ตอนที่ 484 ค่าทำธุระ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 484 ค่าทำธุระ

ทันทีที่กลับมาถึงวิลล่า หลินม่ายก็เริ่มเตรียมอาหารมื้อเย็น

ในขณะที่กำลังนึกกังวลว่าจะฆ่าปลาไหลอย่างไร เธอก็ล้างทำความสะอาดปูไปพลาง ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินว่าฟางจั๋วเยวี่ยกลับมาแล้ว

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงของเขาก็ดังขึ้น “พี่สะใภ้ ผมซื้อเครื่องบันทึกเทปทั้งมือหนึ่งและมือสองมาให้คุณแล้ว อย่าลืมจ่ายค่าทำธุระให้ผมด้วยล่ะ!”

จากนั้นเสียงของคุณย่าฟางก็ดังขึ้น “พี่ชายจ่ายเงินให้เธอเอาไปซื้อเครื่องบันทึกเทปแล้วไม่ใช่หรือไง แค่ขอวานนิดวานหน่อยยังจะอยากได้เงินค่าทำธุระอีก ฉันจะฆ่าแกซะไอ้เจ้าหลานไม่รักดี!”

คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าหลังจากนั้นฟางจั๋วเยวี่ยต้องโดนด่าทอและทุบตีหลายครั้ง

หลินม่ายเช็ดมือด้วยผ้าขนหนูหมาด ๆ แล้วรีบวิ่งออกไปดู ก็เห็นว่าบนโต๊ะกาแฟมีเครื่องบันทึกเทปยี่ห้อซันโยสองเครื่องที่มีสภาพใหม่เอี่ยมวางอยู่

ฟางจั๋วเยวี่ยลูบศีรษะตัวเองจากการโดนผู้เป็นย่าทุบตีอย่างไร้ความปรานี โอดครวญว่า “พี่สะใภ้ ผมช่วยพี่ซื้อสองเครื่องนี้มาในราคาที่ประหยัดไปตั้งห้าสิบหยวน ผมขอค่าทำธุระจากคุณนิดหน่อย คงไม่มากเกินไปหรอกมั้ง”

“ไม่มากเกินไปหรอก” หลินม่ายถาม “พี่ชายคุณใช้ให้คุณไปซื้อพวกมันมาเหรอ?”

“ไม่เชิง! ผมได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายหลังจากผมทำงานเสร็จในช่วงบ่าย เขาขอให้ผมเลิกงานก่อนเวลา จะได้ไปหาซื้อเครื่องบันทึกเทปมาให้คุณ”

หลังจากนั้นเขาก็เดินไปอยู่ข้าง ๆ หลินม่ายพลางพูดยิ้ม ๆ “เห็นไหมว่าพี่ชายผมใจดีกับคุณแค่ไหน เขาเป็นห่วงคุณไปซะทุกเรื่องเลย ผมเป็นน้องชายของเขามาตั้งแต่เกิด ยังไม่เคยเห็นเขาใจดีกับผมแบบนี้มาก่อนเลย”

หลินม่ายมองตามฟางจั๋วหรานที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้าน เดินเข้ามาอยู่ข้างหลังฟางจั๋วเยวี่ย แล้วกึ่งผลักกึ่งอุ้มเขาออกไป

จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่าคิดจะรบกวนพี่สะใภ้ของนายเด็ดขาด แล้วคราวหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้เงินจากฉัน”

ความเข้มงวดทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเขาทำให้ฟางจั๋วเยวี่ยได้แต่ทำหน้าหงอยอย่างเชื่อฟัง

พอเห็นว่าเขาดูน่าสงสารแบบนั้น หลินม่ายจึงควักเงินที่พกติดตัวออกมาสิบหยวนแล้วยื่นให้เขา “ค่าทำธุระของคุณ”

ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อย กำลังจะเอื้อมมือไปรับเงินสิบหยวนจากเธอ

ฟางจั๋วหรานกลับถลึงตาใส่อย่างเฉียบขาด ปัดมือเขาไปอีกทาง “หยุดขอเงินจากพี่สะใภ้นายได้แล้ว”

จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบธนบัตรออกมาจ่ายให้ฟางจั๋วเยวี่ย

ไม่ว่าใครจะเป็นคนจ่ายค่าทำธุระก็ตาม ขอแค่จ่าย ฟางจั๋วเยวี่ยก็มีความสุขทั้งนั้น

คุณปู่ฟางมองตามหลานชายคนเล็กด้วยสายตาขุ่นเคือง “เจ้าหลานไม่รู้จักโตคนนี้ ไม่อายหรือไงที่ขอเงินจากพี่ชายกับพี่สะใภ้ของตัวเอง?”

