ตอนที่ 448 เรื่องแต่งงานยังไม่รีบ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 448 เรื่องแต่งงานยังไม่รีบ

วังม่านเหนียงยื่นศีรษะเข้าไปในบ้านสกุลหลิน เมื่อเห็นหลินเว่ยเว่ยกำลังช่วยพี่สาวคนโตเลือกคนงานอยู่ในลานบ้าน นางก็นึกถึง ‘บุญคุณความแค้น’ ที่เคยมีต่อนางเด็กโง่ในอดีต วังม่านเหนียงจึงหยุดฝีเท้าอยู่ตรงหน้าประตูบ้านด้วยความลังเล

แต่วังตงเฉียงผู้กล้าหาญกลับโฉบเข้าไปราวกระต่ายป่าเพื่อไปเล่นกับเอ้อร์ฮว๋าและเสี่ยวร่าง วันนี้เป็นวันหยุดของพวกเด็ก ๆ เจ้าหนูน้อยจึงพาผู้ติดตามตัวน้อยไปวิ่งเล่น ขึ้นเขา ข้ามแม่น้ำ เรียกว่าเล่นจนทั่วหมู่บ้าน

วังม่านเหนียงโบกมือเรียกน้องชายพร้อมบ่นในใจว่า ‘เจ้าเด็กนี่ ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าจะมาให้กำลังใจข้า แต่ทางฝั่งข้ายังไม่ทันเริ่ม เจ้าก็ไปเล่นเสียแล้ว’

หลิวว่ายจื่อเดินตามหลังมารดาและกำลังบ่นพึมพำ “ท่านแม่ขอรับ ตอนนี้ข้าเป็นผู้ดูแลใหญ่ที่ท่าเรือ แต่ละเดือนได้เงินตั้งหลายตำลึง เพียงพอให้เลี้ยงเราสองแม่ลูกแล้วขอรับ ท่านเองก็อายุไม่น้อยแล้ว พักผ่อนอยู่ในบ้านไม่ดีกว่าหรือ เหตุใดยังต้องมาแย่งงานทอผ้ากับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านด้วยเล่า ? ”

ย่าหลิวโดนเขาบ่นมาตลอดทางจึงเอื้อมมือไปบิดหูเขาด้วยความรำคาญ “เจ้าเพิ่งหาเงินได้กี่วันก็ลืมตัวแล้วสิ ? เจ้าดูบ้านเราสิ ดูว่ายังขาดอะไรอยู่หรือเปล่า ? ”

“ท่านแม่เบามือหน่อยขอรับ โอ๊ยโอ๊ยโอ๊ย หูข้าจะหลุดแล้ว…” ในความเป็นจริงแล้วใบหูไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่หลิวว่ายจื่อก็ร้องราวกับโดนเฉือนเนื้อ “ท่านแม่ขอรับ ท่านบอกมาเถิดว่าบ้านเราขาดเหลืออะไร ข้าจะไปซื้อให้ท่าน…อ้อ ข้ารู้แล้ว ท่านคิดว่าบ้านเราหลังเล็กและเก่าเกินไปสินะ ? เราสร้างใหม่ได้ขอรับ ทำเป็นบ้านหลังใหญ่มุงหลังคากระเบื้องเหมือนบ้านตระกูลหลินก็ได้…”

ย่าหลิวเค้นเสียง ฮึ แล้วปล่อยมือ “บ้านจะใหญ่หรือแพงขนาดไหน แล้วจะมีประโยชน์อะไร ? สุดท้ายก็ไม่ได้มีแค่แม่เฒ่าอย่างข้าอยู่คนเดียวหรอกหรือ ? โดดเดี่ยวเดียวดาย….”

หลิวว่ายจื่อลูบใบหูพลางเอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง “ถ้าเช่นนั้น…ข้าจะซื้อสาวใช้มาคอยรับใช้ท่านดีหรือไม่ ? ”

ทันใดนั้นมือเหล็กของย่าหลิวก็เอื้อมมาอีกครั้ง “เจ้ามีเงินอยู่เท่าไหร่ ? วันทั้งวันเอาแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ? เจ้าดูอย่างบ้านสกุลหลินสิ กระเป๋าเงินอัดแน่นขนาดไหนก็ยังไม่พูดว่าจะซื้อบ่าวรับใช้มาคอยดูแล…ข้าคิดว่าเจ้าเริ่มอ้วนจนเป็นโรคแล้วล่ะ ! ”

หลิวว่ายจื่อย่นจมูกแล้วรีบหลบมือของมารดา “ก็ท่านไม่ได้บอกว่าอยู่คนเดียวแล้วเหงาหรือขอรับ ? ”

“เจ้ายังแสร้งโง่อีกหรือ ? ดูสภาพตัวเองสิว่าอายุเท่าไรแล้ว ? ดูหลิวจวงจื่อที่อายุเท่ากับเจ้า บุตรของเขาโตจนเข้าสำนักศึกษาได้แล้ว ! เมื่อก่อนเป็นเพราะข้าไม่ได้เรื่อง บ้านยากจน ไม่มีเงินสินสอด แต่ตอนนี้เจ้าทำงานมีเงินแล้ว ยังไม่รีบหาภรรยามาให้กำเนิดบุตรอีกหรือ ? ” ย่าหลิวอิจฉาพวกพี่น้องที่มีหลานอยู่รายล้อมรอบกายนานแล้ว !

