ตอนที่ 428 เร่งเดินทางตลอดคืน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 428 เร่งเดินทางตลอดคืน

แม่ทัพฝูรั่วซีคุ้มกันชายแดนหรงตี๋มานานหลายปี เขามีประสบการณ์ในการรบมาก ต้องช่วยเหลือเสี่ยวซื่อได้อย่างแน่นอน!

“จวิ้นจู่วางใจได้ขอรับ”

เมื่อฝูรั่วซีได้รับคำสั่งจึงพาทหารขี่ม้าทะยานไปยังภูเขาหั่วเสินทันที

“จวิ้นจู่ เมื่อครู่ท่านเอ่ยถึงแม่น้ำหลงหมู่…” หลิวหงถามต่อ

ใจของไป๋ชิงเหยียนเต้นรัว ทว่า ยังพอควบคุมสติได้ หญิงสาวยืนอยู่หน้าโต๊ะทรายจำลองแผนที่ เอ่ยกับบรรดาแม่ทัพคนอื่นๆ ต่อว่ากองทัพต้าเหลียงอาจจงใจทำให้เมืองหลงหยางน้ำท่วม

“วันนี้ตอนอยู่ที่แม่น้ำหลงหมู่ สวินเทียนจางดูเหมือนจะรู้แล้วว่าใกล้ถึงช่วงฤดูแม่น้ำหลากของแม่น้ำหลงหมู่ เมืองหลงหยางอยู่ในที่ราบต่ำกว่า สวินเทียนจางอาจทำให้น้ำท่วมเมืองหลงหยางเพื่อเอาชนะพวกเรา แม่ทัพใหญ่โปรดถ่ายทอดคำสั่งให้ทหารต้าจิ้นช่วยชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวและอพยพออกจากที่นี่โดยเร็ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“เก็บเกี่ยวข้าวล่วงหน้า อพยพชาวบ้านอย่างนั้นหรือ หากต้าเหลียงไม่ได้วางแผนให้น้ำท่วมเมืองหลงหยางเล่า” แม่ทัพคนหนึ่งของกองทัพจิ้นเอ่ยขึ้น “ที่สำคัญ หากต้าเหลียงมีความเคลื่อนไหว สายของเราต้องมารายงานแน่ จวิ้นจู่กังวลเกินไปหรือไม่ อาจเปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์ก็ได้นะขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนไม่โต้เถียง แต่กล่าวอย่างมั่นใจ “ใช่หรือไม่ คืนนี้แม่ทัพใหญ่ส่งคนไปที่แม่น้ำหลงหมู่ก็จะรู้เอง”

“หากแม่ทัพใหญ่ของต้าเหลียงต้องการจะให้น้ำท่วมเมืองหลงหยางจริงๆ พวกเราทำได้เพียงแค่อพยพชาวบ้านหนีเท่านั้นหรือ” หลิวหงมองดูโต๊ะทรายอย่างใช้ความคิด จากนั้นหันไปมองไป๋ชิงเหยียน

“แทนที่จะเสียเวลาเก็บเกี่ยวข้าวสาลีล่วงหน้า พวกเราไม่สู้เดินทางไปวางกับดักที่แม่น้ำหลงหมู่ล่วงหน้าแล้วจัดการล้อมทหารต้าเหลียงที่จะเดินทางไปขุดคูน้ำไว้ที่นั่นเลยไม่ดีกว่าหรือ”

ดูเหมือนว่าไป๋ชิงเหยียนจะคิดวิธีนี้ออกนานแล้ว หญิงสาวมองไปทางหลิวหงแล้วเอ่ยขึ้น “วิธีนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทว่า หากเราไม่อาจล้อมทหารต้าเหลียงไว้ที่นั่นได้ทั้งหมด หากมีคนหนึ่งหนีรอดไปรายงานที่ค่ายทหารจะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นและเราจะกลายเป็นฝ่ายรับทันที เหยียนคิดว่า เราควรเก็บเกี่ยวข้าวสาลีล่วงหน้าและอพยพชาวบ้านหนีไปก่อน ให้ต้าเหลียงขุดคูน้ำให้เสร็จ จากนั้นล่อให้พวกเขาเข้ามาติดกับในเมืองหลงหยาง เช่นนี้จะได้ใช้วิธีนี้ย้อนจัดการกับทหารของต้าเหลียงเอง”

