บทที่ 359 เหลนน้อย (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 359 เหลนน้อย (1)

แม่นางเหยาตกใจกับการเสียงโครมครามที่ดังต่อเนื่องกันจนลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้

เมื่อครู่นี้นางไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียวแท้ๆ เหตุใดเอ่ยจบปุ๊บก็มีคนปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศมากมายเพียงนี้เล่า

ตอนไม่มาก็ไม่มีอะไรหรอก พอมาก็มากันมากมายไปหมด นี่นัดกันไว้หรือไร

ไหนจะกู้ฉังชิงกับหญิงชราที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่อีก แต่นั่นก็แล้วไปเถิด คนหนึ่งมาเยี่ยมแฝด อีกคนมาเล่นไพ่ แต่กู้เฉิงเฟิงน่ะมาทำอะไรกัน

เขาปีนกำแพงบ้านพวกนางมาทำอะไร

แม่นางเหยาตกอกตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ

ทั้งห้าคน ณ ทีนี้ก็ไม่รู้ว่าใครกระอักกระอ่วนที่สุด เป็นสี่คนที่ได้ยินความลับอันใหญ่หลวงโดยไม่ได้ตั้งใจเข้า หรือว่าเซียวลิ่วหลังที่เป็นคนอยู่ในวังวนความลับ แต่ไม่ว่าอย่างไรทั้งห้าคนนี้ก็มีสีหน้าแตกต่างกันออกไป ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมาเนิ่นนานทีเดียว

บรรยากาศกระอักกระอ่วนขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายก็เป็นกู้เฉิงเฟิงที่คันจมูกยุบยิบ ทนไม่ไหวจามออกมาหนักๆ เรียกได้ว่าทำลายความเงียบงันอันแปลกประหลาดในลานบ้านไปจนหมดสิ้น

“คือว่า…กู้…” จวงไทเฮาหมายจะเรียกกู้ฉังชิง แต่จู่ๆ ก็นึกชื่อเขาไม่ออก ในสมองเต็มไปด้วยเด็กหนุ่มคนนี้กินเงินนางไป น่าโมโหนัก!

กู้ฉังชิงได้สติคืนมา เขาหันไปคำนับให้จวงไทเฮาที่แต่งตัวเป็นหญิงชรา แต่ไม่ได้เปล่งเสียงเรียกไทเฮาออกมา อย่างไรเสียก็ปลอมตัวออกมา เกรงว่ากำแพงมีหูประตูมีตาจะได้ยินฐานันดรนางเข้า

“หืม” จวงไทเฮาส่งสายตามองไปยังโหลผลไม้เชื่อมบนพื้น

กู้ฉังชิงเข้าใจในทันใด เขาข่มความเจ็บตรงหน้าผาก ยกโหลผลไม้เชื่อมขึ้นมาจากพื้น โชคดีที่ทำมาจากเหล็ก จึงไม่แตก

จวงไทเฮาหอบกล่องผลไม้เชื่อมสุดที่รักของตัวเองเดินเข้าเรือนไปด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง

จะไม่ให้ยุ่งเหยิงได้อย่างไร

เหลนชายน้อยๆ ที่เฝ้ารอคอยมาเนิ่นนาน ที่แท้ก็ไม่มีแม้แต่เงา!

นี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าเหตุใดเหลนน้อยของนางถึงไม่มาเสียทีอย่างนั้นหรือ ใจสลายนัก!

สายตาทั้งซับซ้อนและเศร้าโศกของนางมองไปที่ร่างเซียวลิ่วหลัง ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนลงมาจากศีรษะไปยังตรงนั้นที่ไม่สามารถพูดออกมาตรงๆ ได้

ไม่ใช่ว่าไม่เคยร่วมห้องร่วมหอกันเสียเมื่อไร หรือว่าเขาจะใช้การไม่ได้

เซียวลิ่วหลังขนหัวลุกพรึบ สายตาอะไรของท่านน่ะ…

ทว่าไม่ได้มีแต่สายตาของจวงไทเฮาเท่านั้น แม้แต่จี้จิ่วอาวุโสก็ยังเอากับเขาด้วย แววตาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อเซียวลิ่วหลัง

ในฐานะบุรุษนั้น แบบนี้ค่อนข้างหน้าขายหน้าไม่น้อย

เดิมคิดว่าแค่ขาข้างหนึ่งเจ้าบาดเจ็บเท่านั้น!

