เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังผ่านหูจนหูจะหนวก
เป๋าฮวนเอามือทั้งสองข้างปิดหูทันที สีหน้าของเธอดูไม่ได้เลย
ผี?
คิดว่าเธอเป็นผี?
ตอนเธอพูดเมื่อครู่ เธอนิ่งและเป็นธรรมชาติมาก ตรงไหนที่เหมือนผีกำลังพูด?
“นี่ เฟิงหย่า ฉันไม่ใช่ผี……”
เป๋าฮวนอยากอธิบายให้ชัดเจน แต่มีเสียงตัดสาย “ตุ๊ดตุ๊ดตุ๊ด” ที่อีกฝั่งจะของโทรศัพท์
เป๋าฮวน : “……”
ในขณะนี้เธอพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
ไร้คำพูด!
ไร้คำพูดอย่างมาก!
ไร้คำพูดอย่างมากมาย!
“ฮวนฮวน เสี่ยวหย่าน่าจะตกใจเกินไป ถึงได้คิดว่าคุณเป็นผี คุณอย่าถือสาเลย”
ในเวลานี้ เสียงที่แผ่วเบาของชายหนุ่มก็ดังขึ้น เผยให้เห็นถึงความกระฉับกระเฉงที่อ่อนโยน
เป๋าฮวนหันไปมองเขา และตกลงไปในกระแสน้ำวนลึกของดวงตาสีดำของชายหนุ่มทันที
เฟิงหานชวนจับมือเธอ ใช้นิ้วลูบหลังมือที่อ่อนนุ่มของเธอเบาๆ แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
โดยไม่คาดคิด ใบหน้าทั้งหมดของเป๋าฮวนถูกกดติดอยู่ที่หน้าอกของชายหนุ่ม กลิ่นบนร่างกายของเขาน่าดมมากและคุ้นเคย เพราะเขาอาบน้ำด้วยเจลอาบน้ำของเธอเมื่อคืนนี้
แม้ว่าจะเป็นกลิ่นหอมของเจลอาบน้ำของผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเขามีกลิ่นผู้หญิง แต่ให้ความรู้สึกถึงฮอร์โมนเพศชายที่แข็งแกร่งอย่างหนึ่ง
เป๋าฮวนไม่ได้พูดมาสักพักแล้ว
เฟิงหานชวนก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของเขา เขาก้มศีรษะลงและจูบที่หน้าผากเธอ
เธอไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ดิ้นรน มุมปากของเฟิงหานชวนเป็นเส้นโค้ง ซึ่งพิสูจน์ว่าเป๋าฮวนไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกต่อไป
ส่วนเป๋าฮวนก็ตกตะลึงเล็กน้อยกับพฤติกรรมที่อ่อนโยนของเฟิงหานชวน และยิ่งไปกว่านั้น ในสมองอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพเมื่อสามปีที่แล้ว
ในความเป็นจริงบางครั้งเป๋าฮวนก็คิดว่า ถ้าเฟิงหานชวนสามารถโกหกเธอได้ตลอดชีวิต บางทีเธออาจจะไม่รู้สึกเศร้า
อย่างน้อยตอนที่เขาหลอกเธอ เขาก็ดีกับเธอจริงๆ
“เสียงโทรศัพท์สั่น…… ”
ขณะที่ทั้งสองคนตกเข้าไปในความเงียบ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ด้านข้างก็สั่นอีกครั้ง
เป๋าฮวนผลักเฟิงหานชวนออกทันทีและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หากแต่เป็นสายโทรเข้าจากเฟิงเฉินเหยี่ยน
เป็นเฟิงเฉินเหยี่ยนที่โทรหาเฟิงหานชวน
