ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่จิ่งหมิงฮ่องเต้และคนอื่นๆ ละเลยไป
ซึ่งก็มิได้แปลกแต่อย่างใด ในเมื่อเกิดเรื่องระหว่างไท่จื่อและหยางเฟยใหญ่โตปานนั้น ผู้ใดจะสนใจการเสียชีวิตของอันจวิ้นอ๋อง
แต่เมื่อเจินซื่อเฉิงออกปากถามเช่นนี้แล้ว คนที่อยู่ในที่นั้นถึงฉุกคิดขึ้นมาได้
จริงสิ มนุษย์ไม่อาจกำหนดดินฟ้าอากาศ แล้วองครักษ์จินอู๋อย่างจังหู่สวมชุดซ้อนกันสองชุดไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมลงมือสังหารอันจวิ้นอ๋องกลางตำหนักอย่างนั้นหรือ
“กระหม่อมจะลองไปสืบสวนดูพ่ะย่ะค่ะ” วังไห่ ผู้บังคับบัญชาหน่วยองครักษ์จินอู๋เสนอตัว
จิ่งหมิงฮ่องเต้พยักหน้ารับ
ครั้นเห็นวังไห่เดินออกไปแล้ว เจินซื่อเฉิงจึงเดินตามไปเงียบๆ
หากวันนี้เขาไม่ได้คำตอบ คืนนี้เขาคงนอนไม่หลับ
ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้า จังหู่จึงหันหน้าไปมอง
“จังหู่ หยางเฟยยอมสารภาพผิดแล้ว” วังไห่กล่าว
สีหน้าของจังหู่แปรเปลี่ยนไปโดยพลัน ครั้นหันไปสบตากับสายตาสงบนิ่งของเจินซื่อเฉิงแล้ว องครักษ์นายนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลงพร้อมพึมพำขึ้นว่า “ช่างโง่เขลาเสียจริง นางช่างโง่เขลาเสียจริง…”
วังไห่หัวเราะเยาะ “มีใต้เท้าเจินผู้ชำนาญการอยู่ด้วยทั้งคน เจ้าคิดว่าจะรอดตัวไปได้งั้นหรือ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง ที่ฆ่าอันจิ้วอ๋องเป็นความตั้งใจของข้าแต่เพียงผู้เดียว!”
“เอาเถอะ ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความตั้งใจของเจ้าหรือไม่คงไม่สำคัญอีกแล้ว เพียงแต่ข้ามีเรื่องหนึ่งจะถามเจ้า”
จังหู่หันมองวังไห่
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าในงานเลี้ยงท้องฟ้าจะมืดลงกะทันหัน”
จังหู่ที่ถูกถามเช่นนั้นผงะนิ่งผิดไปจากปกติเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับสู่สภาพเดิม องครักษ์เย้ยหยัน “คำถามของผู้บังคับบัญชาวังช่างน่าขันเสียนี่กระไร ข้ามิได้เป็นร่างเซียนเสียหน่อย จะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”
“หากเจ้าไม่รู้ เหตุไฉนถึงได้สวมเครื่องแบบสองชั้นไว้ล่วงหน้า” น้ำเสียงของวังไห่เจือด้วยความโมโห
ทหารองครักษ์ที่เคยเคารพและภักดีต่อเขา แต่มาวันนี้กลับกระด้างกระเดื่อง จะให้เขาไม่โมโหได้อย่างไร
แต่เพราะเขารู้ดีว่า อย่างไรเสียคนตรงหน้าก็จะต้องตาย ฉะนั้นการคิดเล็กคิดน้อยคงมิได้ประโยชน์อันใด
จังหู่มองวังไห่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ข้าวางแผนไว้อยู่แล้วว่าจะฆ่าอันจวิ้นอ๋องในช่วงงานพิธีสักการะฟ้าดิน ข้าถึงเตรียมตัวมาอย่างดี การสวมเครื่องแบบสองชั้นเพื่อให้สะดวกแก่การลงมือ ไม่ว่าจะลงมือที่ใดก็จะไม่มีร่องรอยทิ้งไว้บนเครื่องแบบ แต่ในเมื่อกลางงานเลี้ยง จู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดกะทันหัน ข้าก็เชื่อว่าสวรรค์คงเปิดทางให้เป็นแน่แท้ ต่อให้ไม่มีโอกาสหนนี้ ข้าก็จะต้องหาโอกาสลงมือให้จงได้”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ จังหู่ก็หัวเราะเยาะกับตนเองในขณะที่สายตาจดจ้องไปที่เจินซื่อเฉิง “หากข้าลงมือที่อื่น ที่ที่ไม่มีใต้เท้าเจิน ก็คงไม่มีใครจับได้ว่าข้าเป็นคนทำ…”
