บทที่ 474 ข้อมูลรั่วไหล

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 474 ข้อมูลรั่วไหล

บทที่ 474 ข้อมูลรั่วไหล

พูดตามตรง แม้แต่ฉินหว่านหรูเองก็รู้สึกลังเล ทั้งสองคนเคยทำ…สิ่งเหล่านั้นก่อนหน้านี้ มันจะเหมาะสมหรือไม่ที่นางจะเข้าไปตอนนี้?

แม้จะกังวลใจ แต่นางก็ยังเข้าไปข้างใน

เมื่อเข้าไปด้านใน นางก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความเร่าร้อนและความเสน่หาที่ลอยอยู่ในอากาศ หัวใจของฉินหว่านหรูก็เต้นเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

แต่เมื่อเห็นลูกสาวนอนเงียบ ๆ อยู่บนเตียง นางก็หน้าซีดด้วยความตกใจ “ชูเหยียน เป็นอะไรไป? ไอ้เด็กนั่นพูดอะไรที่ทำให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า?”

ฉู่ชูเหยียนลืมตาขึ้น ใบหน้าของนางแดงก่ำ “ท่านแม่เข้ามาทำไม?”

“ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่! ตอนนี้เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?”

ฉินหว่านหรูเริ่มตรวจสอบลูกสาวด้วยการจับชีพจรที่ข้อมือ นางค้นพบว่าร่างกายของฉู่ชูเหยียนไม่เย็นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แถมกลับมีความอบอุ่นมากกว่าปกติเล็กน้อยอีกต่างหาก

แต่มีสิ่งหนึ่งซึ่งน่าแปลกก็คือ ร่างกายของนางดูอ่อนแรงกว่าเมื่อก่อนมาก ราวกับว่ากระดูกของนางละลายไปหมดแล้ว

“ไม่…ไม่เลวร้ายนัก…” ฉู่ชูเหยียนตอบ ใบหน้าของนางยังคงแดงก่ำ

“แล้วทำไมเจ้าถึงอ่อนแอแบบนี้? เจ้านั่งตัวตรงยังไม่ได้เลย” ฉินหว่านหรู กล่าวด้วยความเวทนา

“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่…เหนื่อยนิดหน่อย…” เสียงของฉู่ชูเหยียนนั้นเบามาก

นางรู้สึกขอบคุณที่ซูอันได้ช่วยนางสวมเสื้อผ้าให้ ก่อนที่เขาจะจากไป ไม่อย่างนั้นนางคงเขินอายมากขึ้นไปอีก

“เหนื่อยเกินไป?” ฉินหว่านหรูตกตะลึง แต่นางเป็นคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องพวกนี้มาพอสมควรเช่นกัน ดังนั้นนางจึงใช้เวลาไม่นานในการทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็เริ่มหน้าแดงเช่นกัน

พวกนางตกอยู่ในความเงียบแปลก ๆ ชั่วขณะหนึ่ง

ฉินหว่านหรูพูดอย่างลังเล “ อาซูพูดเมื่อกี้ว่า…เขาต้องรักษาเจ้าอีกสองสามครั้งก่อนที่เจ้าจะหายดี เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?”

“อา?!” ฉู่ชูเหยียนร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก นางรู้สึกว่าการไหลเวียนของพลังชี่ราบรื่นมาก แม้ว่าร่างกายของนางจะยังอ่อนแออยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นางกลับไม่แน่ใจ “อ…อาจจะเป็นอย่างนั้น…”

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ทั้งสองคนก็ได้ทำสิ่งนี้ไปแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง เพิ่มขึ้นอีกไม่กี่ครั้งคงไม่สร้างความแตกต่างใด ๆ

นอกจากนี้…นอกจากนี้ ขั้นตอนการรักษายัง…ยัง…ค่อนข้างสนุก… นางไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่นางยังเด็ก

ฉินหว่านหรูสังเกตเห็นท่าทางเขินอายของฉู่ชูเหยียน นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในใจของลูกสาว?

