ตอนที่ 429 อย่ากระหายสงคราม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 429 อย่ากระหายสงคราม

ทว่า ทั่วทั้งเมืองหลวงยังคงอยู่ในท่าทีเตรียมพร้อม จนเมื่อฝูรั่วซีซึ่งขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนชูศีรษะของกู้ซ่านไห่ขึ้นสูง “ข้า ฝูรั่วซีพากองกำลังเสริมซึ่งไปช่วยที่ภูเขาหั่วเสินกลับมาพร้อมกับศีรษะของแม่ทัพกู้ซ่านไห่แห่งแคว้นต้าเหลียงขอรับ!”

นึกไม่ถึงเลยว่าฝูรั่วซีจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ขณะไปช่วยเหลือคนยังสามารถตัดศีรษะของแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามได้อีก

หลิวหงตะโกนด้วยความดีใจ “รีบเปิดประตูเมือง!”

ไป๋ชิงเหยียนวิ่งลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว หลูผิงและองครักษ์ตระกูลไป๋รีบตามไปทันที

ประตูเมืองถูกเปิดออก ฝูรั่วซี หลินคังเล่อและหวังสี่ผิงขี่ม้าเข้ามาในเมือง ฝูรั่วซีลงจากหลังม้าแล้วเอ่ยขึ้น “รีบไปเตรียมอาหารเครื่องดื่มให้พร้อม สหายที่ถูกขังอยู่ในภูเขาหั่วเสินหิวจนจะตายอยู่แล้ว”

กล่าวจบ ฝูรั่วซีเดินไปทางไป๋ชิงเหยียนซึ่งมีสีหน้าเป็นกังวล กำหมัดรายงาน “จวิ้นจู่ จู่ๆ กองทัพเสริมของต้าเหลียงก็โผล่มา เกาอี้เซี่ยนจู่พาทหารล่อกองทัพต้าเหลียงเข้าไปในป่าลึกเพื่อให้ทหารต้าจิ้นที่ถูกขังอยู่ครึ่งเดือนหนีออกมาก่อนขอรับ บัดนี้ทหารต้าเหลียงจุดไฟเผาภูเขาหั่วเสิน ล้อมภูเขาด้านล่างไว้หมดแล้ว ข้าไม่อาจช่วยเหลือเกาอี้เซี่ยนจู่ออกมาได้จริงๆ จึงได้แต่พาคนที่เหลือกลับมาก่อนขอรับ จวิ้นจู่โปรดลงโทษด้วยเถิดขอรับ!”

“จวิ้นจู่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ” หวังสี่ผิงปาดขี้เถ้าซึ่งเปื้อนใบหน้าออก “ตู้ซานเป่าและทหารกลุ่มหนึ่งกำลังช่วยกันออกตามหาเกาอี้เซี่ยนจู่ในป่าอยู่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนกระชับมือที่ถือธนูเซ่อรื้อแน่น รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง หญิงสาวกัดฟันแน่นไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ปลดถุงทรายที่พันอยู่รอบแขนทั้งสองข้างออก วิ่งตรงไปยังม้า จับเชือกแล้วกระโจนขึ้นไปบนหลังม้า “องครักษ์ไป๋ ขึ้นม้า!”

“ขอรับ!” องครักษ์กองทัพไป๋ขานรับอย่างพร้อมเพรียง

หลูผิงขบกรามแน่น นำองครักษ์ตระกูลไป๋ก้าวขึ้นไปบนหลังม้า ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยไอสังหาร ติดตามไป๋ชิงเหยียนมุ่งหน้าไปช่วยไป๋จิ่นจื้อที่ภูเขาหั่วเสิน

“จวิ้นจู่!” ฝูรั่วซีเอ่ยเรียกด้วยความรู้สึกผิด

“จวิ้นจู่!” หลิวหงเบิกตาโพลงพลางตะโกนเรียกเสียงดัง รีบถลาเข้าไปกระชากม้าของไป๋ชิงเหยียนไว้โดยไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น “จวิ้นจู่! ต้าเหลียงเผาภูเขา เกาอี้เซี่ยนจู่ไม่มีทางรอดแล้วขอรับ แม้แต่แม่ทัพฝูรั่วซียังช่วยออกมาไม่ได้ หากจวิ้นจู่ไปก็เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้งนะขอรับ!”

“ดังนั้นที่ให้พวกของตู้ซานเป่าอยู่ที่นั่นต่อก็เพื่อส่งพวกเขาไปตายอย่างนั้นหรือ” แววตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็นถึงขีดสุด กระชากเชือกกลับ

หลิวหงขบกรามแน่น ยืนขวางอยู่ด้านหน้าม้าไม่ให้ไป๋ชิงเหยียนเอาชีวิตไปทิ้งที่ภูเขาหั่วเสิน ตะโกนเสียงดังลั่น “จวิ้นจู่ไม่เหมือนกับตู้ซานเป่า แม้ข้าจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ทว่า จวิ้นจู่เป็นยอดนักรบ เป็นคนวางแผนการรบให้กองทัพของเรา! ตู้ซานเป่าตายได้! ทว่า จวิ้นจู่จะเป็นอันใดไปไม่ได้เด็ดขาดขอรับ!”

