บทที่ 478 เดินเล่นในคฤหาสน์

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 478 เดินเล่นในคฤหาสน์

บทที่ 478 เดินเล่นในคฤหาสน์

ฉินหว่านหรูไม่สามารถระงับความวิตกกังวลของนางได้ “นี่มันเหมือนการเต้นบนเชือกฟางชัด ๆ! ถ้าพลาดแม้แต่เพียงครั้งเดียวเราจะจบสิ้น!”

“เราไม่มีทางเลือกอื่นเว้นแต่เราจะยอมละทิ้งตระกูลฉู่ ดังนั้นในตอนนี้เราจึงทำได้แค่เพียงทำใจแข็งและก้าวเดินต่อไป” ฉู่จงเทียนมองออกไปนอกคฤหาสน์ตระกูลฉู่ เสียงของเขาหนักแน่นขึ้น “ตลอดหลายชั่วอายุคน ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ว่าตราบใดที่เรายังคงต่อสู้ เราจะยังคงสามารถกุมโชคชะตาของเราเองไว้ในมือของเราได้ แต่เมื่อไหร่ที่เรายอมแพ้ก่อนเวลา ไม่เพียงแต่เราจะไม่สามารถรักษารากฐานของตระกูลฉู่เอาไว้ได้ ทุกคนที่อาศัยพึ่งพาตระกูลฉู่ก็จะจบสิ้นเช่นเดียวกัน นี่คือเหตุผลที่เราต้องยืนหยัดสู้!”

ฉินหว่านหรูตบไหล่สามี ใจนางสลายเมื่อเห็นปอยผมขาวบริเวณขมับของเขา ระดับการบ่มเพาะของสามีของนางนั้นสูงมากแล้ว อย่างไรก็ตาม การทำงานหนักภายใต้แรงกดดันมหาศาลของตระกูลฉู่ ทำให้ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีดอกเลาก่อนเวลาอันควร…

พวกเขาโชคดีจริง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ชูเหยียนคอยช่วยแบ่งเบาภาระในหลาย ๆ เรื่อง ในใจลึก ๆ นางก็หวังว่าลูกสาวคนโตของนางจะไม่เดินในเส้นทางเดียวกับพ่อของนาง

นางหวังว่า ซูอันจะสามารถช่วยชูเหยียนแบกรับภาระบางอย่างได้

น่าเสียดายที่ทันทีที่นางนึกถึงซูอัน ภาพนั้นก็ปรากฏขึ้นในหัว แก้มของนางก็ร้อนขึ้นมาทันที

นางสะบัดหัวด้วยความขยะแขยง โยนภาพเหล่านั้นออกจากหัวของตัวเองทิ้ง ก่อนที่จะหันไปหาสามีของนางและพูดว่า “ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังเสี่ยงเกินไปที่จะช่วยตระกูลหวางในครั้งนี้ นี่มันเหมือนเป็นการมอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับซ่างหงในการทำลายตระกูลของเรา เขารอคอยโอกาสแบบนี้มาโดยตลอด”

ฉู่จงเทียนมีสีหน้าวิตกกังวล “เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยพวกเขา…ตระกูลหวางเป็นพันธมิตรของตระกูลฉู่มาหลายปีแล้ว ถ้าเราไม่ช่วยพวกเขา ตระกูลหวางอาจจะจบสิ้นไปจริง ๆ

“ในเมืองจันทร์กระจ่าง ตระกูลหยวนและตระกูลเจิ้งเข้ากับเราไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องพึ่งพาความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลหวางมาโดยตลอด ในอนาคตสิ่งต่าง ๆ จะยากขึ้นสำหรับเรา ถ้าปล่อยให้ตระกูลหวางพังทลายไปตอนนี้”

“ยิ่งไปกว่านั้น หากเรายืนเฉย ๆ และคอยดูพันธมิตรของเราล้มลง ต่อไปจะมีใครที่ยินดีที่จะร่วมมือกับเราอีกบ้าง? นั่นจะเหมือนกับการผลักดันให้คนอื่นไปอยู่ข้างซ่างหงมากขึ้นไม่ใช่เหรอ?”