นางไม่เคยคิดเลยว่าลูกสาวที่เย่อหยิ่งและเยือกเย็นของนางคนนี้จะถูกปราบโดยผู้ชายอย่างซูอัน

นางถอนหายใจ แม้ว่าข้าจะสามารถพูดถึงข้อเสียของเขาได้ทั้งวัน แต่อย่างน้อยเขาก็มีคุณสมบัติที่ดีในด้านนี้…

“ท่านแม่ เป็นอะไรหรือเปล่า?” ฉู่ชูเหยียนสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยอย่างกะทันหันของแม่ตัวเองนางจึงสะกิดด้วยความอยากรู้

“อ…เอ่อ แม่ไม่ได้เป็นอะไร” ฉินหว่านหรูรู้สึกตัวจากอาการเหม่อลอย แต่นางยังคงแสดงอาการกระสับกระส่ายอยู่เล็กน้อย “ตอนนี้เจ้าควรพักผ่อนให้เพียงพอ ข้าจะไม่ให้คนอื่นมารบกวนเจ้า”

นางรีบออกจากห้องไป

ในขณะเดียวกัน ซูอันได้พาเยว่ซานไปหาฉู่จงเทียน

ฉู่จงเทียนเริ่มถามซูอันเกี่ยวกับอาการของลูกสาวของเขา และเมื่อรู้ว่าลูกสาวของตัวเองไม่เป็นอะไร ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อเขาสบายใจแล้ว เขาจึงถามเยว่ซานว่า “เจ้าช่วยนายน้อยหวางได้ไหม?”

“เราช่วยเขาได้แล้ว แต่…” เยว่ซานต้องการจะพูดอะไร แต่เขาลังเล

“มีอะไร?” ฉู่จงเทียนถาม

เยว่ซานตอบว่า “หลังจากผู้น้อยช่วยเหลือเขาสำเร็จ นายน้อยหวางยอมรับมาว่าในระหว่างที่เขาถูกจับกุมนั้น เขาถูกทรมานอย่างหนักจนทนไม่ไหวและบอกข้อมูลที่เกี่ยวกับขบวนขนส่งเกลือของตระกูลหวางให้กับกลุ่มคนที่ลักพาตัวเขาไปทั้งหมด แต่ก่อนที่ผู้น้อยจะกลับมา ผู้น้อยได้ส่งคนไปแจ้งเรื่องนี้กับตระกูลหวางแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ ที่ผู้น้อยไม่รู้ว่าตระกูลหวางขนส่งเกลือของพวกเขายังไง ดังนั้นผู้น้อยจึงไม่สามารถเตรียมการป้องกันได้ด้วยตัวเอง และนี่คือเหตุผลที่ผู้น้อยต้องขอให้ท่านอ๋องหารือเรื่องนี้กับตระกูลหวางโดยด่วน”

“อะไรนะ!?” ฉู่จงเทียนลุกขึ้นยืน ตระกูลหวางขนส่งเกลือไปที่ชายแดนเป็นจำนวนมากในทุก ๆ ปี แม้ว่าส่วนหนึ่งของเกลือที่ส่งไปจะเป็นของตระกูลเจิ้ง ตระกูลหยวน และตระกูลอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของตระกูลฉู่

หากเกิดอะไรขึ้นกับเกลือเหล่านั้น มันจะกลายเป็นหายนะต่อตระกูลฉู่แน่!

ฉู่จงเทียนไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป เขารีบไปที่คฤหาสน์ตระกูลหวาง โดยมีเยว่ซานติดตามไปอย่างใกล้ชิด

“นายน้อยหวางได้รับบาดเจ็บหรือไม่? เขาพิการหรือเปล่า?”

