ต่อมา โม่เสี่ยวฮุ่ยยังคงรู้สึกโกรธ ทนไม่ได้ที่จะไปหาเคธี่แล้วบ่นให้หล่อนฟังต่อหน้า
แต่เคธี่กลับเห็นดีเห็นชอบกับหล่อน:“คุณป้าคะ คุณป้าไม่ต้องโมโหไป เจียงหยุนเอ๋อคนนั้นอาจจะเล่นละครเก่งจนทำให้ลี่จุนถิงยอมทำตามเธอ”
เมื่อฟังคำพูดของเคธี่แล้ว โม่เสี่ยวฮุ่ยพยักหน้าเห็นด้วยพูดขึ้นว่า“เคธี่หนูพูดได้ตรงมาก ฉันเห็นตั้งแรกแล้วว่าเจียงหยุนเอ๋อไม่ได้จริงใจกับลี่จุนถิง แต่ลี่จุนถิงกลับปกป้องเธอเหมือนสมบัติล้ำค่า ใครก็แตะต้องไม่ได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะรู้ความจริง!”
เมื่อเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยยิ่งไม่ชอบเจียงหยุนเอ๋อมากขึ้นเรื่อยๆ ในใจของเคธี่ก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขไปด้วย หล่อนอ้าปากค้าง แสร้งเห็นอกเห็นใจผู้อื่น อธิบายว่า“คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ลี่จุนถิงเป็นคนฉลาด สักวันเขาจะได้เห็นท่าแท้ของเจียงหยุนเอ๋อไม่ช้าก็เร็ว พวกเราเพียงรอคอยวันนั้นให้มาถึง!”
“หนูพูดถูกต้อง!ลี่จุนถิงเป็นคนฉลาด ไม่มีทางที่จะถูกผู้หญิงคนเดียวลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้หรอก!โธ่เคธี่!หนูชั่งเป็นคนดีจริงๆ ฉันว่าแล้วไม่ผิด ผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลมและจิตใจดีอย่างหนูเท่านั้นที่คู่ควรกับลี่จุนถิงลูกชายของฉัน!”
ใบหน้าของเคธี่มีแต่รอยยิ้มเมื่อได้รับการยกย่องจากโม่เสี่ยวฮุ่ย หล่อนทำทีเขินอายแล้วก้มหน้าลง“คุณป้าพูดอะไรออกมาหน่ะ!พูดจนหนูทำตัวไม่ถูกแล้ว!”
ตอนนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยพออกพอใจในตัวเคธี่มากขึ้นเรื่อยๆ เธอเห็นความสุขจากสายตาของเคธี่ ในใจก็ยิ่งชอบหล่อนมากขึ้น
……
เจียงหยุนเอ๋อไม่รู้เลยว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยกับเคธี่ทำอะไรลับหลังเธอบ้าง ตอนนี้เธอกำลังอยู่ระหว่างทางพาถวนจื่อกลับคฤหาสน์ตระกูลลี่ เธอมองทิวทัศน์ที่ผ่านไปเรื่อยๆนอกหน้าต่างรถ เธอถอนหายใจเมื่อคิดว่าอีกสักครู่ก็จะต้องเจอกับโม่เสี่ยวฮุ่ย
แม้เจียงหยุนเอ๋อไม่อยากพบหน้าโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ตาม แต่ท่านปู่ลี่เรียกหาถวนจื่อจะไม่ไปก็ไม่ได้
ถวนจื่อสังเกตเห็นอาการจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเจียงหยุนเอ๋อเขาทำปากจู๋และขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ถามด้วยเสียงอ่อนว่า“แม่ครับ แม่เป็นอะไรครับ?ทำไมถอนหายใจล่ะครับ?เดี๋ยวก็จะได้เจอกับพ่อแล้ว แม่ไม่ดีใจเหรอครับ?”
