บทที่ 475 คำเตือน
บทที่ 475 คำเตือน
“ข้ากำลังตรวจสอบดูว่าเจ้ามีเสน่ห์แบบไหน แม้ว่าเจ้าจะดูดี แต่ก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมาย ทำไมผู้หญิงหลายคนถึงชอบเจ้าขนาดนี้?” ใบหน้าเหี่ยวย่นของผู้เฒ่ามี่เต็มไปด้วยความสับสน “เพ่ยเหมียนหมาน และชิวฮัวเล่ยต่างก็เป็นสองหญิงงามล่มเมือง ทำไมพวกนางถึงต่างสนใจเจ้ากันแบบนี้?”
“ข้าจะโกรธท่านแล้วนะถ้าขืนท่านยังพูดกับข้าแบบนี้ต่ออีก! มันไม่ชัดเจนหรือไงว่ามันเป็นเพราะข้ามีเสน่ห์ที่เลิศล้ำกว่าคนอื่น ๆ!” ซูอันพูดอย่างโกรธเคือง
“เจ้าเนี่ยนะมีเสน่ห์เลิศล้ำ?” ผู้เฒ่ามี่เยาะเย้ย “เสน่ห์ตรงไหน? จากฐานะที่เจ้าเป็นเขยตระกูลฉู่? หรือว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้า? หรือว่าการที่เจ้าไม่ใช่ผู้ชายด้วยซ้ำ?”
ซูอันสาปแช่งอยู่ในใจ ท่านเองก็เป็นแค่ชายชราผู้โดดเดี่ยวที่ไม่มีเพื่อนเพศหญิงไม่ใช่หรือไง? อย่าอิจฉาข้าเพียงเพราะเห็นข้ามีโชคกับผู้หญิงแบบนี้สิ!
ซูอันซ่อนความคิดของตัวเองเอาไว้ในใจ จากนั้นก็ทำเป็นยิ้มขอโทษและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสช่างหลักแหลมจริง ๆ อันที่จริงแล้วคุณหนูจากตระกูลเพ่ยเพียงต้องการได้รับบางสิ่งบางอย่างจากตระกูลฉู่ผ่านทางข้า ส่วน ชิวฮัวเล่ย แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของนางคืออะไร แต่ข้าเชื่อว่านางก็กำลังวางแผนไม่ดีกับตระกูลฉู่เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกนางไม่ได้เข้าหาข้าเพราะชอบข้า”
เขาได้อนุมานแล้วว่าชายชราผู้นี้ไว้ใจไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าบอกความจริง เขาไม่กล้าแม้แต่จะบอกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว!
ดูเหมือนว่าข้าจะต้องระมัดระวังแม้ในขณะที่อยู่กับภรรยาของข้า จะให้เขารู้ไม่ได้!
โชคดีที่ชูเหยียนเป็นคนหน้าบาง และฉินหว่านหรูก็ไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน มิฉะนั้น ถ้าชายชราคนนี้รู้ว่าเขากับชูเหยียนเป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์แล้ว อีกฝ่ายอาจจะทำอะไรบ้า ๆ ก็ได้
“ยังดีที่เจ้ารู้ตัวเอง!” ผู้เฒ่ามี่พ่นลมหายใจ “ช่วงนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ รู้สึกเหมือนจะมีภัยพิบัติร้ายแรงเกิดขึ้น เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี”
ซูอันตกตะลึง ทำไมเจ้าถึงบอกให้ข้าปกป้องตัวเองเมื่อเจ้ารู้สึกว่าจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่?
เป็นไปได้ไหมที่ชายชราคนนี้หวงแหนข้าเหมือนหลานชายแท้ ๆ ของเขาจริง ๆ?
ผู้เฒ่ามี่เผยรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัว ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
ผู้เฒ่ามี่เดิมทีรู้สึกว่าการมีเพ่ยเหมียนหมานและชิวฮัวเล่ยอยู่ด้วยจะเพิ่มตัวแปรให้กับแผนของเขามากเกินไป อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดดูอีกที การที่หญิงสาวที่สวยงามเหล่านี้เริ่มมีความสัมพันธ์กับซูอัน มันก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน เพราะมันหมายถึงว่าในอนาคตเขาก็จะได้ครอบครองพวกนาง!
เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงเลย ดูเหมือนว่าตอนนี้สวรรค์จะสงสารข้า! ไม่เพียงแต่ชดเชยให้ข้าด้วยการมีฉู่ชูเหยียนเป็นภรรยาเท่านั้น ข้ายังจะมีหญิงงามมาปรนเปรอเพิ่มมากขึ้นอีกสองสามคนด้วย
ฮ่าฮ่า…
…
ซูอันคิดคำนวณบางสิ่งบางอย่างในใจของตัวเอง แล้วก็ผล็อยหลับไป
จากนั้นเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก และพบว่ามีกระบี่พาดอยู่ที่คอของตัวเอง
“ทำไมวันนี้ปฏิกิริยาของเจ้าช้าลงขนาดนี้?” ผู้หญิงในความมืดเย้ยหยันใต้แสงจันทร์จาง ๆ เขาเห็นหน้าอกอันใหญ่โตของนางกระเพื่อมขึ้นลง ขณะที่นางหอบหายใจ
“เป็นเจ้านี่เอง เหมียนหมานน้อย…” ซูอันหัวเราะ เขารู้สึกยินดีทุกครั้งเวลาพบผู้หญิงคนนี้
“คิดว่าเป็นใครได้อีก? ชิวฮัวเล่ย?” เพ่ยเหมียนหมานเอากระบี่ออกจากคอของเขาแล้วขมวดคิ้ว “และอีกอย่าง อย่าเรียกข้าว่าเหมียนหมานน้อย มันน่าขนลุก!”
แล้วจะให้ข้าเรียกเจ้าว่ายังไง? เหมียนหมานใหญ่งั้นเหรอไง?
“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสู้กับกับใครบางคน เจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า?” ซูอันลุกขึ้นนั่ง ในใจคิดจะตรวจดูร่างกายของนาง
ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานเปลี่ยนเป็นสีแดง นางถอยห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว “ยัยนั่นจะทำร้ายข้าได้ยังไง?”
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นางพูด นางกลับลูบหน้าอกโดยไม่รู้ตัว แม้กระทั่งตอนนี้ ตำแหน่งที่ถูกโจมตีครั้งสุดท้ายก็ยังเจ็บอยู่
“ฮ่า! นั่นสินะ เหมียนหมานน้อยแข็งแกร่งออกจะตายไป! โจรทั่วไปไม่มีทางสู้เจ้าได้อยู่แล้ว!” ซูอันชมเชยนางอย่างไม่รู้จบ
เพ่ยเหมียนหมานเย้ยหยัน “ฮึ่ม! ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าชิวฮัวเล่ยจะทำหน้ายังไงถ้ามาได้ยินว่าเจ้าเรียกนางว่าเป็นโจร?”
แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะยอมถอยจากไป แต่นางก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เรื่องนี้จบลงไปเฉย ๆ อย่างน้อยนางก็ต้องหาให้ได้ว่าผู้หญิงคนที่เพิ่งสู้กับนางเป็นใคร ซึ่งในตอนนี้นางก็ได้รู้แล้ว
“ความสัมพันธ์ของข้ากับนางจะเทียบกับความสัมพันธ์ของข้ากับเจ้าได้ยังไง? แน่นอน ข้าอยู่ข้างเจ้า!” ซูอันกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
“ไม่มีทางที่ข้าจะเชื่อคำโกหกของเจ้า! เจ้าสองคนรวมหัวกันหลอกข้าเหมือนครั้งที่แล้วแน่ ๆ!” แม้ว่านางจะพูดเช่นนี้ แต่รอยยิ้มกลับปรากฏบนใบหน้าของนาง “อีกอย่าง ข้ามาเตือนเจ้าเรื่องอื่น เจ้าต้องระวังคนทำสวนในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ให้ดี!”