เฟิงเฉินเหยี่ยน เป๋าฮวนมีความรู้สึกที่ดีต่อเขา เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นคนร่าเริงและมองโลกในแง่ดี แต่ว่า……
เพียงแต่ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดไว้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะเหมือนกับเฟิงหานชวน ทั้งคู่หลอกลวงเธอและปกปิดเรื่องราวที่บลูส์
ทั้งบ้านตระกูลเฟิงรู้ มีเพียงเธอคนเดียวที่ถูกครอบไว้ในกะลา
“คุณรับสายเถอะ” เป๋าฮวนยัดโทรศัพท์มือถือไว้ในมือของเฟิงหานชวน
เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ดวงตาของเขาหมองลง จากนั้นเขาก็รับสายและกดที่ลำโพง
“อาเยี่ยน”
“อาสามอาสาม จริงหรือเปล่า? ฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่จริงไหม? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เสียงที่ตกใจและตื่นเต้นของเฟิงเฉินเหยี่ยนดังขึ้น ในห้องพักที่เงียบสงบทำให้รู้สึกแจ่มแจ้งชัดเจนเป็นพิเศษ
“เสี่ยวหย่าโทรหานายเหรอ?” เฟิงหานชวนถาม
“ใช่ เสี่ยวหย่าเพิ่งโทรหาฉันบอกว่าคุณป่วยทางจิต คิดว่าฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่ และยังบอกว่าได้ยินเสียงของผู้หญิง เธอกลัวจะตายอยู่แล้ว”
เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดต่ออย่างไม่จบ: “อาสาม คุณพบผู้หญิงที่ดูเหมือนฮวนฮวนมาก ให้มาเป็นตัวแทนเธอเหรอ? ตอนนั้นร่างของฮวนฮวนถูกเผาไปแล้วและพวกเราเป็นคนส่งไปที่เมรุด้วยตัวพวกเราเอง……”
อันที่จริงนี่คือความคิดเห็นที่แท้จริงของเฟิงเฉินเหยี่ยน
ที่เขาเชื่อว่าฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่เพราะคิดว่าอาสามของเขาได้พบตัวแทนที่คล้ายกัน
แต่เขาคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตามอาสามคิดถึงฮวนฮวนมาสามปีแล้ว หากมีตัวแทนที่สามารถทำให้อาสามเดินออกมา แล้วทำไมจะไม่ทำหล่ะ?
เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำพูดของเฟิงเฉินเหยี่ยน ก็เข้าใจในความหมายของเฟิงเฉินเหยี่ยนโดยธรรมชาติ และยิ่งกว่านั้นเธอตกใจเล็กน้อย
เพราะจากน้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยน เธอฟังออกว่าเฟิงหานชวนใส่ใจต่อ “เฉินฮวนฮวน” ต่อตัวเองเป็นอย่างมาก
เพราะ “ตัวแทน” ที่เฟิงเฉินเหยียนกล่าวถึง ถ้าไม่สนใจในตัวเธอ แล้วจะหาคนมาแทนที่ทำไม?
เป๋าฮวนค่อยๆออกจากความตกใจ ก็ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนั้นเธอจากไปอย่างหุนหันพลันแล่นและไม่ได้แม้แต่จะเผชิญหน้าดีๆกับเฟิงหานชวน
ความจริงของเรื่องราว เป็นไปตามที่ตัวเองจินตนาการอย่างนั้นหรือ?