“หลีกไป!” ไป๋ชิงเหยียนตวาดอย่างโมโห นางร้อนใจอยากไปช่วยน้องสาวของตัวเอง ดวงตาแดงฉาน ไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับหลิวหงอีกแล้ว หญิงสาวตัดสินใจตวัดแส้ม้าพุ่งตรงไปยังร่างของหลิวหง

“ระวังขอรับแม่ทัพใหญ่!” ฝูรั่วซีรีบเข้าไปกระชากร่างของหลิวหงให้หลบ

ม้าของไป๋ชิงเหยียนเฉียดร่างของหลิวหงไปอย่างฉิวเฉียด

หลิวหงยังไม่ทันลุกขึ้นยืนก็ตวาดลั่น “ขวางทางจวิ้นจู่เอาไว้!”

สิ้นเสียงคำสั่งของหลิวหง บรรดาทหารเอาตัวเข้าไปขวางทางม้าของไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่คิดชีวิต ม้าของไป๋ชิงเหยียนส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นหยุดฝีเท้าลง

“ความเห็นแก่ตัวของคนคนเดียวอาจทำให้ชาวบ้านบริสุทธิ์ตายอีกนับร้อยคน น้องสาวคนเดียวของจวิ้นจู่สละชีพช่วยเหลือชาวบ้านแทบชายแดนไม่ถูกต้องหรืออย่างไรขอรับ เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋ฉีซานตัดสินใจยิงธนูปลิดชีพท่านชายห้าแห่งตระกูลไป๋เพื่อปกป้องชาวบ้านแถบชายแดน ไม่ให้ทหารในกองทัพเสียขวัญและกำลังใจ ทว่า ท่านกลับละทิ้งหน้าที่เพื่อไปช่วยเหลือคนเพียงคนเดียว ท่านคู่ควรกับคำว่า เจิ้นกั๋ว อย่างนั้นหรือ!”

หลิวหงรีบลุกขึ้นยืน เดินไปหาไป๋ชิงเหยียน ตวาดลั่นจนเส้นเอ็นปูดขึ้นที่ลำคอ ถลาเข้าไปกระชากเชือกม้าของไป๋ชิงเหยียนเอาไว้อีกครั้ง “จวิ้นจู่! เห็นแก่ส่วนรวม เห็นแกชาวบ้านเป็นสำคัญเถิดขอรับ!”

“ข้าวางแผนการรบไว้หมดแล้ว แม่ทัพหลิวหงไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้เลยหรือ กองทัพต้าจิ้นไร้ความสามารถจนต้องพึ่งพาสตรีอย่างข้าเพียงคนเดียวถึงจะได้ชัยชนะอย่างนั้นหรือ”

“เมื่อเช้าจวิ้นจู่บอกกับข้าว่าไม่ว่าจะเป็นกองทัพไป๋หรือกองทัพต้าจิ้นล้วนมาที่นี่เพื่อปกป้องชาวบ้านแถบชายแดน! เกาอี้เซี่ยนจู่ก็เช่นกัน! การที่จวิ้นจู่เสี่ยงอันตรายบุกไปช่วยเกาอี้เซี่ยนจู่เป็นสิ่งที่เกาอี้เซี่ยนจู่อยากจะเห็นหรือขอรับ สิ่งที่เกาอี้เซี่ยนจู่อยากเห็นก็คือการที่ต้าเหลียงถูกขับไล่ออกไปจากแคว้นต้าจิ้นของพวกเรานะขอรับ!” หลิวหงกล่าวอย่างรวดเร็วและหนักแน่น “จวิ้นจู่มาจากตระกูลนักรบที่ยิ่งใหญ่นับร้อยปี จะเป็นอันใดไปไม่ได้เด็ดขาด! แลกชีวิตของนักรบที่เก่งกล้าอย่างจวิ้นจู่กับเกาอี้เซี่ยนจู่ที่โอกาสรอดน้อยเต็มที มันคุ้มหรือขอรับ”