“วิธีของจวิ้นจู่คือต้องล่อให้ต้าเหลียงเข้ามาในเมืองหลงหยางให้ได้ ทว่า หากพวกเขาไม่ยอมเข้ามาเล่าขอรับ” แม่ทัพคนหนึ่งขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย “หากกองทัพต้าเหลียงไม่เข้ามาในเมืองหลงหยางก็ถือว่าสิ่งที่เราทำไปเสียแรงเปล่า! ก่อนหน้านี้ที่กองทัพต้าเหลียงบุกโจมตีเมืองชุนมู่และผูเหวิน พวกเขาแค่เผาเมืองและปล้นชิงทรัพย์จากนั้นก็จากไป ไม่ได้ตั้งฐานทัพอยู่ที่เมืองเหล่านั้น ทว่า ถึงเวลานั้นหากต้าเหลียงทำให้น้ำท่วมหลงหยาง แคว้นต้าจิ้นของเราจะเสียหายเป็นอย่างมาก!”

“จวิ้นจู่มีวิธีหรือไม่ขอรับ” หลิวหงมั่นใจในตัวไป๋ชิงเหยียนมาก คิดว่าไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางเสนอแผนการโดยไม่มั่นใจแน่นอน

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ปล่อยข่าวลือออกไปว่าในเมืองหลงหยางมีของล้ำค่าที่ขนย้ายมาจากเมืองชุนมู่และผูเหวินก่อนจะโดนโจมตีซ่อนอยู่ จวนของพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในต้าหล้าเซียวหรงเหยี่ยนก็อยู่ในเมืองหลงหยาง ในนั้นมีห้องลับที่ซ่อนสมบัติไว้มากมาย เงินทองเป็นของยั่วยวนใจ ต้องมีแม่ทัพในกองทัพต้าเหลียงอยากบุกโจมตีเมืองหลงหยางเพื่อแย่งชิงสมบัติไปครอบครองเองแน่นอน”

“จากนั้น แม่ทัพใหญ่จงส่งคนไปทำลายเส้นทางที่สามารถลำเลียงเสบียงอาหารของต้าเหลียงมาได้ให้หมด เหลือไว้เพียงเส้นทางที่อยู่ติดกับเมืองหลงหยาง…” ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังตำแหน่งขนส่งเสบียงในแผนที่บนโต๊ะทราย

“สวินเทียนจางต้องส่งทหารจำนวนมากไปคุ้มกันเสบียงที่ถูกส่งมาเพื่อป้องการเสบียงอาหารถูกปล้นและทำลายกองทัพต้าจิ้นที่แบ่งไปซุ่มโจมตีอยู่บริเวณนั้นในคราวเดียวกันแน่นอน”

ไป๋ชิงเหยียนชี้นิ้วไปยังตำแหน่งที่กองทัพต้าเหลียงตั้งอยู่ในตอนนี้ กล่าวด้วยน้ำเสียงรวดเร็วและมั่นคง แววตาหนักแน่นราวกับมั่นใจเต็มร้อย

“ตอนนี้กองทัพหลักของต้าจิ้นต้องเดินทางไปลอบโจมตีค่ายทหารของต้าเหลียง ต้องทำให้กองทัพต้าเหลียงเห็นว่าแม่ทัพใหญ่และกำลังหลักของต้าจิ้นทั้งหมดเดินทางไปที่นั่น ทำให้พวกเขาคิดว่าเราทุ่มกำลังทหารเกือบทั้งหมดเพื่อบุกโจมตีค่ายของพวกเขา หลอกล่อให้ทหารที่เดินทางไปคุ้มกันเสบียงกลับไปช่วยเสริมทัพที่ค่ายทหาร จากนั้นพวกเราแสร้งทำเป็นรบพ่ายแพ้ ถอยทัพหลอกล่อพวกเขาไปยังเมืองหลงหยาง จากนั้นแสร้งทำเป็นหนีออกจากเมืองเพราะรบพ่ายแพ้!”