ซูอันตื่นตระหนก “ทำไมล่ะ?”
“ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน ข้าแค่รู้สึกอย่างนั้น” เพ่ยเหมียนหมานขมวดคิ้ว “ข้ามักจะรู้สึกว่าเขาเหล่มองมาทางข้าทุกครั้งที่ข้าออกจากห้องของเจ้า
“แค่ครั้งหรือสองครั้งอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ข้ารู้สึกเหมือนถูกจับตามองทุกครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่มีทางที่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญ มีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน”
สัมผัสที่หกของผู้หญิงช่างน่ากลัวจริง ๆ นางสัมผัสถึงอันตรายได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้เฒ่ามี่เลย!
ซูอันกำลังจะออกปากชม แต่นางกลับถอยห่างเขาไปมากขึ้นจนเขาทนไม่ไหวและกวักมือเรียกนาง “มาใกล้ ๆ ข้าหน่อยสิ”
ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานเปลี่ยนเป็นสีแดง แทนที่จะเข้าใกล้เขาให้มากขึ้น นางกลับถอยห่างออกไปอีก “เจ้าพยายามจะทำอะไร?”
ซูอันยิ้ม “ข้าอยากจะคุยกับเจ้าอย่างจริงใจ” เขากล่าว
เพ่ยเหมียนหมานตกใจ ความคิดนับล้านเริ่มวิ่งวนอยู่ในใจของนาง อย่างไรก็ตาม นางกลับเริ่มเข้าไปใกล้เขาด้วยเหตุผลบางอย่าง
“เจ้าอยู่ใกล้ไม่พอ” ซูอันกล่าว เขาเอื้อมมือไปจับมือนางแล้วดึงนางเข้ามากอด
เพ่ยเหมียนหมานเอนตัวพิงเขา ริมฝีปากของเขาแนบชิดใบหูของนางอย่างมาก นางรู้สึกอับอายและกำลังจะตอบโต้ด้วยความโกรธ แต่ก็หยุดลงในขณะที่เขากระซิบ “อย่าขยับ หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง นี่เป็นเหตุผลที่ข้าสามารถพูดกับเจ้าได้เพียงเท่านี้”
เพ่ยเหมียนหมานก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน นางสงบลงทันที ในใจนึกถึงคนทำสวนที่นางเพิ่งพูดถึง
ซูอันกล่าวเบา ๆ “เจ้าต้องระวังเขาเอาไว้ เจ้าไม่ใช่คู่มือของเขา”
ความอบอุ่นของลมหายใจทำให้เพ่ยเหมียนหมานกระวนกระวายใจในทันใด นางกำลังจะยืดร่างกายของตัวเองให้ตรง แต่คำพูดของเขาทำให้นางตกตะลึงชั่วขณะ นางกำลังจะสอบถามต่อไป แต่ซูอันคว้าเอวของนางแล้วผลักนางไปที่เตียง
ซูอันขยับเข้าไปใกล้ ราวกับว่าเขากำลังจะจูบที่ริมฝีปากนาง
แน่นอนว่าถ้ามองใกล้ ๆ ริมฝีปากของทั้งสองก็ห่างกันเพียงนิ้วเดียว
อย่างไรก็ตาม มันใกล้พอที่ทั้งคู่จะสัมผัสได้ถึงผิวและความร้อนจากร่างกายของอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่าซูอันไม่ได้คิดจะจูบนางจริง ๆ เปลวไฟสีดำที่ริบหรี่อยู่เหนือปลายนิ้วของเพ่ยเหมียนหมานก็จางหายไป นางจ้องมองเขาด้วยความงุนงง
“เขากำลังดูอยู่ข้างนอก อย่ากระโตกกระตากไป” ซูอันส่งคำพูดผ่านพลังชี่อย่างนุ่มนวลข้างหูของนาง ระดับการบ่มเพาะของผู้เฒ่ามี่สูงเกินไป เขาไม่อยากถูกชายชราแอบฟัง