บทที่ 442 ข้าต้องมาจัดการดอกท้อให้เจ้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 442 ข้าต้องมาจัดการดอกท้อให้เจ้า

บทที่ 442 ข้าต้องมาจัดการดอกท้อให้เจ้า

หลังจากที่พูดจบ ราวกับว่านางรู้สึกเสียใจต่อฉินเย่จือจริง ๆ น้ำตาในดวงตาของนางที่เพิ่งเหือดแห้งพลันกลับมาล้นเอ่ออีกครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนหยดลงไปจนเกิดเสียงเปาะแปะ

ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกแย่และรู้สึกผิดแทนฉินเย่จือ

ใบหน้าดูช่างน่าสงสาร ชวนเห็นอกเห็นใจนัก

ครั้นกู้หนิงผิงได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเขากลายเป็นสีซีด และเขาตะโกนเสียงดัง “กู้ซินเถา เจ้าหมายความว่าอย่างไร! พี่ฉินเป็นสมาชิกในครอบครัวของข้า อย่าได้มากวนน้ำให้ขุ่นเสียจะดีกว่า”

ไม่เลว กู้หนิงผิงสามารถใช้สำนวนได้แล้ว กู้เสี่ยวหวานอดปรบมือในใจไม่ได้ หลังจากผ่านไปหลายวัน สิ่งที่อีกฝ่ายเรียนรู้ไปไม่ได้ไร้ประโยชน์ กู้หนิงผิงสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ได้จริง

ฉินเย่จือเป็นคนที่มีความสามารถ เขาศึกษาทั้งบทกวีและตำรา ทั้งมีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา เขามีความสามารถทั้งด้านวรรณกรรมและศิลปะการต่อสู้ เป็นเพราะพี่สาวของเขาที่ช่วยอีกฝ่ายกลับมา ฉินเย่จือจึงยอมมาช่วยเพื่อตอบแทนน้ำใจ มิฉะนั้น ไม่ว่าครอบครัวของเขาจะจ่ายเงินเพื่อเชิญอีกฝ่ายเท่าไร เกรงว่าฉินเย่จือคงไม่ยินดีมา

มีคนไม่มากนักที่รู้เรื่องนี้

แต่ทว่าคนที่ปล่อยข่าวลือไม่รู้เรื่องนี้

“ข้าไม่ได้กวนน้ำให้ขุ่น ข้าแค่อยากช่วยพี่ฉิน พี่ฉินทั้งหล่อเหลาและโดดเด่น ถ้าคนผู้นี้ไปอยู่บ้านไหนจะต้องสร้างชื่อได้แน่ เหตุใดจะต้องมาพึ่งพาเจ้า กู้เสี่ยวหวาน เจ้าใช้ข้าวชามหนึ่งหลอกคนมาเป็นวัวและม้าที่บ้านเจ้า ถึงคนอื่นจะเชื่อ แต่ข้าไม่เชื่อ!” กู้ซินเถาพูดเสียงดัง

โอ้ กู้ซินเถาผู้นี้ถึงเป็นพวกเปลือกนอกดูดีข้างในกลวง แต่สมองนี้ยังดีใช้ได้!

กู้เสี่ยวหวานยิ้ม แต่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตาของนาง “อ้อ เจ้าคิดว่าอย่างไร?!”

“พวกเจ้าพี่น้องต้องรวมหัวกันกลั่นแกล้งพี่ใหญ่ฉินที่ตัวคนเดียว โดยกักขังเขาไว้ในบ้านของเจ้าเพื่อเป็นวัวเป็นม้าให้กับครอบครัวของเจ้า ตั้งแต่ข้ามาที่นี่ พวกเจ้าก็พักผ่อนกันหมด…” กู้ซินเถาชี้นิ้วอย่างโกรธเคืองไปที่กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงผิงนางยืนกอดอกออยู่ด้านข้าง ดวงตาดังเมล็ดซิ่งของนางเบิกกว้าง “มีเพียงพี่ใหญ่ฉินเท่านั้นที่ลงมือทำสิ่งต่าง ๆ และตั้งแต่แรกเริ่มทำ เขาก็ยังไม่ได้ดื่มน้ำสักอึก พวกเจ้าช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้ ปล่อยให้คนอื่นทำงานทั้งหมดคนเดียว แต่พวกเจ้ากลับยืนดูอย่างมีความสุขอยู่ข้าง ๆ เจ้า เจ้า เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่!”