“เมื่อถึงเวลานั้นกองทัพต้าเหลียงต้องค้นหาของล้ำค่าที่ถูกซ่อนอยู่ในเมืองหลงหยางอย่างแน่นอน เพราะน้ำจะท่วมได้ก็ต่อเมื่อได้รับคำสั่งจากสวินเทียนจางเท่านั้น เมื่อพวกเขาเริ่มลงมือค้นหาของล้ำค่า พวกเราค่อยส่งแม่ทัพหลินคังเล่อนำทัพอ้อมไปยังแม่น้ำหลงหมู่ ขุดคูน้ำและปล่อยน้ำไปยังเมืองหลงหยาง”

ไป๋ชิงเหยียนอ่านรายงานสถานการณ์รบอย่างละเอียดแล้ว ตอนที่กองทัพต้าเหลียงบุกโจมตีเมืองชุนมู่และผูเหวิน สวินเทียนจางมักให้เวลาพวกเขาสามวันในการปล้นชิงทรัพย์ พวกนางมีเวลาเพียงพอในการทำให้น้ำท่วมเมืองหลงหยางแน่นอน

หลิวหงได้ยินไป๋ชิงเหยียนอธิบายอย่างละเอียดก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาทันที เขาตบไปที่ขอบโต๊ะทรายอย่างแรง “ดีมาก!”

“นึกไม่ถึงเลยว่าจวิ้นจู่จะคิดได้ละเอียดถี่ถ้วนถึงเพียงนี้ ข้านับถือยิ่งนักขอรับ” แม่ทัพที่เมื่อครู่สงสัยในตัวไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคาราวะหญิงสาว

ไป๋ชิงเหยียนในชุดเกราะสีเงินพยักหน้าให้ด้วยสีหน้าราบเรียบ ท่าทีนิ่งเฉยเหมือนดั่งปกติ กล่าวขึ้นนิ่งๆ

“แม่ทัพใหญ่ส่งคนไปสังเกตการณ์ที่แม่น้ำหลงหมู่ได้เลย หลังฟ้ามืดต้าเหลียงต้องมีความเคลื่อนไหวแน่นอน”

ไป๋ชิงเหยียนพิจารณาความกังวลทุกด้านของหลิวหงเข้าไปในแผนการของนางหมดแล้ว เมื่อไตร่ตรองอยู่หลายครั้งก็พบว่าวิธีนี้คือวิธีที่สามารถเอาชนะกองทัพต้าเหลียงได้โดยที่ต้าจิ้นจะสูญเสียกำลังทหารน้อยที่สุด

การทำให้น้ำท่วมเมืองหลงหยาง แม้จะต้องจะใช้กำลังคนและกำลังทรัพย์จำนวนมากในการฟื้นฟูเมืองขึ้นมาใหม่ ทว่า สำหรับไป๋ชิงเหยียน ชีวิตคนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

ขอเพียงคนยังมีชีวิตอยู่…การสร้างเมืองขึ้นใหม่ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอันใด

การที่สองแคว้นทำสงครามกันแล้วทหารต้าจิ้นล้มตายจำนวนมากถึงจะเรียกว่าความเสียหายที่แท้จริง

เหมือนดั่งสงครามที่หนานเจียง หากไม่ใช่เพราะซิ่นอ๋องทำลายแคว้นของตัวเอง ทหารต้าจิ้นนับแสนจะต้องจบชีวิตอยู่ที่หนานเจียง ต้าจิ้นจะสูญเสียมากมายมหาศาล ต้าเหลียงจะกล้ามารุกรานแคว้นต้าจิ้นเช่นนี้หรือ

