บทที่ 444 ตีเจ้าได้ก็ถือว่าได้เอาคืนแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 444 ตีเจ้าได้ก็ถือว่าได้เอาคืนแล้ว

บทที่ 444 ตีเจ้าได้ก็ถือว่าได้เอาคืนแล้ว

กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะแล้วทิ้งความคิดอันน่ารำคาญเหล่านั้นไว้ข้างหลัง จะคิดเยอะขนาดนั้นไปเพื่ออะไรกัน นางยังคงเป็นเพียงเด็กหญิง เรื่องเช่นนี้ เมื่อโตขึ้นค่อยพูดเรื่องนี้เถอะ

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ถืออะไรเลย ดังนั้นนางจึงก้าวเดินรวดเร็ว เมื่อผ่านหมู่บ้าน ควันของการทำอาหารก็โชยออกมาจากบ้านหลายหลัง ตอนนี้ถึงเวลาทำอาหารแล้ว และไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวอี้จะกลับมาเร็วหรือไม่

กู้เสี่ยวหวานเร่งฝีเท้าเพื่อกลับบ้าน โดยมีฉินเย่จือและกู้หนิงผิงเดินตามหลังมาไม่ห่าง

ทั้งสองรีบเดินตามกู้เสี่ยวหวานกลับบ้าน

ขณะผ่านหมู่บ้าน มีบางคนที่ออกมาจากบ้านและเห็นฉากนี้ ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินด้วยมือเปล่า ตามด้วยฉินเย่จือที่ถือสิ่งของไว้ในมือและแบกไว้บนหลังของเขาเดินตามอย่างใกล้ชิด พลันอดชื่นชมไม่ได้

กู้เสี่ยวหวานผู้นี้ไม่รู้ว่าได้โชคอะไรมา เพียงแค่แบ่งข้าวให้เขา นางก็สามารถรับชายหนุ่มที่ทั้งรูปงามทั้งขยันและทำงานหนักได้ แต่ละคนล้วนอ้าปากค้าง ตอนนั้นทำไมตนเองถึงไม่เจอบ้างนะ

หากพบเจอก็เก็บกลับบ้าน งดงามเช่นนี้ต่อให้นั่งดูทั้งวันก็ยังสุขใจ ยิ่งกว่านี้ คนผู้นี้ยังเป็นคนมีฝีมืออีก

หน่อไม้ในตะกร้านั้นน่าจะหนักสามถึงสี่สิบชั่ง และในมือของเขายังมีตะกร้าอยู่อีก เขาก้าวเดินอย่างมั่นคง แผ่นหลังตั้งตรง และไม่มีวี่แววของความเหนื่อยล้าใด ๆ

โอ้ ช่างน่าเสียดาย ช่างน่าเสียดาย!

ระหว่างทางกลับบ้าน จะผ่านบ้านเก่าของตระกูลกู้

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คาดคิดว่ากู้ซินเถาจะรอที่ประตูบ้านเก่าของตระกูลกู้ด้วยใบหน้าที่โกรธจัด และถือหน่อไม้ที่นางเพิ่งขุดออกมาไว้ในมือ

อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานเดินก้มศีรษะจึงมองไม่เห็นกู้ซินเถาเลย และมุ่งตรงไปด้านหน้า

นางก้มศีรษะและโค้งไปข้างหน้าเหมือนลูกวัว ไม่เห็นแม้แต่รอยยิ้มอันชั่วร้ายบนใบหน้าของกู้ซินเถา

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กู้หนิงผิงยังไม่ทันได้ส่งเสียงออกมา กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับกู้หนิงผิงจึงมองย้อนกลับไป

ครั้นเห็นว่าหน่อไม้กำลังจะกระแทกร่างของกู้เสี่ยวหวาน นางก็รู้สึกว่ามีแรงจากข้างหลังดึงตัวนางถอยกลับ หลีกเลี่ยงการโจมตีของกู้ซินเถา

ฉินเย่จือดึงตัวกู้เสี่ยวหวานเอาไว้ ใบหน้าของเขามีความทุกข์เล็กน้อยและเปลี่ยนเป็นมาดร้ายในชั่วพริบตา น้ำเสียงของเขาเย็นชาราวกับมีดน้ำแข็งในฤดูหนาว “เจ้าอยากตายหรือ!”

ฉินเย่จือพูดใส่กู้เสี่ยวหวาน หากแต่สายตาที่ดุร้ายกลับจ้องไปที่กู้ซินเถา

กู้ซินเถาไม่ทันสังเกตเห็น นางเห็นเพียงฉินเย่จือพูดกับกู้เสี่ยวหวานอย่างดุร้าย จึงคิดว่าฉินเย่จือไม่ได้ตำหนินาง ทำให้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง จนลืมเรื่องเมื่อครู่ที่เกือบจะโจมตีโดนกู้เสี่ยวหวาน และอุทานด้วยความดีใจ “พี่ฉิน!”

สถานการณ์นี้มันอะไรกัน!

กู้เสี่ยวหวานที่ถูกดึงไปข้างหลัง เมื่อครู่นางกำลังยุ่งอยู่กับการคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ทำให้ไม่ได้มองถนนหนทางด้านหน้า

ครั้นคราวนี้มองไปก็เห็นกู้ซินเถายืนจังก้าอยู่กลางถนน สายตามองดูใครบางคนด้วยรอยยิ้มหวานเยิ้ม

นางผู้นี้ช่างชั่วร้ายเสียจริง!

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วและกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าดึงข้าทำไมกัน!”