เซียวลิ่วหลังชักจะอยู่ไม่สุขแล้ว เขากำลังประมวลผลว่าปานบนใบหน้ากู้เจียวเป็นจุดแดงพรหมจรรย์ไปได้อย่างไร แต่ดันมาโดนคนอื่นดูแคลนแกมเวทนาเสียอย่างนั้น…จะเริ่มอธิบายจากตรงไหนดี!

แม่นางเหยาเห็นสีหน้าสุดจะบรรยายของทุกคน ก่อนจะหันไปมองเซียวลิ่วหลังที่เหมือนกลืนยาขม คิดในใจว่า นางต้องอธิบายเหตุผลที่แต้มจุดแดงพรหมจรรย์หรือไม่ ยังมีใครอยากฟังหรือไม่

เอ่อ ช่างเถิด อธิบายดีกว่า

แม่นางเหยาเอ่ย “หมอตำแยที่ผดุงครรภ์ข้าแต้มจุดพรหมจรรย์ไม่เป็น ซ้ำยังไม่กล้าบอกว่าแต้มไม่เป็นอีก กลัวว่าพวกเราจะให้เงินนางไม่เยอะ จึงไปขอร้องเจ้าอาวาสวัด ไหนเลยจะรู้ว่าเจ้าอาวาสคืนนั้นดื่มหนักไปหน่อย ไม่ทันระวังมือสั่นไปแต้มบนหน้าเจียวเจียวเข้า…และเพราะ ‘ตำหนิที่มีมาแต่กำเนิด’ นี้จึงทำให้พวกคนรับใช้ที่ไปอุ้มเด็กมาเข้าใจผิดว่าเจียวเจียวไม่ใช่ลูกที่ข้าคลอดออกมา จิ่นอวี๋ที่ไม่มีตำหนิต่างหากที่เป็นลูกข้า…”

แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปนานมากแล้ว แต่ทุกคราที่เอ่ยถึงแม่นางเหยาก็ยังอดรู้สึกปวดใจและเสียดายไม่ได้

นางไม่รู้ว่าควรโทษใครกันแน่ นางไม่ควรคลอดลูกระหว่างทางหรือว่าไม่ควรไปหาหมอตำแยชาวบ้านคนนั้นดี…

แม่นางเหยากำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์เสียใจและถือโทษโกรธตัวเอง แต่คนอื่นๆ ในลานบ้านกลับไม่ได้อยู่ในอารมณ์เดียวกันกับนางเลยสักนิด

ในหัวของทุกคนต่างมีแค่ประโยคนี้ ‘แต้มจุดพรหมจรรย์ ไม่ได้ร่วมหอ’

กู้เฉิงเฟิงเอื้อมมือไปโอบไหล่เซียวลิ่วหลัง “น้องชาย บอกตรงๆ นะ เจ้ามีความลับอะไรที่บอกไม่ได้ใช่หรือไม่”

เซียวลิ่วหลังหน้าตึงขึ้นมา “…”

กู้เจียวออกไปตรวจคนไข้แล้ว ยุ่งงานจนมืดค่ำกว่าจะได้กลับมา

พอนางก้าวเข้าเรือนมาก็เห็นผู้อาวุโสในบ้านนั่งกันอยู่ในห้องโถงพร้อมหน้าพร้อมตา ท่านย่ากับท่านปู่ก็อยู่ คราก่อนที่สองคนนี้นั่งด้วยกันก็เป็นเมื่อคราที่ฮ่องเต้มาพักรักษาตัวที่ตรอกปี้สุ่ย แต่ต่างฝ่ายต่างนั่งแยกกันไม่พูดไม่จา

เป็นครั้งแรกเลยที่กู้เจียวได้เห็นความปรองดองของทั้งคู่ตั้งแต่ท่านย่าความทรงจำกลับคืนมา

กู้ฉังชิงกับกู้เฉิงเฟิงก็มากับเขาด้วย

“เจ้ามาทำไมรึ” กู้เจียวถามกู้เฉิงเฟิง

กู้ฉังชิงมุมปากหยักยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่อาจสังเกตเห็นได้ ดูท่าแล้วในใจน้องสาวนั้น พี่รองที่ร่วมร่ำสุรากับนาง ขี่ม้ากับนาง ปาหินลงน้ำกับนางจะไม่ได้สลักสำคัญเท่าใดนัก จะมาตรอกปี้สุ่ยตามอำเภอใจไม่ได้

กู้เฉิงเฟิงแค่นเสียงขึ้นจมูก ก่อนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าคิดว่าข้าอยากมาหรือไร ยาปลูกผมของเฉิงหลินหมดแล้วต่างหากล่ะ!”