ฉินหว่านหรูพยักหน้า “ข้าก็คิดถึงสิ่งเหล่านี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การนำใบอนุญาตค้าเกลือไปใช้ในทางที่ผิดนั้นก็อันตรายเกินไป หากมีข่าวลือหลุดออกไปแม้แต่น้อยก็อาจเป็นหายนะได้”

ฉู่จงเทียนจับมือภรรยา เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลของนาง “อย่ากังวลไป เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเกลือส่วนใหญ่เป็นคนของเราเอง มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

หน่วยงานตรวจสอบเกลือเข้ากันได้ดีกับตระกูลฉู่ หวางฝูรู้เรื่องนี้ดี นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาเสนอวิธีนี้

“ข้าหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น” ฉินหว่านหรูถอนหายใจ แม้ว่ามือของสามีนางจะอบอุ่น แต่หัวใจของนางก็รู้สึกเย็นเยียบไปหมด

เช้าวันรุ่งขึ้น ซูอันรู้สึกสดชื่นเต็มที่ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มสังเกตเห็นมีคนรับใช้สองสามคนวิ่งไปมา ซึ่งทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น

เมื่อเห็นว่าเฉิงโซวผิงไปชุลมุนวุ่นวายกับคนอื่นด้วย เขาก็ดึงตัวมา “พวกเจ้ากำลังทำอะไร?”

“นายน้อย พวกเรากำลังจะรีบไปดูแม่นางชิว!” เฉิงโซวผิงตอบอย่างตื่นเต้น “มีคนบอกว่าตอนนี้แม่นางชิวกำลังหวีผมที่ริมหน้าต่าง และนางก็งดงามสุด ๆ ไปเลย!”

ไม่ใช่แค่ชายรับใช้เท่านั้น แต่รวมถึงพวกสาวใช้ที่กำลังตื่นเต้นด้วย คนเหล่านี้ไม่มีโอกาสไปที่หอสุขนิรันดร์มาก่อนในชีวิตของพวกเขา ด้วยความโด่งดังของชิวฮัวเล่ย พวกเขาทั้งหมดจึงต่างอยากเห็นด้วยตัวเองว่าคณิกาอันดับหนึ่งจากหอสุขนิรันดร์จะสวยงามเพียงใด

“โอ้ ถ้างั้นก็เยี่ยมเลย เราไปดูนางด้วยกันก็แล้วกัน” ซูอันกำลังนึกถึงผู้หญิงคนนี้พอดี นางอุตส่าห์มาหาเขาถึงที่นี่และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถึงแม้จะรู้ว่านางมีเจตนาอื่นซ่อนอยู่ในใจ แต่มันคงจะใจร้ายเกินไปถ้าไม่สนใจนางบ้างเลย

“นายน้อย ท่านไม่จำเป็นต้องไปดูนางตอนนี้สักหน่อย” เฉิงโซวผิงอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำ “นางเป็นของท่านอยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงท่านก็สามารถไปเห็นนางได้ตามที่ท่านต้องการตลอดอยู่ดี”

ซูอันดูหงุดหงิด “ทำไม? เจ้ากลัวว่าข้าจะไปช้าเกินไปและถ่วงเจ้าไว้งั้นเหรอ?”

รอยยิ้มประจบประแจงของเฉิงโซวผิงปรากฏขึ้นทันที “ผู้น้อยจะกล้าคิดแบบนั้นได้ยังไง? มา ๆ ทางนี้เลยนายน้อย!”

เมื่อทั้งสองมาถึงเรือนพักเล็ก ๆ ของชิวฮัวเล่ย พวกเขาก็เห็นว่ามีผู้คนมากมายอยู่ข้างนอก เสียงกระซิบกระซาบแสดงความชื่นชมสะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ของชิวฮัวเล่ย

“ให้ตายเถอะ นางสวยขนาดนี้เลยเหรอ?”