หลิวว่ายจื่อรีบพูด “ท่านแม่ขอรับ ท่านไม่ต้องรีบ ! ตอนนี้ผู้ชายในหมู่บ้านฉือหลี่โกวแบบข้ายังกังวลว่าจะหาภรรยาไม่ได้อีกหรือ ? ข้าไม่ได้กำลังตั้งใจทำงานเพื่อเลื่อนตำแหน่งหรือขอรับ ไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้หรอก…”

“เฮ้ ! อาว่ายจื่อ ถ้าอย่างนั้นท่านก็ไม่ได้กำลังบอกว่าข้าทำให้ชีวิตคู่ของท่านล่าช้าหรอกกระมัง ? ” หลินเว่ยเว่ยเห็นย่าหลิวแล้วจึงเดินเข้ามาต้อนรับ

หลิวว่ายจื่อรีบโบกมือเป็นพัลวัน “ใช่ที่ไหนกัน ! เป็นข้าที่อยากทำงานก่อนต่างหาก ส่วนเรื่องแต่งงานยังไม่รีบ…”

“แต่ข้ารีบ ! ” ย่าหลิวเอื้อมมือไปตีแผ่นหลังของหลิวว่ายจื่อ “ไม่ต้องพูดมาก คราวหน้าข้าหาคนดี ๆ ได้แล้ว เจ้าก็แค่กลับมาดูตัว หากเจ้ายังผัดวันประกันพรุ่งอีก ข้าจะตัดแม่ตัดลูกกับเจ้า ! ”

“ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ! ท่านอย่าโมโห ! ข้ารับปากแล้วยังไม่พออีกหรือ ? ขอแค่มีคนที่เหมาะสม ข้าจะต้องกลับมาดูตัวแน่นอน ! รีบแต่งภรรยาปีนี้แล้วให้ท่านได้อุ้มหลานปีหน้าเลย ดีหรือไม่ขอรับ ? ” หลิวว่ายจื่อลูบท้ายทอยตัวเองป้อย ๆ…ตนก็อายุไม่น้อยแล้วจริง ๆ ข้างกายยังขาดภรรยาที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน…

หลังจากแม่ซัวถัวที่กำลังทำเนื้อแผ่นอยู่ได้ยินเข้าก็ล้างมือแล้วเดินมาหา ก่อนจะพูดกับย่าหลิวว่า “ป้าสะใภ้ บ้านทางฝั่งมารดาของข้ามีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง ปีนี้อายุ 18 ปีแล้ว นิสัยขยันหมั่นเพียร จัดการเรื่องน้อยใหญ่ทั้งในบ้านนอกบ้านได้หมด ถ้าอย่างไร…ให้ว่ายจื่อไปดูตัวดีหรือเปล่า ? ”

ย่าหลิวอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เด็กคนนั้น เหตุใดอายุ 18 ปีแล้วยังหาคนที่เหมาะสมมาแต่งงานด้วยไม่ได้ ? ”

แม่ซัวถัวถอนหายใจ “เฮ้อ ! พี่สาวของข้าคนนั้นมีบุตรสาวแค่คนเดียว สองสามีภรรยาจึงรักดุจแก้วตาดวงใจ ไม่อยากให้บุตรีออกเรือนห่างกาย บอกว่ารอจนถึงอายุ 15 ปีแล้วค่อยหาคนที่เหมาะสม แต่ใครจะคาดคิดว่าตอนที่เหนียงเอ๋อร์อายุได้ 14 ปี พี่สาวของข้าคนนั้นก็ล้มป่วยจนถึงแก่ชีวิต เหนียงเอ๋อร์ยืนกรานจะไว้ทุกข์ให้มารดา 3 ปี แล้วเรื่องแต่งงานจะไม่ล่าช้าได้อย่างไร ?