กู้เจียวส่งเสียงอ๋อออกมา หมู่นี้ยุ่งจนหัวหมุนนัก ลืมเจ้าหัวล้านน้อยอย่างกู้เฉิงหลินไปเลย

“เจ้ารอเดี๋ยวนะ” กู้เจียวเก็บตะกร้าน้อยไว้ที่ห้องฝั่งตะวันออก แล้วหยิบกล่องยาออกมาจากด้านใน เปิดฝากล่องออก เห็นยาปลูกผมกล่องหนึ่งเพิ่มขึ้นมาจากในนั้นจริงๆ ด้วย

กล่องยาน้อยไม่เพียงแต่สามารถวินิจฉัยยาที่คนไข้ต้องการได้เท่านั้น ยังสามารถจดจำระยะของโรคและปริมาณยาของคนไข้ได้ด้วย มีประโยชน์ไม่น้อย แต่ว่า…ไม่ต้องมีของแปลกๆ ปรากฏขึ้นมาอีกจะดีที่สุด

กู้เจียวถือยาปลูกผมออกมายื่นให้กู้เฉิงเฟิง “เอาไปสิ ร้อยตำลึง”

กู้เฉิงเฟิงเดือดดาลขึ้นมาทันที “ยากล่องเล็กแค่นี้เจ้าคิดข้าร้อยตำลึงเชียวรึ หน้าเลือดเกินไปแล้ว!”

กู้เจียวเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ราคาญาติมิตรเลยนะ!”

ให้ราคาญาติมิตรกับเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ คนอื่นมาคิดหนึ่งตำลึง!

กู้เฉิงเฟิงล้วงเอาตั๋วเงินออกมาอย่างไม่ยินดีเลยสักนิด

กู้เจียวรับมาไว้อย่างปลาบปลื้ม

ทุกคนพลันมองนางกันทันที

กู้เจียวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ตั้งแต่เข้าเรือนมา ยามนี้ยิ่งแปลกขึ้นเรื่อยๆ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ พากันมองข้าเช่นนี้กันหมด” นางถามขึ้น

“นายหญิง นายหญิง!” อวี้หยาร์ใช้ถาดยกน้ำแกงบำรุงร่างกายเดินมาหา “น้ำแกงที่ท่านต้องการตุ๋นเสร็จแล้วเจ้าค่ะ!”

อวี้หยาร์วางน้ำแกงบำรุงร่างกายไว้บนโต๊ะ ชามยาดำปี๋เห็นแล้วเหมือนที่เซียวลิ่วหลังเคยต้มยิ่งนัก

จวงไทเฮาดันถ้วยยามาตรงหน้ากู้เจียว “ดื่มเสียสิ ต้มให้เจ้าโดยเฉพาะเลยนะ หมู่นี้เจ้าเหนื่อยไม่น้อย ผอมลงไปตั้งเยอะ ต้องบำรุงร่างกายให้มากๆ”

นางเอ่ยทั้งประโยคหน้านิ่ง ไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย

ทุกคนลอบยกนิ้วโป้งให้จวงไทเฮา ถึงอย่างไรท่านก็คือยอดฝีมืออยู่วันยังค่ำ

“อ๋อ” แม้ว่าดูแล้วจะไม่ค่อยน่าดื่มเท่าใดนัก แต่กู้เจียวไม่เลือกกิน ในเมื่อคนในครอบครัวตระเตรียมไว้ให้นางโดยเฉพาะ เช่นนั้นนางก็จะไม่ยอมให้สูญเปล่า

กู้เจียวถือถ้วยน้ำแกงขึ้นมาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ก่อนจะดื่มอึกๆ จนหมด

“แหวะ…”

ขมปี๋เลย!

