ภาค 3 บทที่ 115 เรื่องของหนุ่มสาว

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 115 เรื่องของหนุ่มสาว
Ink Stone_Romance
ในโถงรับแขกตระกูลฟางบรรยากาศสุขสันต์ยิ่ง

“พูดเช่นนี้ข้อสอบพวกนั้นก็ไม่ยากสิ?” นายหญิงใหญ่ฟางเอ่ยถามอย่างใคร่รู้

“ก็พูดไม่ได้ว่าไม่ยาก” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย “คนที่เป็นไม่ยาก คนที่ยากไม่เป็น”

ไม่ถ่อมตัวเกินไปแล้วก็ไม่โอ้อวดเกินจริง พูดจาอ่อนโยนมีอารมณ์ขัน ทำให้ใจคนไม่อาจไม่เกิดความรู้สึกดี

รอยยิ้มบนหน้านายหญิงใหญ่ฟางมาจากใจจริงแล้ว นายหญิงผู้เฒ่าฟางแม้ยังคงหน้าบึ้ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยวาจาขัด

“ท่านเขย!”

แต่ยังคงมีเสียงไม่สมกาลเทศะดังมาจากด้านนอก ขัดบรรยากาศสุขสันต์ด้านในโถง

นายหญิงผู้เฒ่าฟางหน้าบึ้งมองไป เห็นคุณหนูจวินก้าวเข้ามา

หนิงอวิ๋นเจาก็ลุกขึ้นยืนแล้ว มองเด็กสาวที่เดินเข้ามา เผยรอยยิ้ม

“เจ้ามาแล้ว” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย

หนิงอวิ๋นเจายิ้มพยักหน้าคำนับ

“ท่านเขยมาตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ” หลิ่วเอ๋อร์อยู่ด้านหลังเอ่ยบอกดีอกดีใจ

นายหญิงผู้เฒ่าฟางกระแอมทีหนึ่ง ถลึงตามองคุณหนูจวิน

ในเมื่อเป็นเรื่องหลอกก็รีบบอกสาวใช้คนนี้ซะ อย่าให้นางทำขายหน้าผู้คนเช่นนี้

คุณหนูจวินเม้มปากยิ้ม ส่ายศีรษะเบาๆ ให้หลิ่วเอ๋อร์

แม้ไม่รู้เพราะอะไร แต่หลิ่วเอ๋อร์ก็เชื่อฟังยืนด้านข้างไม่พูดแล้วอย่างว่าง่าย

“เมื่อวานเพิ่งมาถึงบ้าน”คุณหนูจวินเอ่ยต่อ พลางนั่งลงบนเก้าอี้อีกด้านหนึ่ง

“คุณหนูจวินกลับมาทั้งเมืองเฉลิมฉลอง ทุกคนล้วนดีใจมาก” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย นั่งลงด้วย

ความหมายก็คือเขาได้ยินการเฉลิมฉลองนี่ถึงรู้ว่านางกลับมาแล้ว

คุณหนูจวินยิ้มเอ่ยครั้ง

“ท่านจอหงวนกลับมาทุกคนก็ดีใจมากเช่นกัน” นางเอ่ย

ตอนที่เขากลับมาหรือ? ทั้งเมืองก็มาต้อนรับอยู่ หนิงอวิ๋นเจายิ้ม

“แต่ไม่อาจเทียบเจ้าได้” เขาส่ายศีรษะเอ่ย “ข้าสอบได้เป็นจอหงวนพาเกียรติยศกลับมา ทุกคนล้วนเพื่อประจบข้า เจ้าวิชาแพทย์สูงส่งพาเกียรติยศกลับมาเกี่ยวข้องกับทุกคน”

“วิชาแพทย์ของข้าสูงส่งเกี่ยวข้องกับการเกิดแก่เจ็บตายของทุกคน คุณชายหนิงฐานะจอหงวนของท่านเป็นขุนนาง จากนี้ไปก็คือบิดามารดาของประชาชน ไม่เกี่ยวข้องกับเกิดแก่เจ็บตายของทุกคนหรือ?” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย

ก็ถูก หนิงอวิ๋นเจาหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว

พวกเจ้าชมกันและกันเช่นนี้พอเถอะจริงๆ!

นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางสีหน้าแปลกพิกลมองพวกเขา

“คุณชายหนิงมามีธุระอะไร?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางคร้านจะฝืนทนต่อไปแล้ว เอ่ยถามตรงๆ

หนิงอวิ๋นเจาหุบยิ้ม

“ข้าอยากถามเรื่องหนึ่งกับคุณหนูจวิน” เขาเอ่ย

คำพูดนี้ฟังดูแล้วก็เปิดเผยตรงไปตรงมา แต่คิดให้ละเอียดสิ่งใดก็ไม่ได้บอก

ไม่ใช่สิ่งใดก็ไม่บอก แต่ไม่คิดจะพูดต่อหน้าพวกนางสินะ?

นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางล้วนไม่ใช่เด็กน้อย คำพูดเช่นนี้ยังฟังออก

บัณฑิตเจ้าเล่ห์คนนี้

“อ้อ ถามสิ” นายหญิงผู้เฒ่าฟางแสร้งโง่เอ่ยขึ้น ไม่มีท่าทางจะหลบไปสักนิด

แต่คุณหนูจวินยืนขึ้นมา

“เอาสิ ถ้าอย่างนั้นเชิญมากับข้า” นางเอ่ย

หน้าของนายหญิงผู้เฒ่าฟางบึ้งตึงขึ้นนิดหนึ่งอีกครั้ง ในที่สุดหลิ่วเอ่อร์ก็ได้โอกาสพูดแล้ว

“ท่านเขย ท่านเขย เชิญเจ้าค่ะ” นางเอ่ยดีอกอีใจ สีหน้าเริงร่านำทาง

หนิงอวิ๋นเจาคำนับนายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟาง ตอนนี้ถึงเดินตามคุณหนูจวินออกไปข้างนอก

เมื่อครู่แสร้งโง่ฟังไม่ออกไม่หลบออกไปก็มากพอแล้ว นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางทำเป็นดื้อตามออกไปไม่ได้จริงๆ ได้แต่เบิ่งตามองสองคนนี้เดินออกไป

“มีอะไรพูดที่นี่ไม่ได้” นายหญิงผู้เฒ่าฟางหน้าบึ้งเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ชายหญิงอยู่ตามลำพัง เหมือนอะไร”

“บางทีคงคุยกันว่าจะจัดการเรื่องการแต่งงานหลอกๆ อย่างไรกระมัง” นายหญิงใหญ่ฟางกลับพอใจอยู่บ้าง

ได้ยินว่าตั้งแต่หนิงอวิ๋นเจากลับมา นายหญิงใหญ่หนิงก็ล้มป่วย แม้เล่ากันทำนองว่าทำงานเหน็ดเหนื่อยเป็นห่วงลูกชาย แต่สัญชาติญาณของผู้หญิงทำให้นายหญิงใหญ่ฟางรู้ว่าไม่ใช่เหตุผลนี้สักนิด ต้องเพราะเรื่องประกาศสัญญาหมั้นระหว่างหนิงอวิ๋นเจากับจวินเจินเจินแน่

หนิงอวิ๋นเจาคงถูกนายหญิงใหญ่หนิงบีบจนย่ำแย่มากเหมือนกันล่ะสิ

ไม่เช่นนั้นคุณหนูจวินกลับมาปุบคงไม่วิ่งมาทันที

ต้องการคุยให้จัดการเรื่องแต่งงานให้เร็วที่สุด เลี่ยงไม่ให้ถ่วงเส้นทางในอนาคตของจอหงวนคนใหม่แน่

นายหญิงผู้เฒ่าฟางก็คิดถึงจุดนี้

“ถ้าอย่างนั้นยิ่งต้องพูดที่นี่” นางแค่นเสียงเอ่ย “เจินเจินของพวกเราก็ลำบากนะ ชื่อเสียงของเจินเจินของพวกเราก็เสียหายเหมือนกันแหละ เจ้าหนูนี่เจ้าเล่ห์ปานนี้ อย่าถูกเขารังแกเข้า”

เรื่องการแต่งงานของจวินเจินเจินกับตระกูลหนิง ตลอดมาทุกคนล้วนคิดว่าตระกูลหนิงลำบาก ต่อให้เป็นญาติของจวินเจินเจินก็ไม่อาจคิดเช่นนี้ตามความเป็นจริง

แน่นอนนั่นเป็นก่อนหน้านี้ ตอนนี้ย่อมไม่คิดเช่นนี้แล้ว

จวินเจินเจินของพวกนางทั้งฉลาดทั้งมีความสามารถ มีชื่อเสียงมีเงินทอง เดินไปถึงที่ไหนก็ล้วนถูกบูชาประหนึ่งพระโพธิสัตว์

นายหญิงใหญ่ฟางเม้มปากยิ้มแล้ว

“ท่านแม่ อย่าเป็นห่วงเลย ไม่แน่ว่าใครจะถูกใครรังแกนะ” นางเอ่ย “หากเรียกมาได้อีกห้าพันตำลึงเล่า”

ตอนนั้นได้ข่าวด่วนว่าจวินเจินเจินก่อเรื่องฆ่าตัวตาย เดิมอุ้มอารมณ์สิ้นหวังเร่งเดินทางไป กลับคิดไม่ถึงว่าจวินเจินเจินไม่เพียงถอนหมั้นยังรีดไถตระกูลหนิงมาอีกห้าพันตำลึง

นายหญิงผู้เฒ่าฟางคิดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้หัวเราะพรืด หัวเราะไปก็ถอนหายใจอยู่บ้าง