คำพูดของกู้ซินเถานั้นชวนสะเทือนใจนัก หลังจากฟังคำพูดเหล่านี้ คนที่ไม่รู้ความจริงก็คงคิดว่าครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานรังแกฉินเย่จืออย่างแน่นอน กู้เสี่ยวหวานหันกลับมามองฉินเย่จือที่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงที่ฝั่งนี้ และยังคงตั้งหน้าตั้งตาขุด แต่การขุดนี้ออกจะเร็วไปหน่อย

ฉินเย่จือผู้นี้ช่างดีนัก นางต้องมาจัดการดอกท้อเน่าที่เกิดจากตัวเขาแทน

กู้เสี่ยวหวานหันกลับมา ใบหน้าของนางดูมืดมนลงกว่าเดิม ก่อนพูดว่า “ข้าแค่ใช้เขาเป็นคนงานระยะยาว ทำไม? เขามาจากครอบครัวของข้า ข้าจะทำอะไรก็ได้ที่ข้าต้องการ ทำไม? เจ้าอิจฉารึ? ถ้าเจ้าอิจฉานัก เจ้าก็ไปหาคนเช่นนี้กลับบ้านไปเป็นวัวเป็นม้าให้เจ้าสิ!”

กู้เสี่ยวหวานพ่นลมหายใจและชำเลืองมองกู้ซินเถาอย่างเย็นชา ไม่สนใจว่าใบหน้าของกู้ซินเถาที่ซีดลงราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อ “เจ้า…เจ้า…เจ้ากล้าดูถูกพี่ใหญ่ฉินเช่นนี้!”

“ข้าไม่ได้ดูถูกเขา บางทีเขาอาจจะมีความสุขก็ได้ เจ้าไม่เห็นรึว่าเขามีความสุขกับการขุด!” กู้เสี่ยวหวานจ้องอีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง “หมาล่าหนู*[1] ระวังเรื่องของตัวเองไว้เถอะ”

หลังจากพูดจบ นางก็พูดกับกู้หนิงผิงว่า “ไปกัน!”

กู้หนิงผิงทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนก้มลงหยิบหน่อไม้ขึ้นจากพื้น และยัดมันเข้าไปในอ้อมแขนของกู้ซินเถา เขามองไปที่กู้ซินเถาที่ตะลึงงัน แล้วพูดอย่างเสียดสีว่า “เอ้า หน่อไม้ของเจ้า เอากลับไปด้วย แล้วอย่าเที่ยวไปพูดมั่วซั่วว่ามาช่วยพวกเราขุดหน่อไม้เล่า!”

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบจอบขึ้นมาจากเท้าของกู้ซินเถาและกระโดดหนีไป

กู้ซินเถาถือหน่อไม้ไว้ในมือของนาง หน่อไม้มีขนยาวรุงรัง เมื่อวางอยู่บนฝ่ามือของนาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารู้สึกน่าขนลุกเพียงใดยามสัมผัส

กู้ซินเถาไม่ต้องการถือมัน แต่ก็ไม่ต้องการโยนทิ้งเช่นกัน ดังนั้นนางจึงเพียงทำได้แค่ห่อหน่อไม้ด้วยผ้าเช็ดหน้าที่ซื้อมาด้วยเงินเกือบหนึ่งตำลึง

เมื่อกู้เสี่ยวหวานกลับมาหาฉินเย่จือ ใบหน้าของฉินเย่จือมีเหงื่อออกเล็กน้อย ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินเข้ามา เขาก็คลี่ยิ้มทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มเอาใจ “ได้รับชัยชนะกลับมาแล้วรึ?”

สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานยังคงดูโมโห นางจ้องไปที่ฉินเย่จืออย่างดุร้ายและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ดอกท้อเน่าที่เจ้าชักนำมา ข้ายังต้องจัดการให้เจ้าอีก!”