เมื่อได้ยินคำถามของถวนจื่อ เจียงหยุนเอ๋อ หลุดจากความคิดของตัวเอง แล้วสัมผัสใบหน้าของถวนจื่อด้วยความรัก ยิ้มแล้วพูดว่า“ได้เจอพ่อทั้งที แม่ก็ต้องมีความสุขสิ เมื่อกี้แค่คิดถึงเรื่องที่ทำให้กวนใจนิดหน่อย ถวนจื่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเจียงหยุนเอ๋อจะไม่ยอมให้ถวนจื่อตกอยู่ในความขัดแย้งระหว่าเธอกับโม่เสี่ยวฮุ่ยเธอหวังเพียงให้ลูกของตัวเองจะต้องเป็นเด็กที่สุขภาพดีและมีวัยเด็กสวยงาม และเติบโตอย่างแข็งแรงก็เพียงพอแล้ว
เมื่อถวนจื่อรู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อมีเรื่องที่ไม่สบายใจ ก็รีบยื่นมือเล็กๆอ้วนๆของเขาออกไป ลูบคลายคิ้วที่ขมวดของเจียงหยุนเอ๋อ แล้วพูดอย่างอบอุ่นว่า“แม่ไม่ต้องหงุดหงิดนะครับ ลูกถวนจื่อจะนวมให้แม่เอง แม่จะได้ไม่ต้องหงุดหงิด ดีไหมครับ?”
เจียงหยุนเอ๋อถึงกับยิ้มออกมากับพฤติกรรมที่แสนจะอบอุ่นของ ถวนจื่อทำให้จิตใจของเธอดีขึ้น เธอโอบกอดถวนจื่อ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ พูดขึ้นว่า:“มีถวนจื่ออยู่ทั้งคน แม่ก็ไม่หงุดหงิดแล้ว ดีใจจังที่มีหนูอยู่ด้วย!”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เธอก็ได้หอมแก้มถวนจื่อ
ในขณะพูด รถก็หยุดจอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลลี่ วิลล่าที่โอ่อ่าและสง่างาม เจียงหยุนเอ๋ออุ้มถวนจื่อออกมาจากรถ เธอถอนหายใจอย่างแรง แล้วพูดว่า:“ถวนจื่อจำที่แม่สอนเมื่อกี้ได้ใช่ไหมลูก?อย่าลืมเคารพญาติผู้ใหญ่ทุกคน เข้าใจใช่ไหม?”
ถวนจื่อพยักหัวอย่างรวดเร็ว เขาจับมือเจียงหยุนเอ๋อแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างใจเย็น
ทันทีที่เดินเข้าไปในคฤหาสน์ เจียงหยุนเอ๋อก็ต้องหวั่นไหวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เธอขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เคธี่ที่นั่งพูดคุยกับโม่เสี่ยวฮุ่ยอย่างมีความสุขด้วยความสับสน ถ้าเธอจำไม่ผิด งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงในครอบครัวไม่ใช่เหรอ? แล้วเคธี่มาได้อย่างไร?
เจียงหยุนเอ๋อยังไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด ถวนจื่อที่อยู่ข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า“สวัสดีครับคุณย่า สวัสดีครับคุณปู่!”
เสียงของเขาทำให้ทุกคนมองมาที่เจียงหยุนเอ๋อ ในขณะที่เธอไม่รู้จะทำอะไรดี กลับมีเสียงที่คุ้นเคยของลี่จุนถิงมาจากทางข้างหลัง“ทำไมไม่เข้าไปนั่งล่ะ! ใกล้ถึงเวลารับประทานอาหารแล้ว รีบเตรียมตัวเข้าเร็ว!”เมื่อลี่จุนถิง เข้ามาท่านปู่ลี่ก็ละสายตาจากเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงยิ้มแล้วดึงถวนจื่อมาอยู่ข้างๆเขา แล้วหันกลับมาพูดว่า“ในเมื่อมาแล้วก็เข้าไปนั่งเถอะ อีกสักครู่ก็จะเริ่มรับประทานอาหารแล้ว!”
เจียงหยุนเอ๋อ พยักหน้าอย่างปลื้มใจ ลี่จุนถิงค่อยๆพาเจียงหยุนเอ๋อไปยังโซฟาข้างๆ เขามองไปยังเคธี่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร
ใกล้จะถึงเวลารับประทานอาหารแล้ว เจียงหยุนเอ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆถวนจื่อ และอีกข้างก็มีเคธี่นั่งอยู่ เธอไม่รู้ว่าจงใจหรือเป็นเพราะความบังเอิญ ในบางครั้งเคธี่จะตักอาหารให้กับถวนจื่ออีกทั้งกระซิบถามเบาๆว่ามีอาหารอะไรอีกที่เขาอยากกิน
ถวนจื่อเย็นชากับการประจบประแจงของเคธี่แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเห็นเจียงหยุนเอ๋อแสดงอารมณ์ไม่พอใจเมื่อเห็นเคธี่เพราะฉะนั้นเขาไม่คิดที่จะแสดงสีหน้าที่เป็นมิตรกับเคธี่
ใครทำให้แม่ของเขาไม่สบายใจ คนนั้นก็คือศัตรูของเข้าด้วย!