ดูเหมือน……จะไม่ใช่
“นั่นเป็นของปลอม” เสียงดั่งแม่เหล็กของชายหนุ่มค่อยๆดังขึ้น ตอนเขาพูดแบบนั้น สายตาของเขามองไปที่เป๋าฮวน
เป๋าฮวนรู้สึกได้อย่างแน่นอน เธอเงยหน้าขึ้นมองสายตาที่แน่วแน่ของเฟิงหานชวน แล้วก็รีบหลบสายตา
อย่างไรก็ตาม เธอเพิ่งยอมรับตัวตนของเธอ ดังนั้นหากเฟิงหานชวนต้องการอธิบายให้เฟิงเฉินเหยี่ยนฟังว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้เขาอธิบายด้วยตัวเขาเอง
เธอก็คร้านที่จะพูดอีก
ท้ายที่สุด เสียงกรีดร้องของเฟิงหย่าที่เหมือนเสียงผีร้องเมื่อครู่ยังทำให้เธอ “มีความกลัวอยู่”
“ของปลอม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนงงงวยในตอนแรก แล้วพูดว่า: “แน่นอนว่าเป็นของปลอม! อาสามถึงจะเป็นของปลอมก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่ดูเหมือนกับฮวนฮวนและพูดเสียงคล้ายๆกัน คุณก็เก็บเธอไว้ข้างกาย หรือแม้กระทั่งแต่งงานกับเธอ ไม่มีใครห้ามคุณหรอก”
“ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคุณปู่ ต้องมายืนยันกับคุณก่อน ถ้าคุณปู่รู้เรื่องก็คงมีความสุขมาก คุณปู่แก่ขึ้นมากจริงๆในช่วงสามปีที่ผ่านมา ท่านเป็นห่วงคุณทุกวันและไหว้พระขอพรให้คุณสามารถก้าวออกมาในเร็ววัน”
เฟิงเฉินเหยี่ยนนึกว่า “ของปลอม” ที่เฟิงหานชวนพูดหมายถึงเฉินฮวนฮวนตัวปลอม ดังนั้นถึงได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกมาอย่างเยอะแยะมากมาย
ส่วนเป๋าฮวนก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก
ปู่ของเฟิงเฉินเหยี่ยนก็คือนายท่านเฟิงเฟิงเหลยถิง
ในความทรงจำของเธอ เฟิงเหลยถิงเป็นชายชราที่หลายใจตลอดมาคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามเฟิงเหลยถิงซึ่งอายุ 70 ปีในขณะนั้นยังคงตกหลุมรักกับเฉินนานาที่อายุ20ต้นๆ แม้กระทั่งทำเรื่องอย่างว่าแบบนั้นที่ระเบียง
ภาพติดตาแบบนั้นในตอนนั้น ทำให้เป๋าฮวนยากที่จะลืมได้
เธอนึกไม่ถึงว่าผู้ชายอย่างเฟิงเหลยถิงจะไหว้พระขอพร
“อืม” เฟิงหานชวนตอบเบาๆ แต่ไม่ได้ขัดจังหวะเฟิงเฉินเหยี่ยน
เพราะเขาพบว่าคำพูดของเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แต่เป็นคำพูดที่มีประโยชน์
เพราะการแสดงออกของเป๋าฮวนเปลี่ยนไป
“อาสาม ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ฮวนฮวนตัวปลอมเป็นคนที่ไหน? ไม่งั้นคุณรีบพาเธอกลับมาให้พวกเราพบเร็วๆ” เฟิงเฉินเหยี่ยนเห็นอาสามของเขาตอบอย่างเย็นชาราวกับว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดี ดังนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะถามต่อด้วยความสงสัย
“ฉันอยู่ประเทศเฉิน” เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา
“ประเทศเฉิน? ประเทศเฉินอยู่ไกลมาก ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนประเทศเฉินหรือ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนถามอีก
“ใช่ เธอเป็นคนประเทศเฉิน เพียงแค่……” เฟิงหานชวนหยุดพูด
เฟิงเฉินเหยี่ยนยังคงถามต่อไป: “เพียงแค่อะไร?”
“เพียงแค่เธอไม่อยากไปกับฉัน”
ตอนพูดเช่นนี้เฟิงหานชวนก็จ้องไปที่ดวงตาของหญิงสาวอย่างแน่วแน่ จ้องจนเป๋าฮวนเกิดความรู้สึกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เธอไม่อยากไปกับเขา ทำผิดกฎหมายหรือไง?
จำเป็นต้องจ้องมองเธอแบบนี้เหรอ?
“ไม่เต็มใจ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนอุทาน “ยังมีผู้หญิงที่ไม่มองคนอย่างอาสาม?”