กู้หนิงผิงกลัวว่าสิ่งของทั้งหมดที่อยู่ในมือของเขาจะสูญหาย ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปข้างหน้าทันที เมื่อครู่เขาเห็นมันแล้ว ถ้าฉินเย่จือไม่ดึงพี่สาวของเขาไว้ได้ทันเวลา เกรงว่าหน่อไม้หนาหน่อนั้นก็คงจะโดนพี่สาวไปแล้ว

กู้หนิงผิงรู้สึกประหม่าอยู่พักหนึ่ง แม้ว่าเขาจะเห็นว่าพี่สาวไม่เป็นไร แต่เขาก็ยังเอ่ยถาม “ท่านพี่ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”

จากนั้นเขาก็หันศีรษะไปหากู้ซินเถาและสาปแช่ง “กู้ซินเถา เจ้ากำลังทำอะไร!”

กู้เสี่ยวหวานประหลาดใจว่าทำไมฉินเย่จือถึงดึงตัวเอง และเมื่อกู้หนิงผิงตะโกน กู้เสี่ยวหวานก็สังเกตว่ามีหน่อไม้อยู่ที่ข้างเท้าของกู้ซินเถา

“เกิดอะไรขึ้น?” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อครู่นางก็แค่เดินก้มหน้าจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ฉินเย่จือส่ายศีรษะเล็กน้อย เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่เขาก็ตำหนิกู้เสี่ยวหวาน “คนโง่ หลังจากนี้เวลาเดินให้มองไปข้างหน้า อย่าก้มหน้าเดิน!”

เมื่อกู้ซินเถาเห็นฉินเย่จือยิ้มอย่างอ่อนโยนเวลาคุยกับกู้เสี่ยวหวาน กู้ซินเถาก็รู้สึกไม่พอใจ เปลวไฟแห่งความหึงหวงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ “พี่ฉิน!”

เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือไม่สนใจตนเองเลย กู้ซินเถาก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

พี่ฉิน เรียกได้สนิทสนมเสียจริง

ในครั้งแรกเรียกว่านายน้อยผู้นี้ ครั้งที่สองเรียกว่าพี่ใหญ่ฉิน และครั้งที่สามก็เรียกว่าพี่ฉิน

พี่ฉิน พี่ที่รัก! เรียกได้สนิทสนมเสียจริง

กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถยับยั้งใบหน้าของนางได้

กู้หนิงผิงด่ากู้ซินเถาด้วยความโกรธ “หุบปาก เจ้าเรียกว่าพี่ฉินได้อย่างไรกัน!”

กู้ซินเถาไม่สนใจ แต่ยังคงพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ระเบิดอารมณ์ออกมาเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของนางต่อหน้าฉินเย่จือ “แล้วอย่างไร? ปากก็เป็นปากของข้า ข้าอยากเรียกอะไรก็จะเรียก! พี่ฉิน…” กู้ซินเถาชี้ไปที่หน่อไม้ข้างเท้าของนางอย่างเศร้าสร้อย และกล่าวอย่างเจ็บใจว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวานหลอกข้า หน่อไม้นี้กลายเป็นไม้ไผ่แล้ว มันกินไม่ได้ แต่นางก็หลอกข้าว่ามันกินได้ ข้าทำงานอย่างยากลำบากเพื่อให้ได้มันมาและก็ขุดโดนกระโปรงของข้าด้วย ฮือ ฮือ ฮือ…”

กระโปรงตัวนี้เพิ่งซื้อมาใหม่ ราคาสิบกว่าตำลึงเงิน ทันทีที่เหวี่ยงจอบลงไปก็เสียเงินสิบกว่าตำลึงเงินนั่นไปแล้ว แต่ฉินเย่จือไม่แม้แต่จะมองหน้านาง กู้ซินเถายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ และวิ่งไปที่ประตูพร้อมกับหน่อไม้เพื่อขว้างใส่พวกกู้เสี่ยวหวาน

นางคิดว่าอย่างไรเสียพวกเขาจะต้องลงจากเขา และไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่กลับบ้าน

กู้ซินเถาตัดสินใจรอที่ประตู นางเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินก้มหน้าก้มตามาจากระยะไกล เดิมทีกู้ซินเถาต้องการคุยด้วย แต่นางเปลี่ยนใจ หากสามารถทำร้ายนางเพื่อแก้แค้นให้กับตัวเองได้ นั่นคงจะดีมาก

กู้ซินเถาตัดสินใจที่จะใช้ไม้ไผ่เพื่อขว้างใส่กู้เสี่ยวหวาน ไม้ไผ่ถูกขว้างไปอย่างแรง แต่ฉินเย่จือกลับดึงกู้เสี่ยวหวานออกไปได้ทัน

ทั้งสองกอดกันอย่างคลุมเครือ ยิ่งกู้ซินเถามองดูมันมากเท่าไร มันก็ยิ่งน่ารำคาญมากขึ้นเท่านั้น ความหึงหวงฉายชัดในแววตาของนาง

“ท่านพี่ เมื่อครู่นางกำลังจะตีท่านด้วยไม้ไผ่!” กู้หนิงผิงเห็นว่ากู้ซินเถาไม่ได้ตอบสิ่งที่เขาถามเมื่อครู่ และพี่สาวของเขาก็เดินก้มหน้าก้มตาจึงไม่เห็นการกระทำของกู้ซินเถาในขณะนั้น เขาก็วิตกกังวลและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาและมือที่ว่องไวของอาจารย์ ไม่เช่นนั้นไม้ไผ่ก็คงจะโดนท่านไปแล้ว”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

กู้ซินเถานะกู้ซินเถาตามเขาก็ตามไปเอง ตอนนี้ยังจะมาร้องไห้โวยวายอี๊กก

ไหหม่า(海馬)