“ตระกูลไป๋มีคุณธรรมสูงส่ง หากสามารถแลกชีวิตของตัวเองเพื่อความสงบสุขของทุกคน คนตระกูลไป๋พร้อมเสียสละทุกคน! ดังนั้นเกาอี้เซี่ยนจู่จึงเสียสละล่อทหารต้าเหลียงเข้าไปในป่าลึก ข้าเชื่อว่าเกาอี้เซี่ยนจู่ก็เป็นห่วงจวิ้นจู่เช่นเดียวกันเหมือนที่จวิ้นจู่เป็นห่วงนาง นางไม่อยากให้จวิ้นจู่เอาชีวิตไปเสี่ยงหรอกขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนกุมบังเหียนม้าแน่น “หากท่านอ้างเรื่องคุณธรรมกับข้า ข้าจะบอกท่านให้ว่าคุณธรรมคือสิ่งใด คุณธรรมของตระกูลไป๋คือไม่มีทางทอดทิ้งสหายที่ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแม้แต่คนเดียว นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดกองทัพไป๋จึงกล้าบุกสู้รบอย่างไม่กลัวตาย ไว้ใจสหายร่วมกองทัพ กล้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้น! นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดกองทัพไป๋จึงรบไม่เคยแพ้! วันนี้ต่อให้ผู้ที่ถูกล้อมอยู่ในภูเขาไม่ใช่น้องหญิงสี่ของข้า แต่เป็นทหารต้าจิ้นที่เสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือสหายร่วมกองทัพ ไป๋ชิงเหยียนก็จะบุกไปช่วยเช่นเดียวกัน ไม่คำนึงว่าควรทำหรือไม่ควรทำ ไม่คำนึงว่าคุ้มค่าหรือไม่ นี่คือความศรัทธา นี่ถึงจะเรียกว่าคุณธรรม! วันนี้ท่านทอดทิ้งชีวิตคนหนึ่งคน วันหน้าก็อาจทอดทิ้งคนนับร้อย นี่มันต่างอันใดกับสวินเทียนจางที่เห็นชีวิตทหารในกองทัพเป็นผักเป็นปลากันเล่า!”

บรรดาทหารต้าจิ้นที่เพิ่งกลับมาจากภูเขาหั่วเสินได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นทันที

ในฐานะทหารกองทัพต้าจิ้น พวกเขาเคยอิจฉากองทัพไป๋ผู้รบไม่เคยแพ้ ที่แท้สาเหตุที่กองทัพไป๋ไม่เคยพ่ายแพ้เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าสหายร่วมกองทัพไม่มีทางทอดทิ้งพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าฝากชีวิตไว้กับสหาย กล้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตราย…

นิ้วของหลิวหงกระตุกเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็นึกถึงบทเพลงของกองทัพไป๋ขึ้นมา

ร่วมเป็นร่วมตาย…

หมายถึงกองทัพที่ไม่มีทางทอดทิ้งสหายร่วมรบอย่างกองทัพไป๋นี่เอง

“หากท่านอ้างเรื่องความรู้สึก ผู้ที่ถูกล้อมอยู่ในภูเขาหั่วเสินคือน้องหญิงสี่ของข้า ข้าคือพี่สาวคนโต การปกป้องไป๋จิ่นจื้อให้ปลอดภัยสำคัญกว่าชีวิตของข้าเอง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของข้า หากสามารถทำให้นางปลอดภัย ข้าก็ยินดีเสมอ” ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น ดวงตาลึกล้ำคมกริบกวาดมองไปยังทหารกองทัพต้าจิ้นทุกคน “ทหารที่ไม่พร้อมเสี่ยงตายร่วมกับสหายของตัวเองจงหลีกทางไป ข้าจะนำไปเพียงองครักษ์ของตระกูลไป๋ ไม่พาทหารกองทัพต้าจิ้นไปแม้แต่คนเดียว หากผู้ใดกล้าขัดขวาง อย่าหาว่าข้าใจร้าย! หลีก!”

คำว่า “หลีก!” ที่ตะโกนออกมาด้วยไอสังหารทำให้ทหารต้าจิ้นที่ขวางทางไป๋ชิงเหยียนอยู่สะดุ้งไปตามๆ กัน ทุกคนรีบหลีกทางให้ทันที

หลิวหงรู้นิสัยของกองทัพไป๋ดี ยิ่งเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของไป๋ชิงเหยียนก็รู้ว่าไม่อาจห้ามปรามหญิงสาวได้แล้ว เขาจึงหลีกทางให้

ไป๋ชิงเหยียนร้อนใจดั่งไฟเผา เมื่อหลิวหงหลีกทางให้จึงพาองครักษ์ของตระกูลไป๋ขี่ม้าจากไปอย่างรวดเร็ว

หลิวหงกำหมัดแน่น ตะโกนเสียงดังลั่น “แม่ทัพหวังสี่ผิงจงพาทหารใส่เพียงชุดสบายๆ ตามไปคุ้มครองจวิ้นจู่ที่ภูเขาหั่วเสิน ต้องคุ้มครองจวิ้นจู่และเซี่ยนจู่ให้ปลอดภัย อย่ากระหายสงครามเด็ดขาด เมื่อช่วยคนได้รีบถอยทัพทันที!”