ภาค 3 บทที่ 114 ให้ข้าพูดต่อหน้าผู้คน

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 114 ให้ข้าพูดต่อหน้าผู้คน
Ink Stone_Romance
ก่อนหน้านี้ยามข่าวคุณชายหนิงได้เป็นจอหงวนส่งกลับมา ทั้งอำเภอจัดงานฉลอง แต่สำหรับชาวบ้านหยางเฉิงแล้ว คุณชายหนิงได้เป็นจอมหงวนเป็นเรื่องที่สมควรเกิดขึ้น สุดท้ายความตื่นเต้นยินดีจึงน้อยลงอยู่บ้าง

แต่หลังจากนั้นยังมีอีกข่าวหนึ่งแพร่กระจายช้าๆ

คุณชายสิบหนิงกับคุณหนูจวินหมั้นกันที่เมืองหลวง

“หมั้นกันอะไร พวกเขาเดิมทีก็มีสัญญาหมั้นกันอยู่แล้วเถอะ” มีคนเอ่ย

นี่ก็ใช่

ตอนนั้นเด็กสาวกำพร้าจากฝู่หนิงมาถึงหยางเฉิง ฉับพลันร้องโวยวายว่ามีสัญญาหมั้นโถมเข้าใส่คุณชายสิบหนิง

คุณชายสิบหนิงเชียวนะ นั่นเป็นถึงสมบัติล้ำค่าของทั้งหยางเฉิง สตรีเท่าไรหัวใจปรารถนาเขาแต่อับอายที่ตนเทียบไม่ได้ไม่กล้าล่วงเกิน

เด็กสาวประหลาดที่ผิดผู้ผิดคนการกระทำไร้การอบรมคนนี้ถึงกับจะมาเป็นภรรยาของคุณชายสิบหนิง ทนไม่ได้จริงๆ

ตระกูลหนิงก็ทนไม่ได้ คุณชายสิบหนิงก็ทนไม่ได้ ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา ในที่สุดก็ถอนหมั้นแล้ว จากนี้สองฝ่ายไม่ข้องเกี่ยวไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป

ทำไมอยู่ดีๆ ก็บอกว่าจะหมั้นกันอีกแล้ว?

“หรือว่าเพราะเรื่องของตระกูลฟาง”

“คุณหนูจวินแต่งงานกับนายน้อยฟางเป็นเรื่องหลอก ดังนั้นสัญญาหมั้นของคุณชายสิบหนิงที่ยกเลิกก็เป็นเรื่องหลอกเหมือนกันงั้นสิ”

“ไม่เช่นนั้นสองคนจะคนหนึ่งก่อนคนหนึ่งหลังไปเมืองหลวงรึ”

“คุณหนูจวินไปเมืองหลวงอยู่เป็นเพื่อนคุณชายหนิงสอบจอหงวนนี่เอง”

“สอบจอหงวนได้แล้ว ทั้งสองคนก็แต่งงานกันได้แล้ว”

นี่ฟังดูแล้วชายรักหญิงมีใจจริงๆ

แต่ก็มีคนแสดงออกว่าคัดค้าน

“พูดเหมือนเจ้าเห็นกับตาเองเลยนะ”

“คุณหนูจวินไปเปิดโรงหมอที่เมืองหลวง เพื่อสร้างชื่อเสียงให้โรงหมอจิ่วหลิงของตระกูลชัดๆ แค่บังเอิญอยู่ที่เมืองหลวงด้วยก็เท่านั้น”

“ใช่แล้ว คุณชายสิบหนิงอยู่ที่กั๋วจื่อเจี้ยนไหนเลยต้องให้คุณหนูจวินอยู่เป็นเพื่อน”

สรุปก็คือทะเลาะกันขึ้นมาใครก็บอกได้ไม่ชัด ตระกูลหนิงที่นั่นก็ถามหนึ่งสองสามออกมาไม่ได้ แม้คุณชายสิบหนิงกลับมาแล้ว แต่นายหญิงใหญ่หนิงล้มป่วย คุณชายสิบหนิงจึงปิดประตูดูแลไม่พบแขก ไม่มีใครถามไถ่สืบข่าวจากเขาจริงๆ ได้

ตอนนี้คุณหนูจวินกลับมาแล้ว คุณหนูจวินเพิ่งกลับมา เมื่อวานเพิ่งกลับมา คุณชายสิบหนิงที่ปิดประตูไม่ออกมาวันนี้ก็มาโผล่ที่หน้าประตูตระกูลฟาง

นี่คืออะไร?