หลิวหงส่งคนไปแจ้งข่าวกองกำลังเสริมที่เดินทางมาจากเมืองหลวงแล้วว่าให้เร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพักเพื่อมาถึงหลงหยางให้เร็วที่สุด

เช่นนี้เมื่อทหารต้าเหลียงถูกน้ำท่วม พวกเขาจะได้ถือโอกาสนี้ขับไล่ต้าเหลียงออกไปจากแคว้นต้าจิ้นให้หมด

ใกล้ถึงยามโหย่ว[1] ลมนอกเมืองเริ่มพัดกรรโชกแรงขึ้นเรื่อยๆ มองไม่เห็นสว่างจากดวงอาทิตย์ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ

ทุกคนรอฟังข่าวจากภูเขาหั่วเสินและแม่น้ำหลงหมู่อย่างสงบนิ่ง

ไป๋ชิงเหยียนยืนมองไปทางภูเขาหั่วเสินอยู่บนกำแพงเมืองด้วยความร้อนใจ เมื่อเห็นเปลวไฟจากบริเวณภูเขาหั่วเสิน ใจของหญิงสาวกระตุกวูบ ตัดสินใจไปที่นั่นด้วยตัวเองสักครั้ง

ไป๋ชิงเหยียนหมุนกายเตรียมไปขออนุญาตแม่ทัพหลิวหง

“แม่ทัพไป๋!” ทหารต้าจิ้นคนหนึ่งตะโกนเรียกไป๋ชิงเหยียนพลางชี้มือไปยังทิศที่ห่างออกไป

ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองตามทิศทางที่ทหารต้าจิ้นชี้ หญิงสาวเห็นคนขี่ม้าพุ่งตรงมาจากภูเขาหั่วเสิน ธงสะบัดไปมา ม้าทะยานจนฝุ่นตลบ

ไป๋ชิงเหยียนควบคุมสติ เตรียมคันธนูให้พร้อม ตะโกนลั่น “พลธนูเตรียมตัว!”

หลูผิงยกธนูเล็งไปยังทิศทางนั้นเช่นเดียวกัน

แม้ผู้ที่มาจะชูธงของแคว้นต้าจิ้น ทว่า คนยังไม่ได้เข้ามาใกล้ พวกเขายังเห็นไม่ชัดเจนจึงต้องเตรียมตัวไว้ก่อน

เสียงแตรดังขึ้นจากบนกำแพงเมือง สื่อให้คนในเมืองเตรียมพร้อมสำหรับการบุกรุก

หลิวหงขี่ม้านำกองทัพเข้ามาใกล้ จากนั้นวิ่งขึ้นไปบนกำแพงเมืองมองไปยังทิศทางเบื้องหน้า

“เหมือนจะเป็นคนของเรา”

ไป๋ชิงเหยียนยังคงรั้งสายธนูแน่น ดวงตานิ่งขรึม “รอให้เข้ามาใกล้อีกนิด!”

สองแคว้นกำลังทำศึกกันอยู่ อีกฝ่ายคือสวินเทียนจวินที่พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชัยชนะ พวกนางต้องระวังตัวไว้ก่อน

เสียงฝีเท้ามาดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นหลินคังเล่อ หวังสี่ผิงและฝูรั่วซีที่ร่างโชกไปด้วยเลือดขี่ม้านำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน

พลทหารม้าขี่ตามหลังหลิวรั่วฟูมา บนหลังม้าแทบทุกตัวมีคนอยู่สองคน เหมือนจะเป็นทหารต้าจิ้นที่พวกเขาช่วยมาได้จากภูเขาหั่วเสิน

[1] ยามโหย่ว เวลาระหว่าง 17.00-19.00 นาฬิกา