หลังจากนั้น ตระกูลหนิงก็ดี ตระกูลหลินก็ดี คนอื่นก็ดีล้วนไม่เคยเอาเปรียบเด็กสาวคนนี้ได้ นางถากถางขวากหนามราบตลอดทาง

“ข้าแก่แล้ว ไม่ยุ่งแล้ว” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ย “แล้วแต่พวกเขาคนหนุ่มคนสาวเถอะ”

สิ้นเสียงพูดของนาง นางหยวนก็หันหลังมองพลางเดินเข้ามาพลาง สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

“เจ้ามองอะไรหรือ?” นายหญิงใหญ่ฟางขมวดคิ้วเอ่ยถาม

“ข้าเห็นนายน้อยเจ้าค่ะ” นางหยวนเอ่ย พลางชะเง้อมองไปข้างหลังอีกครั้ง “แปลก ตอนข้าเข้าบ้านนายน้อยก็กลับมาแล้ว ทำไมเดินมาได้ครึ่งทางกลับไม่เห็นแล้ว?”

ทุกครั้งที่ฟางเฉิงอวี่กลับมาล้วนมาพบนายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางเป็นอย่างแรก

“เฉิงอวี่กลับมาแล้ว?” นายหญิงใหญ่ฟางเอ่ยถาม “ไม่ใช่เพิ่งออกไปรึ?”

เพิ่งออกไป รู้ว่าในบ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น ย่อมต้องรีบเร่งเดินทางกลับมาทันที

นายหญิงผู้เฒ่าฟางยิ้ม ท่าทางสมใจอยู่บ้าง

“ก็บอกแล้วไง เฉิงอวี่ของพวกเรา” นางเอ่ย

ทำได้ดี

พวกนางญาติผู้ใหญ่ไม่สะดวกรั้นฟังการพูดคุยของคนหนุ่มสาว ถ้าอย่างนั้นก็ให้คนหนุ่มไปฟังแล้วกัน

“นั่งสิ”

คุณหนูจวินเอ่ย ตนเองนั่งลงข้างหน้าต่างก่อน

หนิงอวิ๋นเจารั้งสายตาที่มองสำรวจกลับมา ยิ้มนั่งลงตรงข้ามนาง

“ห้องหนังสือของเจ้าหรือ?” เขาเอ่ยถาม

“ใช่แล้ว เดิมทีเป็นของคุณหนูของข้า” หลิ่วเอ๋อร์รับชาที่ไป๋เสาส่งมาแล้วเบะปาก “แม้ตอนนี้ถูกนายน้อยฟางยึดครองอยู่ แต่ผ่านไปไม่กี่วันก็จะให้เขาย้ายก้นออกไปแล้ว”

พูดจบก็ถลึงตาโบกมือให้ไป๋เสา

ไปไปไป ออกไป

ไป๋เสาตัวสั่นระริกมองหนิงอวิ๋นเจาทีหนึ่ง นั่นคือคุณชายสิบหนิงสินะ นางถึงกับได้เห็นคุณชายสิบหนิงในบ้านเชียวนะ

หากเป็นก่อนหน้านี้ต้องดีใจไม่หายแน่ แต่ตอนนี้เห็น เหมือนยังหล่อสู้นายน้อยไม่ได้เลยนะ

อีกอย่าง เขาจะนั่งสง่าผ่าเผยในห้องของนายน้อยคุยกับนายหญิงน้อย…ไม่ใช่กับคุณหนูจวินหรือ?

ตนเองเป็นสาวใช้ของนายน้อย ควรเฝ้าอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่

แต่…

“มองอะไร ท่านเขยของข้าเจ้าดูยังไม่พอหรือ?” หลิ่วเอ๋อร์ตวาดเสียงต่ำดุร้าย

ไป๋เสาก้มศีรษะถอยออกไป

นายน้อยฟางหรือ

ส่วนหนิงอวิ๋นเจาที่ได้ฟังคำพูดของหลิ่วเอ๋อร์ก็มองสำรวจในห้องนิดหนึ่งอีกครั้ง ในดวงตาฉายประกายเข้าใจจางๆ

ถ้าอย่างนั้นเห็นชัดมากว่าที่นี่ก็คือที่พักหลังจากนางแต่งงานกับนายน้อยฟางครั้งนั้น

แต่งงานหลอก

หนิงอวิ๋นเจาชะงักไปวูบหนึ่ง ในใจเติมคำนี้เข้าไป

ตอนนี้นางกลับมาแล้ว ชั่วขณะเก็บกวาดที่พักไม่ทัน ดังนั้นถึงเข้ามาอยู่กระมัง

ฟังความหมายของสาวใช้คนนี้ ที่นี่คือที่พักของนายน้อยฟางมาตลอด

หืม

ในใจหนิงอวิ๋นเจาร้องหืมขึ้นมา

ในเมื่อประกาศว่าเป็นการแต่งงานหลอกแล้ว ยังให้นางอยู่ที่นี่ ดูไม่ดีนักกระมัง

……………………………………….