นี่คือบังเอิญผ่านทางหรือ?

สาวใช้เรียกท่านเขยคำหนึ่ง ถามว่ามาหาคุณหนูจวินใช่หรือไม่ประโยคหนึ่ง คุณชายสิบหนิงจะตอบอย่างไร?

คนทั้งหมดหัวใจขึ้นมาจุกที่คอ ดวงตาจ้องคุณชายสิบหนิงเขม็ง

ปริศนาเนิ่นนานกำลังจะถูกไขแล้ว! กำลังจะเปิดเผยแล้ว!

สายตาประหนึ่งไฟนี่ เสี่ยวติงถูกมองจนอดไม่ได้หดคอ หนิงอวิ๋นเจาด้านหลังร่างเขากลับยิ้ม ก้าวเข้ามาก้าวหนึ่ง

“ใช่แล้ว” เขาเอ่ย มองหลิ่วเอ๋อร์ “คุณหนูจวินอยู่ไหม?”

ไม่รอหลิ่วเอ๋อร์ตอบคำ ชาวบ้านรอบด้านก็ร้องโอ้ เอะอะขึ้นมา

มาหาคุณหนูจวินล่ะ!

คุณชายสิบหนิงมาหาคุณหนูจวินล่ะ!

จอหงวนหนิงมาหาคุณหนูจวินคู่หมั้นของเขาล่ะ!

เสี่ยวติงถูกเสียงเอะอะนี่ทำตกใจหวิดนั่งลงไปกับพื้น

เขารู้อยู่แล้วเชียวที่ๆ คุณชายไปต้องชักนำความคึกคักมาแน่ ดังนั้นถึงออกความเห็นให้คุณชายหลบไป มีสิ่งใดจะพูดเชิญคุณหนูจวินอออกมาหลบผู้คนพูดกันเงียบๆ เลี่ยงไม่ให้ถูกคนมุงดู

น่าเสียดายแต่กันแล้วกันเล่าก็ยัง…

“ท่านเขย คุณหนูของข้าอยู่เจ้าค่ะ” เสียงของหลิ่วเอ๋อร์ยังคงดังกังวานท่ามกลางเสียงเอะอะนี้ “คุณหนูกำลังรอท่านอยู่เลย”

คำพูดนี้ทำให้ชาวบ้านรอบด้านเอะอะขึ้นอีกครั้ง

สำรวมหน่อยเถอะ แม่นาง เสี่ยวติงอดไม่ได้กุมขมับ

เรื่องมาถึงตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเชิญคุณหนูจวินออกมาพบหน้ากันลับๆ แล้ว นี่หากเชิญออกมาก็คงไม่ลับแล้ว ดูคนพวกนี้ คาดว่าคนทั้งหยางเฉิงล้วนมามุงดูหมดสิ้น

หนิงอวิ๋นเจาได้หลิ่วเอ๋อร์กระตือรือร้นนำทาง เดินเข้าประตูใหญ่ตระกูลฟางไปท่ามกลางสายตาตื่นเต้นของบรรดาชาวบ้าน

ยามเฝ้าประตูตระกูลฟางก็ถูกสถานการณ์นี้ทำให้ตกใจไปแล้ว นิ่งอึ้งมองหลิ่วเอ๋อร์นำคนเข้ามา

“เรื่องนี้ แจ้งสักหน่อยเถอะ” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย

หลิ่วเอ๋อร์ร้องเหทีหนึ่ง

“แจ้งอะไรเล่า ท่านเขยท่านมาจะแจ้งอะไรเล่า” นางเอ่ย “รีบเข้ามาเถอะ”

พูดพลางก็มองไปทางด้านหน้าร้องเอ๋ทีหนึ่ง

“ดู พวกนางก็มาต้อนรับแล้ว”

นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางที่เดินเข้ามาหน้าดำทันที

ต้อนรับกับผีน่ะสิ!

สาวใช้น่าตายคนนี้เหลวไหลจริงๆ นานขนาดนี้ทำไมการพัฒนาสักนิดก็ไม่มี จะทำให้ตนเองกับตระกูลฟางเสียหน้าหมดสิ้นอีกแล้ว

หนิงอวิ๋นเจาก้าวเข้ามาคำนับ

“นายหญิงผู้เฒ่า นายหญิงใหญ่ฟาง พบหน้าครั้งแรก รบกวนแล้ว” เขาเอ่ย สีหน้าสำรวม ท่าทีเคารพ ทั้งยังท่าทางสง่างามไม่มีความอึดอัด