ต่อมาพี่เขยของข้าก็แต่งภรรยาใหม่และมีลูกชาย ใครต่างก็พูดว่ามีแม่เลี้ยงแล้ว พ่อแท้ ๆ ก็กลายเป็นพ่อเลี้ยง ความใส่ใจของพี่เขยคนนั้นอยู่ที่ภรรยาใหม่และบุตรชายจนหมด ไม่ถามไถ่เหนียงเอ๋อร์สักคำ จนบัดนี้นางอายุ 18 ปีแล้วยังไม่หาลูกเขยให้…”

แม่ซัวถัวหันไปมองหลิวว่ายจื่อแวบหนึ่ง อาจเพราะเป็นผู้ดูแลท่าเรือมานาน ท่าทางเอ้อระเหยลอยชายในสมัยอดีตจึงหายไปหมด ตรงกันข้ามคือยังดูสุขุมและมั่นใจในตัวเองมากพอสมควร แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะดูธรรมดา แต่สติปัญญาแตกต่างออกไป ทั้งตัวของเขาดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ถ้าเป็นหลิวว่ายจื่อที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีและขี้เกียจสันหลังยาวคนนั้น อย่างไรนางก็ไม่มีทางพูดเรื่องหลานสาวให้เขาฟังแน่นอน เพราะแบบนั้นก็เท่ากับผลักเหนียงเอ๋อร์ลงนรก !

ตัวของหลิวว่ายจื่อในเวลานี้คือคนที่กลับเนื้อกลับตัวได้แล้ว งานผู้ดูแลก็ทำได้ดี ป้าสะใภ้หลิวก็เป็นคนใจดี แล้วครอบครัวดี ๆ แบบนี้จะไปหาจากที่ไหนได้อีก ? เท่าที่นางรู้มาก็มีคนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยอยากจะแนะนำผู้หญิงให้หลิวว่ายจื่อ แต่ก่อนหน้านั้นเขาไม่สนใจเรื่องชีวิตคู่ของตน เอาแต่บอกว่างานที่ท่าเรือยุ่งมาก ไม่ว่าเรื่องใดก็หนีไม่พ้นตัวเขา แล้วไม่กลับมาดูตัวอีกเลย

เรื่องของวาสนานี้ใครจะรู้ได้ บางทีทั้งสองคนอาจกำลังรอให้ได้มาบรรจบกันอยู่ก็ได้ !

ย่าหลิวหันไปมองบุตรชายด้วยแววตาข่มขู่ ‘ลองกล้าปฏิเสธดูสิ ! ’

หลิวว่ายจื่อรีบทำสีหน้าดี ๆ ให้แม่ซัวถัวทันที “พี่สะใภ้ หลานสาวคนนั้นของท่านหน้าตาเป็นอย่างไร ? ”

แม่ซัวถัวพูดด้วยรอยยิ้ม “คิ้วหนา ตาโต ตัวสูงโปร่ง…เตี้ยกว่านางหนูรองไม่เท่าไร วางใจได้ รับรองว่าพอดูได้แน่นอน ! ”

หลิวว่ายจื่อมองไปยังแผ่นหลังของหลินเว่ยเว่ย เตี้ยกว่าเสี่ยวเว่ย ? ส่วนสูงได้เลย ! ใครต่างก็บอกว่าสตรีตัวสูงหากทำงานไม่เป็นก็ยังดูดี เขาเป็นคนตัวไม่สูง ดังนั้นหาคนตัวสูงหน่อย แล้วต่อไปลูกที่คลอดออกมาจะได้ตัวสูงตามมารดา !

“ได้ ! พี่สะใภ้ ท่านดูก็แล้วกันว่าจะไปดูตัววันไหน จากนั้นก็มาบอกข้าอีกที ข้าจะได้เตรียมตัวให้ดี ๆ หน่อย” หลิวว่ายจื่อคิดว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าที่พอดูได้ในเขตเริ่นอันสักสองชุด หัดแต่งตัวสักหน่อย อย่าให้ชอบอีกฝ่าย ทว่าอีกฝ่ายไม่ชอบตอบ เพราะเขาแก่กว่านางตั้ง 7-8 ปี !

ย่าหลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วลากแม่ซัวถัวมาพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ของว่ายจื่อ ข้าต้องรบกวนฝากเรื่องนี้กับเจ้าแล้วล่ะ ! ” นางครุ่นคิดว่าในหมู่บ้านมีหลายคนที่มาจากหมู่บ้านเดียวกับมารดาของอีกฝ่าย ดังนั้นไปสืบข่าวเรื่องนิสัยของเด็กคนนั้นก็คงไม่ยาก…ขอแค่บุตรชายชอบและอีกฝ่ายก็เป็นคนดี เรื่องอื่นย่อมไม่สำคัญ !

หลินเว่ยเว่ยเข้ามาร่วมวงสนุก “ยินดีกับท่านย่าหลิวด้วย อีกไม่นานก็จะมีลูกสะใภ้มาคอยดูแลแล้ว ! ”

ย่าหลิวพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอให้เป็นดั่งที่เจ้าว่า…จริงสิ นางหนูรอง บ้านของเจ้าหาหญิงทอผ้าที่มีประสบการณ์กันอยู่ ช่วยพิจารณาข้าทีสิ แม่เฒ่าอย่างข้าพอจะเข้าตาหรือเปล่า ?