กู้เจียวแทบจะอ้วกออกมา!

ทุกคนหันพรวดไปมองจวงไทเฮา ยาต้มถ้วยนี้ไม่มีปัญหาจริงๆ ใช่หรือไม่

จวงไทเฮาแค่นเสียงเฮอะออกมา จะไปมีปัญหาได้อย่างไร ตำรับเสริมชี่บำรุงหยินเชียวนะ สูตรดั่งเดิมยาวนานกว่าสามสิบปีเชียวนะ!

สนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อนต่างดื่มน้ำแกงบำรุงชนิดนี้กันทั้งนั้น ดังนั้นร่างกายจึงเต่งตึงยิ่งกว่ากระบองทั้งแท่ง!

กู้เจียวอยากอาเจียนจะตายอยู่แล้ว นางกุมหน้าอกไว้ ก่อนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พอกวาดตามองไปโดยไม่ได้ตั้งใจดันพบว่าคนทั้งโต๊ะพากันหันมามองนางกันโดยพร้อมเพรียง

นางกะพริบตาปริบๆ ก่อนโคลงศีรษะน้อยๆ “ไอ้หยา ข้าคงไม่ได้ตั้งครรภ์แล้วหรอกกระมัง”

เซียวลิ่วหลังที่อยู่ภายในห้องหนังสือได้ยินประโยคนี้เข้าก็พ่นน้ำชาพรวดออกมาทันที…

สีหน้าของทุกคนต่างกระตุก ปากว่าตาขยิบเช่นนี้ ขอถามหน่อยเถอะเจ้าทำได้อย่างไร

“เหตุใดจึงพากันมองข้าเช่นนี้เล่า” กู้เจียวถาม

“เจ้าเข้าหอหรือยัง” กู้เฉิงเฟิงย้อนถามไปตรงๆ

กู้ฉังชิงเตะขาเขาใต้โต๊ะไปทีหนึ่ง

กู้เจียวไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองจะเพลี่ยงพล้ำจนไม่กู่ไม่กลับเสียแล้ว นางยืดหน้าอกน้อยๆ ขึ้น ก่อนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “จะไม่ได้เข้าหอได้อย่างไรเล่า ต้องเข้าแล้วสิ! หรือบนหน้าข้าเขียนไว้ว่าข้าเป็นสาวพรหมจรรย์อย่างนั้นรึ”

ทุกคนมองจุดแดงพรหมจรรย์ของนาง ใช่น่ะสิ!!!

กู้เจียว “…”

เซียวลิ่วหลังทนฟังต่อไปไม่ไหว เขาอยากจะใช้ตำรากลบฝังตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอด!

มีพี่ชายน้องสาวเช่นนี้ด้วยรึ คนหนึ่งกล้าถาม อีกคนก็กล้าตอบ ไม่อายกันบ้างหรือไร!

“เจียวเจียว! เจียวเจียวอยู่หรือไม่ เสี่ยวเป่าท้องร่วง! ไปดูเขาหน่อยได้หรือไม่” เสียงร้อนรนของตาเฒ่าจ้าวลอยมาจากหน้าประตู ขัดบทสนทนาที่แทบจะทะเลาะกันเอาไว้

กู้เจียวไปดูจ้าวเสี่ยวเป่าที่อยู่บ้านข้างๆ

จวงไทเฮาโบกมือไปมา ก่อนเอ่ยขึ้น “เอาละ แยกย้ายกันดีกว่า อวี้หยาร์ น้ำแกงนี้เจ้าต้มให้เจียวเจียวทุกๆ สามวันนะ ต้องดูจนนางกินหมดด้วย”

อวี้หยาร์ขานรับ “เจ้าค่ะ”

กู้ฉังชิงเดิมทีมาเยี่ยมแฝด จนใจที่วันนี้กู้เหยี่ยนกับกู้เสี่ยวซุ่นไปพักกับทางอาจารย์หลู่อีกแล้ว กู้ฉังชิงจึงต้องกลับด้วยกันกับกู้เฉิงเฟิงอย่างช่วยไม่ได้

“แค่กๆ ขะ…ข้าก็ขอตัวเช่นกัน ข้าจะไปดูหน่อยว่าจิ้งคงทำการบ้านไปถึงไหนแล้ว” จี้จิ่วอาวุโสกลับไปบ้านข้างๆ คืนนี้เสี่ยวจิ้งคงทำการบ้านอยู่ที่บ้านเขา