ใบหน้าของฉินเย่จือเต็มไปด้วยความข้องใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดรึ ข้ามิอาจชอบคนที่เจ้าไม่ชอบ ไม่ว่าใครจะต้องผ่านเจ้าไปก่อน!”

“เจ้า…” กู้เสี่ยวหวานถูกฉินเย่จือสกัดจนไม่อาจพูดต่อได้ ดวงตาดังเมล็ดซิ่งเบิกกว้าง นางจ้องไปที่ฉินเย่จืออย่างโกรธจัด คิ้วของนางกระตุกเล็กน้อย ทั้งยังหงุดหงิดและจนใจ ทางฝ่ายฉินเย่จือดูเหมือนว่ามีความสุขยิ่ง

นางไม่ได้คาดหวังว่าฉินเย่จือจะใช้คำพูดของนางมาอ้าง แต่เมื่อคิดดูแล้ว สิ่งที่เขาพูดก็ถูก นางพูดก่อนว่าฉินเย่จือสามารถชอบคนที่นางชอบได้เท่านั้น ดังนั้นจึงดีกว่าถ้าปล่อยให้นางตรวจดูก่อน

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเหมือนถูกหลอก “ข้าบอกเจ้าว่าอย่าหาสะใภ้ที่ข้าไม่ชอบมา ไม่ใช่ให้ข้าจัดการกับดอกท้อให้เจ้า!”

“แตกต่างกันหรือ?” ดวงตาเรียวยาวดุจหงส์ของฉินเย่จือกะพริบปริบราวกับว่าเขาไม่เข้าใจ ก่อนจะยักไหล่ด้วยสีหน้าเหมือนอันธพาล

กู้เสี่ยวหวานถูกทำให้สำลักด้วยคำพูดที่จริงจังของฉินเย่จือ

ฉินเย่จือมองดูกู้เสี่ยวหวานทำหน้าบึ้งและไม่พูดไม่จา ซึ่งเมื่อเขาเห็นท่าทางของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็คิดว่านางดูน่ารักยิ่งนัก

ฉินเย่จืออดไม่ได้ที่จะงอนิ้วชี้แล้วเกาเบา ๆ ที่สันจมูกของกู้เสี่ยวหวาน ก่อนถามด้วยรอยยิ้มเอาใจ “อะไรกัน? เจ้าโกรธจริง ๆ หรือ?”

กู้เสี่ยวหวานมุ่ยปากอย่างมิอาจปิดบังความคับแค้นใจได้มากกว่านี้อีก แต่เมื่อเห็นพฤติกรรมสนิทสนมของฉินเย่จือ นิ้วชี้ที่เป็นเหมือนเวทมนตร์เกาบนสันจมูกของนาง ใบหน้าที่หล่อเหลาของฉินเย่จือสะท้อนในดวงตาของนางอย่างไม่สิ้นสุด กู้เสี่ยวหวานสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนมองไปที่ฉินเย่จือเหมือนเห็นปีศาจ

ฉินเย่จือดีใจมากเมื่อได้เห็นท่าทางตกตะลึงของกู้เสี่ยวหวาน

เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าผู้หญิงคนอื่นมองเขาเหมือนภูตพราย เขาจะต้องโกรธแน่นอน

ทว่ากู้เสี่ยวหวานมองเขาเช่นนี้ ในใจของฉินเย่จือยังรู้สึกพึงพอใจอีกด้วย

“โอ้ ปากของเจ้าสามารถแขวนขวดน้ำมันได้แล้ว!” ฉินเย่จือพูดแกล้งหยอกกู้เสี่ยวหวานต่อ

กู้เสี่ยวหวานกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้นรู้ว่าเมื่อครู่นางเผลอไผลไป นางก็แอบสาปแช่งสัตว์ประหลาดในหัวใจของตนเอง ใบหน้าของนางแดงไปถึงใบหู

ฉินเย่จือมีความสุขอีกครั้ง ทว่าเขาไม่กล้าที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ ถ้าตนกวนใจนางอีก เขาอาจต้องเจอปัญหาเข้าแล้วจริง ๆ

เมื่อเห็นท่าทางที่อวดดีของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานแค่อยากจะโต้แย้ง แต่นางไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร

*[1] ทำเกินหน้าที่