“เป็นเพราะนางยิ้มบ่อย ๆ หรือเปล่า? ข้ารู้สึกว่านางสวยกว่าคุณหนูใหญ่ซะอีก”

“มีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ในโลกด้วยเหรอ?”

“เฮ้อ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงได้เป็นแค่สาวใช้…”

“นายน้อย ทางนี้! มุมตรงนี้ดีที่สุด!” เฉิงโซวผิงพุ่งเข้าไปในฝูงชนและกลับออกมาอีกครั้งเหมือนกระต่าย เขาหาจุดชมที่ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็ว และกวักมือเรียกซูอันอย่างตื่นเต้น

“เจ้านี่มันโง่จริง ๆ” ซูอันเดินไปข้างหน้า ผลักทุกคนที่ขวางทางออกไป

ในที่สุดเฉิงโซวผิงก็เข้าใจ เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของนายน้อยกับแม่นางชิว เขาคงไม่จำเป็นต้องชื่นชมนางอย่างลับ ๆ จากระยะไกล

เฮ้อ…นายน้อยช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!

ว่าแต่ทำไมจู่ ๆ ข้าก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาล่ะ?

ซูอันเดินตรงไปท่ามกลางฝูงชน ผลักผู้คนที่ขวางไปตลอดทาง

“ใครกันที่หยิ่งยโสขนาดนี้!”

“อ๊ะ! เป็นนายน้อย…ฮ่า ๆ”

“นายน้อยอะไร? ใครจะรู้ว่าเขาเข้ากันได้ดีกับคุณหนูใหญ่ของเราหรือไม่?”

ซูอัน ไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงกระซิบของฝูงชนเลย ทำไมเขาถึงต้องลดระดับตัวเองลงเพื่อโต้เถียงกับคนพวกนี้?

“นายน้อยช่างใจกล้าจริง ๆ! เขากล้าถึงขนาดมาเชยชมความงามของแม่นางชิวอย่างเปิดเผยแบบนี้ แต่เขาไม่รู้หรือไงว่าแม่นางชิวเป็นคนแบบไหน? ทำไมนางจะต้องไว้หน้าเขาและออกมาพบเขาด้วย?”

หลายคนรู้ว่าชิวฮัวเล่ยมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ในคืนก่อน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่านางมาที่นี่ทำไม ไม่มีใครรู้รายละเอียดการสนทนาเมื่อคืน

ในขณะที่ฝูงชนยังคงล้อเลียน ในที่สุดชิวฮัวเล่ยก็มองเห็นซูอัน นางยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งมาหาเขาด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

เสียงกระซิบที่ดูหมิ่นหยุดลงทันที ภาพนี้ช่างน่าตกใจเหลือเกิน!

ชิวฮัวเล่ยผู้โด่งดังแห่งเมืองจันทร์กระจ่างกำลังวิ่งเข้าหาซูอัน ราวกับเป็นหญิงสาวที่กำลังมีความรัก!

ห๊ะ?

แม่งเอ๊ย! ใจคอมันจะกวาดผู้หญิงสวย ๆ ไปจนหมดหรือไง?

ท่านยั่วยุบรรดาคนรับใช้สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 66…66…66…

“อาซู เจ้าอยู่ที่นี่!” ชิวฮัวเล่ยหยุดอยู่ตรงหน้าซูอัน รอยยิ้มของนางสดใสสวยงาม แม้ว่าในคืนก่อนนางจะต่อสู้กับเพ่ยเหมียนหมาน แต่ใบหน้าของนางก็ไม่มีอาการเหนื่อยล้าให้เห็น

“เมื่อคืนข้าควรจะมาเยี่ยมเจ้า แต่เนื่องจากมันดึกมากเกินไป ข้าก็เลยกังวลว่าเจ้าจะไม่เปิดประตูให้ข้า” ซูอันพูดพร้อมกับหัวเราะ