“บาดเจ็บแต่ไม่ถึงกับพิการ แม้ว่าเขาจะได้รับความทุกข์ทรมานจากการถูกทารุณกรรม แต่เขาน่าจะฟื้นตัวได้อย่างไม่มีปัญหาหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง”

“ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดเราก็ไม่ได้ทำให้ตระกูลหวางผิดหมางใจกับเรา ว่าแต่เจ้าจับพวกเฉินเซวียนได้ทั้งหมดหรือเปล่า?”

“เฉินเซวียนไม่ได้อยู่ที่นั่น ไม่อย่างนั้นเราคงไม่สามารถทำงานนี้ได้อย่างราบรื่น”

ซูอันมองดูพวกเขาอย่างเงียบ ๆ สงสัยว่าทำไมเขาถึงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ทุกคนทั้งหมดตื่นตระหนกจนลืมเขาไปหมดแล้ว

ช่างเถอะ ข้าได้ทำในสิ่งที่ข้าต้องทำไปหมดแล้ว

ซูอันเหยียดร่างกายของตัวเองอย่างเกียจคร้าน กระบวนการรักษาไม่ใช่ความเพลิดเพลินอย่างแท้จริงสำหรับเขา เพราะเขายังคงต้องใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของฉู่ชูเหยียนอย่างใกล้ชิด และชี้นำพลังปฐมบทไปยังส่วนที่ต้องได้รับการซ่อมแซม

เฮ้อ นี่มันกินพลังชีวิตข้าไปมากจริง ๆ…

ซูอันก็รู้สึกเหนื่อยเช่นกัน เขาแค่อยากจะกลับไปนอน

เมื่อกลับมาที่ห้อง เขาก็ต้องตกใจกับสภาพระเกะระกะภายใน “ห๊ะ? มีขโมยเข้าห้องข้างั้นเหรอ?”

ในขณะที่กำลังมึนงง จู่ ๆ ก็มีเสียงเยือกเย็นดังมาจากข้างหลังเขา “มีผู้หญิงสองคนต่อสู้เพื่อเจ้าในห้องนี้ เจ้าไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอ?”

“ผู้หญิงสองคน?”

ซูอันตกตะลึง เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลเพ่ยและชิวฮัวเล่ยแห่งหอสุขนิรันดร์” ผู้เฒ่ามี่ถอนหายใจ “พวกนางช่างมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นจริง ๆ ในบรรดาหมู่คนรุ่นเยาว์ทั้งหมด…ทั้ง ๆ ที่ยังเด็กมาก แต่พวกนางกลับมีระดับการบ่มเพาะถึงขนาดนั้นแล้ว ดูท่าว่าในอนาคตรุ่นเยาว์จะเหนือกว่าคนรุ่นก่อนอย่างข้า”

ซูอันสาปแช่งอย่างเงียบ ๆ การต่อสู้ระหว่างสองสาวงามย่อมเป็นภาพที่น่าทึ่งอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ท่านให้ความสนใจคือระดับการบ่มเพาะของพวกนาง? ท่านยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ผู้เฒ่ามี่?

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ตระหนักว่าเพ่ยเหมียนหมานต้องมาหาเขาในวันนี้ และบังเอิญเจอเข้ากับชิวฮัวเล่ย

เฮ้อ…ดูเหมือนว่าการมีผู้หญิงหลายคนไม่ใช่เรื่องดีเลย! น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนที่มันเกิดขึ้น…ไม่งั้นข้าคงได้รับคะแนนความโกรธแค้นเป็นกอบเป็นกำแน่ ๆ

ผู้เฒ่ามี่ปรากฏตัวต่อหน้าซูอัน ชายชราพินิจมองใบหน้าของซูอันจากระยะใกล้

ซูอันกระโดดด้วยความตกใจและรีบก้าวถอยหลังเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ “ผู้อาวุโส มีอะไรเหรอ?”

ข้าหวังว่าชายชราคนนี้จะไม่คิดอะไรแปลก ๆ หรอกนะ?