เมื่อเห็นสีหน้าของถวนจื่อไม่ค่อยดี เคธี่ฝืนหัวเราะด้วยความอึดอัด หล่อนคิดอยู่สักพัก แต่ก็ยังตักสันในหมูผัดเปรี้ยวหวานด้วยยิ้มจางๆ พูดว่า “ถวนจื่อ ฉันได้ยินว่าหนูชอบกินสันในหมูผัดเปรี้ยวหวานมาก ฉันตักให้ดีไหม?”ขณะที่พูด หล่อนก็ตักสันในหมูผัดเปรี้ยวหวานหนึ่งชิ้นใส่ในถ้วยของถวนจื่อ
ถวนจื่อมองไปที่สันในหมูผัดเปรี้ยวหวานในถ้วยด้วยความเย็นชา จากนั้นเขาหันไปดูจานปลาเปรี้ยวหวาน ชี้ไปที่ปลาแล้วมองเจียงหยุนเอ๋อด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พูดว่า“แม่ครับ หนูจะกินปลาเปรี้ยวหวาน แม่ป้อนหนูหน่อยนะ!”
เจียงหยุนเอ๋อยิ้มด้วยความโปรดปราน หลังจากเอาก้างปลาออกแล้วก็ป้อนให้ถวนจื่อกิน
เมื่อเคธี่เห็นถวนจื่อกินอย่างเอร็ดอร่อยก็หัวเราะแห้งๆออกมา แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ภาพแห่งความสุขอย่างนี้ในสายตาของโม่เสี่ยวฮุ่ยคือเจียงหยุนเอ๋อร่วมมือกับถวนจื่อทำให้เคธี่ขายหน้า ทันใดนั้นสีหน้าหล่อนก็เปลี่ยนไป สีหน้าหล่อนดูมืดมนลง คิ้วก็ขมวดแล้วพูดอย่างแข็งกร้าวว่า:“ถวนจื่อทำไมทำตัวไม่มีมารยาทอย่างนี้ละ!ไม่เห็นเหรอว่าเคธี่กำลังจะตักอาหารให้?”
เพื่อทำให้เจตนาของโม่เสี่ยวฮุ่ยลำบากยิ่งขึ้น ถวนจื่อกินข้าวอีกหนึ่งคำอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นพูดอย่างยืดยาวว่า:“หนูไม่อยากกินสันในหมูผัดเปรี้ยวหวาน หนูก็เลยไม่กิน หนูผิดด้วยเหรอที่หนูอยากกินปลาเปรี้ยวหวาน?คุณปู่ หนูกินได้แค่สันในหมูผัดเปรี้ยวหวานเหรอครับ?”
“ไม่ใช่แน่นอน!ถวนจื่ออยากกินอะไรก็กินได้หมดเลย มามะ คุณปู่ตักอาหารให้หนูเอง!”ขณะที่พูดท่านปู่ลี่หัวเราะเสียงดังอย่างสดชื่น แล้วก็ตักปลาเปรี้ยวหวานให้ถวนจื่อ
โม่เสี่ยวฮุ่ยถูกถวนจื่อหักหน้า หล่อนเพ่งมองไปที่เจียงหยุนเอ๋อ พูดอย่างเยือกเย็นว่า:“เจียงหยุนเอ๋อนี่เกิดอะไรขึ้น เธอสอนให้ถวนจื่อเป็นเด็กแบบนี้เหรอ?เด็กอายุยังน้อยถูกเธอสอนให้เสียคนไปแล้ว เหมือนเด็กที่ไม่ได้รับการสั่งสอน ฉันเสียใจแทนจริงๆ !”
เมื่อได้ยินโม่เสี่ยวฮุ่ยพูดอย่างนั้น เจียงหยุนเอ๋อกำลังจะอธิบาย ลี่จุนถิงที่นั่งอยู่ข้างก็แตะมือเธอเบาๆ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า:“แม่ครับ ผมและเจียงหยุนเอ๋อช่วยกันสั่งสอนถวนจื่อ ผมคิดว่าไม่มีอะไรผิดปกตินะถวนจื่อคือลูกของพวกเรา พวกเราคิดว่าเขาเป็นคนดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”