พบหน้าครั้งแรก

เป็นการพบหน้าครั้งแรกจริงๆ แม้เป็นคนบ้านเดียวกัน ในฐานะร้านแลกเงิน ตระกูลฟางกับตระกูลหนิงย่อมมีการไปมาหาสู่ติดต่อกัน นายท่านใหญ่หนิงก็เคยพบกันอยู่ แต่ที่สุดเพราะขุนนางกับพ่อค้าฐานะต่างกัน ทั้งหนิงอวิ๋นเจาเรียนหนังสืออยู่ตลอดด้วย จึงไม่ได้ติดต่อกันเรื่องอื่น

ต่อมาก็มีเรื่องสัญญาหมั้นของจวินเจินจิน ได้พบกับนายหญิงใหญ่หนิงแล้ว เพียงแต่การพบหน้านี้ไม่น่าพอใจ หนิงอวิ๋นเจาก็ไม่ได้โผล่มาเยี่ยมเยือนญาติผู้ใหญ่อะไร

หลังจากนั้นอีกตระกูลหนิงกับเต๋อเซิ่งชางกระทั่งกิจการการค้าก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก สองตระกูลเห็นชัดว่าตัดขาดไม่คบหากันอีกแล้ว

คิดไม่ถึงหลังเลิกคบหากัน จะมีหนิงอวิ๋นเจามาเยือนประตูคำนับในฐานะคนรุ่นหลัง

นี่นับว่าโชคชะตาเปลี่ยนผันใช่หรือไม่?

หากเป็นหนึ่งปีก่อนหน้า บางทีนางอาจดีใจกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้หรือ…

“ท่านเขย ท่านเขย ไปพบคุณหนูเถอะ” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยเร่งอยู่ด้านข้าง

ท่านเขย ท่านเขย ไม่ใช่แค่เรื่องหลอกรึ? เรียกสนิมสนมเช่นนี้ทำอะไร

ถ้าพูดเช่นนี้ หลายชายของนางก็เป็นท่านเขยเหมือนกัน

นายหญิงผู้เฒ่าฟางไม่ต้องการปิดบังอารมณ์ตนเอง หน้าบึ้งมองเขา

นายหญิงใหญ่ฟางยังคงเก็บซ่อนอารมณ์ตนเองอยู่ ยิ้มคำนับกลับ

“คุณชายหนิง” นางเอ่ย

“ไปพบ…” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยอีกครั้ง

คำพูดยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกนายหญิงผู้เฒ่าฟางขัดอย่างไม่พอใจ

“เจ้ายังอยู่ที่นี่ทำอะไร? ยังไม่ไปเชิญคุณหนูของเจ้า” นางเอ่ย มองไปทางหนิงอวิ๋นเจาอีกครั้ง “อ้อ ลืมถามไปเลย คุณชายหนิงมาหาใครหรือ?”

หนิงอวิ๋นเจาเหมือนมองไม่เห็นสีหน้าของนายหญิงผู้เฒ่าฟาง สีหน้ายังคงอ่อนโยนแล้วก็ไม่มีความอึดอัดสักนิดด้วย ได้ยินคำพูดก็ยิ้ม

“ผู้เยาว์มาหาคุณหนูจวิน” เขาเอ่ยตรงไปตรงมา

“อ้อ…ถ้าอย่างนั้นเชิญด้านใน” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ย ถลึงตาให้หลิ่วเอ๋อร์อีกทีหนึ่ง “ยังไม่ไปเชิญคุณหนูของเจ้าอีก”

หลิ่วเอ๋อร์ไม่เกรงใจถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง

ดุอะไรเล่า

นางเหอะทีหนึ่งสะบัดมือก้าวไวๆ เดินไปด้านใน

“คุณชายหนิง เชิญด้านนี้” นายหญิงใหญ่ฟางยิ้มเสียงอ่อนโยนเอ่ย

หนิงอวิ๋นเจาคำนับอีกครั้ง ตอนนี้ถึงก้าวเดินตามนางไป

ด้านในเต๋อเซิ่งชาง ผู้ดูแลเกาที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ดูแลใหญ่อันดับสองรับสมุดบัญชีที่ผู้ดูแลส่งมา แล้วหมุนตัวส่งให้ฟางเฉิงอวี่

ฟางเฉิงอวี่นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะ มือค้ำคาง ไม่ได้อ่านสมุดบัญชี แต่กำลังเหม่อลอย

ท่าทางเป็นเช่นนี้มานานสักพักหนึ่งแล้ว

นายน้อยทำไมใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนะ? นี่เห็นน้อยครั้ง

