อมรีบหนีออกไปทันที

สาวใช้ก็ตกใจกลัวเช่นกัน อยากจะวิ่งหนีแต่เท้ากลับหนักอึ้ง มองดูคนชุดดำเหวี่ยงดาบเข้ามา ตกใจจนหมดสติไปโดยตรง

คนชุดดำย่อมสังเกตเห็นซ่างกวนหรูอยู่แล้ว คนชุดดำสองคนรีบไล่ตามไปทันที คนอื่นๆก็เข่นฆ่าต่อไป

พระราชวังแห่งแคว้นเป่ยลี่ที่กว้างใหญ่ เกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพ เลือดหลั่งเป็นแม่น้ำ ในอากาศทั่วทั้งพระราชวังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทำให้คนรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน

ตำหนักบรรทมของฮ่องเต้ เป่ยจิ่วฉิงกำลังกอดสาวงามเอาไว้ซ้ายขวาสองคน หลายวันมานี้เขาถูกซ่างกวนหรูทรมานจนหัวจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น ไม่ง่ายกว่าที่จะหายปวดได้ ย่อมต้องหาที่ระบายอยู่แล้ว

เป่ยจิ่วฉิงในเวลานี้กำลังระบายอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นประตูห้องก็มีเสียงดังขึ้นมา ขันทีคนสนิทก็พุ่งเข้ามา “ฝ่าบาท เร็วเข้า——”

“บัดซบ ใครใช้ให้เจ้าบุกเข้ามา ไสหัวออกไป!” เป่ยจิ่วฉิงกราดเกรี้ยว

แต่แล้วก็เห็นขันทีคนนั้นหวาดกลัวอย่างยิ่ง ยังไม่ได้หันหลัง คนชุดดำคนหนึ่งก็บุกเข้ามา กระบี่ยาวที่อยู่ในมือแทงเข้าไปที่หน้าอกของขันที เลือดสีแดงสดไหลลงมาตามปลายกระบี่ของกระบี่ยาว

สีแดงที่เห็นแล้วรู้สึกสยดสยอง ทำให้คนสั่นสะท้านแม้จะไม่หนาว

เป่ยจิ่วฉิงตกใจจนตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว เขาที่เดิมทียังโอ้อวดแสนยานุภาพตกใจจนอ่อนปวกเปียกไปในชั่วพริบตา “เจ้าเป็นใครกัน ถึงกับกล้ามาลอบสังหารข้า ทหาร รีบมาคุ้มกันข้าเร็ว ทหาร!”

หลงเอ้อที่เดินเข้ามามองไปทางเขาอย่างดูหมิ่น “เป่ยจิ่วฉิงถึงแม้เจ้าจะตะโกนจนคอแหบคอแห้งก็ไม่มีประโยชน์ คืนนี้คือวันเลือดล้างพระราชวังแคว้นเป่ยลี่ ยอมรับความตายเถอะ!”