คุณย่าฟางพูดเสริมขึ้นมา “เมื่อกี้ฉันได้ยินว่าเธอทำให้พี่สะใภ้ประหยัดเงินไปได้ห้าสิบหยวน บอกหน่อยซิว่าเป็นเรื่องจริงไหม?”

“จริงสิครับ!” ฟางจั๋วเยวี่ยตบหน้าอกตัวเองแล้วอธิบายอย่างจริงจัง “เจ้าของร้านบนถนนเป่าเฉิงพวกนั้นคิดจะเล่นตุกติกต่อหน้าผม ไม่รู้ซะแล้วว่าผมน่ะเป็นอดีตนักศึกษาแผนกวิศวกรรมไฟฟ้า รู้ทันกลโกงหลอกลวงทุกรูปแบบ ไม่ใช่แค่เครื่องบันทึกเทปซันโยมือสองที่มีปัญหาร้อยแปด แม้แต่เครื่องมือหนึ่งยังมีปัญหาสารพัด ผมจ่ายเงินไปแค่ห้าร้อยหยวนก็ได้มาตั้งสองเครื่องแล้ว ถ้าคุณไปซื้อเอง น่ากลัวว่าเงินหกร้อยยังไม่พอซื้อแม้แต่เครื่องเดียวด้วยซ้ำ”

หลินม่ายชื่นชมความสามารถของเขาอย่างท่วมท้น

ตอนที่เธอไปซื้อด้วยตัวเอง เจ้าของร้านตั้งราคาเครื่องบันทึกเทปซันโยมือสองไว้ที่ห้าร้อยหยวน

เพราะฉะนั้นค่าทำธุระจำนวนสิบหยวนที่เธอยินดีจ่ายให้ถือว่าไม่มากเลย

ฟางจั๋วหรานลองเปิดเครื่องบันทึกเทปทั้งสองดู พบว่าคุณภาพเสียงของตัวเครื่องมือหนึ่งค่อนข้างดี

ในขณะที่เครื่องมือสองมีเสียงดังแปลก ๆ

คุณย่าฟางยอกย้อนเขา “ทำเป็นอวดว่าตัวเองซื้อของมาได้ในราคาถูก ถ้าได้ของราคาถูกมาแล้วคุณภาพแย่แบบนี้จะไปมีประโยชน์อะไร?”

ฟางจั๋วเยวี่ยอธิบาย “เครื่องบันทึกเทปอันนี้พังภายในสามวันหลังจากที่ผมซื้อมันกลับมา หลังจากนั้นผมก็เลยพาพรรคพวกไปคุยกับเจ้าของร้าน เขาน่าจะเห็นว่าผมมีพวกเยอะเกินไป ก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมคืนเงินให้หนึ่งร้อยหยวน”

คุณปู่ฟางขมวดคิ้ว “ต่อให้เธอได้มันมาในราคาถูก แต่ในเมื่อมันใช้ไม่ได้ นั่นก็เท่ากับเสียเงินเปล่าไม่ใช่หรือ?”

ฟางจั๋วเยวี่ยหยิบชิ้นส่วนบางอย่างออกมาจากกระเป๋า แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมจะเปลี่ยนอะไหล่บางอย่างของเครื่องบันทึกเทปอันนี้ คราวนี้สภาพของมันก็จะกลับมาเหมือนใหม่อีกครั้ง”

โต้วโต้วที่กำลังพลิกเครื่องบันทึกเทปอันใหม่ไปมาหยุดเล่นหลังจากได้ยินแบบนั้น จากนั้นก็เฝ้าดูฟางจั๋วเยวี่ยเปลี่ยนอะไหล่ของเครื่องบันทึกเทปมือสองอย่างคล่องแคล่ว

หลินม่ายเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อลงมือทำอาหารมื้อเย็นต่อ ฟางจั๋วหรานจึงเดินตามเข้าไปเพื่อช่วยเธอฆ่าปลาไหล

ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้แตะปูเลย เพราะกลัวว่านิ้วอาจถูกกระดองบาด จนอาจส่งผลกระทบกับการทำงานได้

ฟางจั๋วเยวี่ยถอดชิ้นส่วนของเครื่องบันทึกเทปมือสองออกมา เปลี่ยนอะไหล่ภายในสามขั้นตอน จากนั้นก็ประกอบเข้าด้วยกันใหม่ ใส่เทปเข้าไป แล้วเปิดเล่นให้ทุกคนฟัง

จริงอย่างที่เขาอวดอ้างเอาไว้ก่อนหน้านี้ คุณภาพเสียงของมันเทียบได้กับเครื่องบันทึกเสียงมือหนึ่งทีเดียว

โต้วโต้วปรบมือน้อย ๆ ด้วยความดีใจ ชื่นชมฟางจั๋วเยวี่ยไม่หยุดว่าเขาน่าทึ่งแค่ไหน

หลินม่ายที่อยู่ในครัวก็ได้ยินเช่นกัน จึงหันไปพูดกับฟางจั๋วหรานว่า “น้องชายคุณนี่เก่งจริง ๆ ใช้เวลาไม่นานก็ซ่อมเครื่องบันทึกเทปมือสองเสร็จแล้ว อยากรู้จังว่าในฐานะที่เขาเรียนจบวิศวกรรมไฟฟ้ามา เขาจะพอรู้จักเทคโนโลยีการทำความเย็นหรือเปล่า”

“แน่นอน” ฟางจั๋วหรานพูดในขณะที่เขาลงมือฆ่าปลาไหล “หนึ่งในวิชาเอกของเขาคือเทคโนโลยีการทำความเย็นนี่แหละ ไม่นานมานี้ ห้องเย็นขนาดความจุหนึ่งหมื่นตันมีปัญหาขัดข้อง แม้แต่ช่างเทคนิคก็ไม่สามารถแก้ไขได้ พวกเขาก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากโรงงานชั้นนำ ในขณะที่วิศวกรอาวุโสในโรงงานไม่สามารถซ่อมได้ แต่ห้องเย็นกลับมาใช้งานได้ตามปกติหลังจากจั๋วเยวี่ยไปหยิบจับแค่นิดหน่อย อย่าคิดว่าเขาเป็นคนที่เอาแน่เอานอนในชีวิตไม่ได้แถมยังใช้เงินฟุ่มเฟือย ความจริงแล้วเขามีพรสวรรค์มาก”

หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองถามเขาดู ว่าเขาสามารถทำห้องเย็นขนาดเล็กให้ตลาดสดฝูตัวตัวของฉันได้หรือเปล่า”

ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “เขาน่าจะทำได้”

หลังจากจัดการกับปลาไหลเสร็จ เมื่อเห็นว่าหลินม่ายกำลังจะล้างปู เขาก็เบียดให้เธอไปอยู่ด้านข้าง “ผมทำเอง”

หลินม่ายใช้มือผลักเขาออกไป “คุณทำไม่ได้หรอก ถ้านิ้วคุณโดนบาดขึ้นมา เดี๋ยวคุณจะผ่าตัดให้คนไข้ไม่ได้นะ”

ฟางจั๋วหรานนิ่งเงียบไปสองสามวินาที “ที่คุณพูดก็มีเหตุผลนะ”

เขาล้างมือ เดินออกมาจากห้องครัว จากนั้นก็เรียกฟางจั๋วเยวี่ยเข้าไป “นายไปช่วยพี่สะใภ้ล้างทำความสะอาดปูพวกนี้หน่อยสิ”

ฟางจั๋วเยวี่ยตอบตำลงอย่างไม่เต็มใจ ขณะมองไปที่กระดองปูและก้ามอันแหลมคมของมันในอ่าง

มื้อเย็นวันนี้ หลินม่ายทำอาหารมื้อใหญ่ที่แสนอร่อยอีกเช่นเคย

ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถึงอากาศในตอนกลางวันจะยังร้อนอบอ้าวอยู่ แต่หลังจากพระอาทิตย์ตกดินก็ยังพอมีลมเย็นสบายพัดผ่านบ้าง

วันนี้ทุกคนไม่กินข้าวในห้องอาหาร แต่ลงมารวมตัวกันอยู่ที่ลานพักผ่อนในสวนหลังบ้าน เพื่อชมจันทร์ไปพร้อม ๆ กับรับประทานอาหารร่วมกัน