และอวี้หลิงก็คงไม่ถูกลากเข้ามาเช่นนี้
ในชั่วขณะนั้น ความเศร้าโศกเสียใจท่วมท้นในใจของจังหู
เจินซื่อเฉิงหัวเราะเยาะ “เจ้ากล่าวผิดแล้ว สวรรค์มิได้มีรูรั่ว ตราบใดที่เจ้าทำผิด วันใดวันหนึ่งเรื่องก็จะต้องแดงขึ้นมาอยู่ดี”
เขาเห็นมานักต่อนักแล้วว่า ฆาตกรมักคิดว่าตนเองจะหนีรอดไปได้
แต่หากจะให้พูดตามจริง ฆาตกรคนหนึ่งที่เขายังตามตัวไม่พบคือคนที่วางเพลิงนาวาใหญ่ที่แม่น้ำจินสุ่ย
จากประสบการณ์การไขคดีมาอย่างโชกโชนทำให้เขาเชื่ออย่างสุดใจว่า หยางเซิ่งไฉมิได้เสียชีวิตเพราะกระโดดน้ำหนีตายอย่างแน่นอน
เพียงแต่เรื่องนั้นดูเหมือนเป็นการทำตามประสงค์ของฟ้าสวรรค์มากกว่า แค่กๆ มิใช่การทำความผิด
เจินซื่อเฉิงดึงความคิดฟุ้งซ่านกลับมา พร้อมส่งสายตาดุดันไปที่จังหู่ “แต่เจ้ากำลังโกหก”
จังหู่หรี่ตา “ว่าอย่างไรนะ”
“ต่อให้เหตุผลที่เจ้าว่ามาจะฟังขึ้น แต่ข้าก็มั่นใจว่า เจ้ารู้เรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันมาล่วงหน้า และแน่นอนว่าเจ้าคงได้ทราบเรื่องนี้จากหยางเฟย ฉะนั้นสิ่งที่ข้าอยากรู้ในตอนนี้คือ แล้วใครกันที่เป็นคนบอกหยางเฟย”
“ไร้สาระ!” จังหู่หันหน้าหนีคร้านจะใส่ใจเจินซื่อเฉิงเต็มทน
ครั้นเห็นว่าคงไม่ได้ข้อมูลใดเพิ่มเติมจากจังหู่ เจินซื่อเฉินจึงผงกหัวให้วังไห่เล็กน้อยก่อนจะกลับไปหาจิ่งหมิงฮ่องเต้
“ฝ่าบาท กระหม่อมขออนุญาตไปถามเรื่องนี้จากหยางเฟยพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยังคิดไม่ตก สายตาจับจ้องไปที่เจินซื่อเฉิงพลางถาม “เจินอ้ายชิง คิดว่าเบื้องหลังหยางเฟยมีคนอื่นอีกงั้นหรือ”
“นี่เป็นเพียงการคาดเดาของกระหม่อมเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ามีหลักฐานอันใดเล่า”
“ไม่มีหลักฐานใดๆ เป็นเพียงลางสังหรณ์ของกระหม่อมล้วนๆ พ่ะย่ะค่ะ” เจินซื่อเฉิงสารภาพตามตรง
ลางสังหรณ์ที่ใครต่างไม่เชื่อ แท้จริงแล้วเกิดจากประสบการณ์ที่พร่ำสะสมมาอย่างยาวนาน
แม้ว่าอาจฟังดูลึกลับซับซ้อน ทว่าเรื่องนี้กลับดูมีเค้าความจริงอยู่ด้วย
การที่ฝ่าบาทจะเชื่อหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้
“เช่นนั้น…ข้าอนุญาต”
การเสียชีวิตของเฉินเหม่ยเหรินทิ้งปมบาดแผลไว้ในใจของฮ่องเต้ นับวันบาดแผลนั้นก็ยิ่งฝังเป็นรอยลึก
หญิงงามอ่อนวัยเข้าวังมานานหลายปี ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับคนภายนอก แต่เมื่อหลายปีก่อน นางไปได้พยาธิที่ทำให้องค์หญิงฝูชิงตาบอดมาจากที่ใด และนางหาดอกโกวเหวิ่นที่ใช้ในการสังหารองค์หญิงที่สิบห้ามาจากที่ใด
หากมีคนอยู่เบื้องหลังจริงๆ ก็เป็นไปได้มากว่าคนๆ นั้นคงซ่อนตัวอยู่ในวังหลวง ทว่ายามนี้ยังหาตัวไม่พบ
ทว่ามาวันนี้ กลับมีหยางเฟยเพิ่มมาอีกคน…
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยิ่งคิดยิ่งไหวหวั่น
หยางเฟยกล้าทำผิดร้ายแรงเพียงนี้ เพื่อดึงความสนใจไปจากเรื่องการปลดไท่จื่อ ในเมื่อบัดนี้ยังไม่สามารถขจัดปัญหาทั้งหมดได้ ฉะนั้นก็ไม่ควรให้ฮองเฮาและคนอื่นๆ ระแคะระคายเป็นอันขาด ทว่าการรับมือกับหยางเฟยท้าทายความสามารถของเจินซื่อเฉิงยิ่งนัก