บรรดาผู้ดูแลกับผู้ดูแลใหญ่ในห้องต่างมองตากัน ผู้ดูแลใหญ่เกากลับมีท่าทางเข้าใจ

“นายน้อย สมุดบัญชีวันนี้ข้าล้วนดูหมดแล้ว” เขาเอ่ย “ยังมีส่วนหนึ่งยังไม่ส่งมา ไม่สู้ท่านกลับไปก่อน หลังเที่ยงข้าจะส่งไปให้ที่บ้าน”

ฟางเฉิงอวี่ขานอืมทีหนึ่งนั่งตัวตรง

“ก็ดี” เขาเอ่ย ดวงตาสว่างไสว พูดจบก็ลุกขึ้น

เด็กรับใช้สองคนรีบตามไป

“ไปซื้อแล้วไหม?” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยถาม

เด็กรับใช้สองคนพยักหน้ารัว

“ให้คนไปแล้วขอรับ” พวกเขาเอ่ย

“ซื้อได้แล้วก็ส่งไปเลย ปล่อยให้เย็นก็ไม่อร่อยแล้ว” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย

พูดพลางก้าวไวประหนึ่งลมเดินออกไป

คนด้านในห้องมองหน้ากัน

“นายน้อยต้องการซื้ออะไร?” มีคนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“ใครจะรู้” มีคนส่ายศีรษะ “แต่นายน้อยดูแล้วมีเรื่องในใจไม่กระตือรือร้นเลย”

พูดถึงตรงนี้ก็กังวลอยู่บ้างอีก

“คงไม่ใช่ร่างกายไม่สบายอีกแล้วกระมัง?”

อาการป่วยของฟางเฉิงอวี่แม้หายดีแล้ว แต่อย่างไรก็ป่วยมานานปีขนาดนั้น ในใจของทุกคนยังคงกังวลอยู่บ้าง

ได้ยินคำนี้ผู้ดูแลเกาก็ยิ้มแล้ว

“เป็นไปได้อย่างไร คุณหนูจวินกลับมาแล้ว” เขาเอ่ย แล้วก็ยิ้มมีเลศนัยอยู่บ้าง “มีคุณหนูจวินอยู่ นายน้อยย่อมไม่มีอะไรให้กังวล”

ประโยคนี้คนที่นั่งอยู่เหมือนจะฟังเข้าใจ แต่ก็เหมือนฟังไม่เข้าใจ

คุณหนูจวินกลับมาแล้ว ร่างกายของนายน้อยจึงไม่ต้องกังวล หรือจะบอกว่าคุณหนูจวินกลับมาแล้ว นายน้อยไม่ต้องกังวลแล้ว?

ฟางเฉิงอวี่ยืนอยู่บนถนน มองดูเด็กรับใช้สองคนเหงื่อเต็มศีรษะวิ่งเข้ามา ส่งห่อกระดาษในมือให้

“นายน้อย ยังร้อนอยู่เลยขอรับ” พวกเขาเอ่ย “ตามที่ท่านบอกซื้อสี่ลูก”

ฟางเฉิงอวี่รับไป สูดลมหายใจสลับมือไปมา

“นายน้อย นายน้อย ให้พวกเราถือเถอะ” เด็กรับใช้สองคนรีบจะรับไป

ฟางเฉิงอวี่กลับไม่ส่งให้พวกเขา หมุนตัวก้าวไวๆ ขึ้นม้ามือเดียว

“รีบหน่อยกลับไปให้นางชิม” เขาเอ่ย เร่งม้าเดินหน้า เดินทางไปไม่ไกลนักก็เห็นคนบนถนนฉับพลันเพิ่มขึ้น แห่ไปทางเดียวกับเขา พาความเอะอะวุ่นวายไปด้วย

เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ฟางเฉิงอวี่ไม่อาจไม่ลดความเร็วม้าลง เขาไม่ได้อยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น สนใจเพียงลดความเร็วจะกลับถึงบ้านช้า

“รีบหน่อย รีบหน่อยไปดู”

“คุณชายสิบหนิงไปพบคุณหนูจวินแล้วจริงๆ”

“ไปเยือนบ้านเองเลยนะ”

“พูดเช่นนี้เรื่องแต่งงานของทั้งสองคนก็เป็นเรื่องจริงสิ!”

อะไรนะ!

ฟางเฉิงอวี่รั้งม้าหยุด สีหน้าเศร้า

หนิงอวิ๋นเจาคนนี้มาเยือนบ้านหาจิ่วหลิงทำอะไร ดูไม่ดียิ่งนัก!

……………………………………….