ส่วนจวงไทเฮาไปที่ห้องฝั่งตะวันตกที่เป็นห้องของเซียวลิ่วหลังกับเสี่ยวจิ้งคง

ฉินกงกงสาวเท้าเดินตามไป “ไทเฮา”

จวงไทเฮามองเตียงหลังนั้น ก่อนเรียกยอดฝีมือของวังหลวงที่ติดตามมาด้วยให้มาหา แล้วชี้ไปที่เตียงพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม “ผ่ามันซะ!”

ยอดฝีมือจากวังหลวง “…”

ฉินกงกง “…”

หลังจากเสียงดังกระหึ่มดังขึ้น จวงไทเฮาก็กระวีกระวาดวิ่งออกมาจากห้องตะวันตก “ไอ้หยา! เจียวเจียว! ฉินกงกงกับเสี่ยวเติ้งจื่อทะเลาะกัน! ทำเตียงพังหมดเลย!”

ฉินกงกงตัวสั่นไปทั้งร่าง

เขาไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ!

อีกอย่างนะ ทะเลาะอะไรกันจึงได้ทำเตียงพังได้ ประโยคนี้ฟังแล้วแปลกยิ่งนัก!

กู้เจียวไม่ได้มาตามเสียงตะโกนของจวงไทเฮา กลับเป็นเสี่ยวจิ้งคงที่วิ่งมาก่อน

เขาเพิ่งทำการบ้านเสร็จ ได้ยินท่านย่าบอกว่าเตียงพัง เด็กตัวน้อยวัยกำลังสนใจใคร่รู้จึงไปดูว่าเป็นเตียงใครที่พัง

“ที่แท้ก็เป็นเตียงข้านี่เอง…”

เจ้าเด็กน้อยเท้าเอวยืนอยู่หน้าเตียงที่พัง ก่อนจะมึนงงอยู่กับที่หลายวินาที

จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมายกใหญ่

ดียิ่งนัก!

เตียงเขาพังแล้ว คืนนี้ไม่มีที่นอนเสียแล้ว คงต้องไปเบียดกับเจียวเจียวแล้วล่ะ!

“พี่เขย พี่เขย ข้าอยากอาบน้ำ!”

เขาจะอาบน้ำอาบท่าให้ตัวเองสะอาดสะอ้านหอมฉุยเลย แล้วค่อยไปเอกเขนกบนเตียงเจียวเจียว

หนึ่งเค่อต่อมา เณรน้อยรูปงามก็ออกจากอ่างน้ำ เปลี่ยนเป็นชุดนอนแห้งสะอาด ทั้งร่างหอมฟุ้ง

“ไปนอนกับเจียวเจียวได้แล้ว!”

เขากระโดดโลดเต้นไปห้องตะวันออก

สุดท้ายเท้าน้อยๆ ยังไม่ทันเหยียบเข้าไปก็ถูกจวงไทเฮาหิ้วตัวขึ้นมา

จวงไทเฮา “คืนนี้เจ้ากลับวังไปกับข้า”

ร่างน้อยๆ ของเสี่ยวจิ้งคงสั่นขึ้นมาทันที “เพราะเหตุใดเล่า”

จวงไทเฮา “ข้าเหงาน่ะ”

เสี่ยวจิ้งคงต่อต้านหนักแน่น “ข้าจะนอนกับเจียวเจียว!”

จวงไทเฮาปฏิเสธด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ไม่ได้ หากนอน ข้าจะไม่ได้เหลนน้อย ข้าจะเอาเหลนน้อย”

เสี่ยวจิ้งคงแขนขาดีดดิ้นอยู่กลางอากาศ ก่อนเอ่ยประท้วงอย่างน้อยอกน้อยใจ “เหตุใดต้องอยากได้เหลนด้วยเล่า ข้าไม่น่ารักหรือ”

เจ้าหนูจำไมเข้าร่างอีกแล้ว จวงไทเฮาเถียงแพ้เขา จึงไม่พูดมันดีกว่า นางหิ้วเขาออกจากเรือนมาขึ้นรถม้าทันทีฃ