เจินซื่อเฉิงและหยางเฟยสบตากันชั่วอึดใจเดียวก่อนความคิดจะดำดิ่ง
หยางเฟยดูสงบนิ่งเพียงนี้ หลังจากที่ได้พรสมปรารถนาแล้วคงเตรียมใจร้องขอความตาย หากเป็นเช่นนี้จริง การจะเค้นความจริงจากปากหยางเฟยคงยากยิ่ง
“เจ้าคือใต้เท้าเจินผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนครงั้นสิ”
เจินซื่อเฉิงไม่คาดคิดว่าคนที่เริ่มพูดก่อนจะเป็นหยางเฟย
“พ่ะย่ะค่ะ”
หยางเฟยค้อมหลังให้เจินซื่อเฉิง “อย่างไรข้าจำต้องกล่าวขอบคุณที่ใต้เท้าเจินช่วยเป็นธุระในการหาตัวคนร้ายที่ฆ่าพี่ชายของข้า”
“กระหม่อมเพียงปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่อาจน้อมรับคำขอบคุณพ่ะย่ะค่ะ”เจินซื่อเฉิงกล่าวเสียงเรียบ
หยางเฟยมองไปที่ชายวัยกลางคนตรงหน้าก่อนน้ำเสียงจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “แต่ใต้เท้าเจินกลับไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ!”
เคราของเจินซื่อเฉิงกระตุกวูบ เขายังคงไม่ตอบโต้
เหตุใดถึงไม่นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ หยางเฟยไม่รู้งั้นหรือ
หยางเฟยหัวเราะขึ้น “จริงอยู่ที่เรื่องนี้ไม่อาจโทษใต้เท้าเจิน เพราะสุดท้ายคนที่ตัดสินใจก็คือฝ่าบาท”
เจินซื่อเฉิงในยามนี้ไม่มีสิทธิ์พูดอีกต่อไปแล้ว
การกล่าวอ้างถึงฮ่องเต้เป็นเรื่องต้องห้าม เว้นแต่ว่าเขาจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
“ในเมื่อใต้เท้าไม่อาจนำตัวคนผิดมาลงโทษ อีกทั้งฝ่าบาทก็ไม่ยอมตัดใจนำตัวคนผิดมาลงโทษ ข้าถึงต้องเป็นคนลงมือเสียเอง ใต้เท้าเจินว่า เรื่องนี้ข้ามีความผิดงั้นหรือ” หยางเฟยถามพึมพำ
เจินซื่อเฉิงกลอกตาอย่างอดไม่ได้ “เหนียงเหนียงอย่าเพิ่งกล่าวเรื่องนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ ที่กระหม่อมมาเพราะมีเรื่องอยากจะถาม ผู้ใดเป็นคนบอกเหนียงเหนียงว่าสภาพอากาศจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วพริบตาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หยางเฟยชะงักงัน จากนั้นก็ส่ายหน้า “ข้าไม่เข้าใจว่าใต้เท้ากำลังถามเรื่องอะไร”
“มาถึงตอนนี้แล้ว เหนียงเหนียงยังปิดบังเรื่องของผู้นั้นอยู่อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่ได้ปิดบังอะไรทั้งนั้น คำถามของใต้เท้าต่างหากที่น่าขัน มนุษย์ในโลกคนใดจะทราบเรื่องปรากฏการณ์บนท้องฟ้า!”
“มีพ่ะย่ะค่ะ” เจินซื่อเฉิงตอบอย่างจริงจัง “มิฉะนั้นแล้วจะมีสำนักหอดูดาวหลวงไว้เพื่อการใดพ่ะย่ะค่ะ”
หยางเฟยหลับตา “ใต้เท้าเจินก็คิดเสียว่าสำนักหอดูดาวหลวงเป็นคนบอกข้าก็แล้วกัน ทีนี้ก็ไปรายงานฝ่าบาทได้แล้วกระมัง”
“เหนียงเหนียง ท่านจะยอมเป็นหมากให้ผู้อื่นใช้จริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“หุบปาก ข้ามิได้เป็นหมากอะไรทั้งนั้น ตราบใดที่ล้างแค้นให้พี่ชายสำเร็จ ต่อให้ตัวตาย ข้าก็ไม่เสียดาย!” หยางเฟยปะทุถึงขีดสุด สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนไปพร้อมกับที่นางยกมือขึ้นมากุมหน้าอก
เจินซื่อเฉิงตกตะลึง “เหนียงเหนียง?”
หยางเฟยที่กุมหน้าอกค่อยๆ ทรุดลงถึงพื้น