ระหว่างที่กินกันอยู่นั้น หลินม่ายถามฟางจั๋วเยวี่ยว่าเขาพอจะช่วยสร้างห้องเย็นขนาดเล็กให้ได้หรือไม่

คุณปู่ฟางและภรรยาถามด้วยความสงสัยว่าเธออยากได้ห้องเย็นขนาดเล็กไปทำไมกัน

หลินม่ายจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟัง

ฟางจั๋วเยวี่ยแทะปูแม่น้ำนึ่งอย่างเอร็ดอร่อยพลางพยักหน้าและพูดว่า “ได้สิ คุณแค่ไปหาวัสดุอุปกรณ์มาก็พอแล้ว เดี๋ยวผมจัดการติดตั้งให้เอง”

หลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดเสริมด้วยรอยยิ้ม “ถ้าผมสร้างห้องเย็นขนาดเล็กให้คุณ คุณต้องทำอาหารอร่อย ๆ ให้ผมกินนะ”

หลินม่ายพยักหน้ารับ “ไม่มีปัญหา”

ขณะที่หลินม่าย คุณย่าฟาง และคนอื่น ๆ กำลังรับประทานอาหารมื้อเย็นกันอย่างมีความสุข ครอบครัวของเถาจืออวิ๋นก็กำลังรับประทานอาหารเย็นร่วมกันอย่างพร้อมหน้าเนื่องในโอกาสวันไหว้พระจันทร์

ถึงแม้วันไหว้พระจันทร์จะตรงกับวันพรุ่งนี้ แต่ก่อนถึงเทศกาลวันหนึ่ง ลูกชายทั้งสองของบ้านมักจะพาภรรยากลับบ้านเก่าเพื่อเยี่ยมพ่อแม่ ดังนั้นเมื่อสมาชิกตระกูลเถาได้มารวมตัวกัน พวกเขาจึงถือโอกาสรับประทานอาหารมื้อใหญ่ล่วงหน้าเสียเลย

เถาจืออวิ๋นรับหน้าที่ซื้อวัตถุดิบทั้งหมดสำหรับงานเลี้ยงต้อนรับกลับบ้าน

หล่อนทำงานในโรงงานของหลินม่าย เงินเดือนและโบนัสทั้งหมดรวมกันแล้วถือว่าสูงกว่ารายได้ของพี่ชายและพี่สะใภ้ทั้งสองคู่รวมกันเสียอีก

สำหรับหล่อนแล้วทุกคนไม่จำเป็นต้องควักเงินซื้อวัตถุดิบเพื่อมาทานอาหารร่วมกัน ในเมื่อสามารถแบ่งเบาภาระของพ่อ แม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ของตัวเองได้ มีเหตุผลอะไรที่หล่อนจะไม่ทำล่ะ

ไม่นานหลังจากที่ทั้งครอบครัวเริ่มรับประทานอาหาร เถาจืออวิ๋นก็ถามพี่ชายและพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยความกระวนกระวายใจ ว่าพวกเขาเจอหัวหน้าหลูแล้วหรือยัง

พี่สะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้น “เจอแล้ว หลังเลิกงานฉันกับพี่ชายเธอออกไปซื้อของขวัญด้วยกัน แล้วแวะไปที่บ้านของหัวหน้าหลู อันดับแรกคือขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้ หลังจากนั้นก็ฉวยโอกาสแนะนำให้เขาไปนัดบอดซะเลย”

เถาจืออวิ๋นหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น “พี่สะใภ้ใหญ่สุดยอดไปเลย คิดกลอุบายแบบนั้นออกมาได้”

พี่สะใภ้ใหญ่เช็ดริมฝีปากที่เลอะคราบมันเยิ้มของตัวเอง “หึ! ฉันน่ะยังอ่อนหัดนัก เทียบกับหัวหน้าหลูอะไรนั่นแล้ว ความเจ้าเล่ห์ของฉันยังถือว่าน้อยเกินไป”

แม่เถาถามด้วยสีหน้าจริงจัง “หัวหน้าหลูเขาพูดอะไรล่ะ เธอถึงคิดว่าเขาเจ้าเล่ห์กว่าตัวเอง?”

ลูกสะใภ้คนโตของนางทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสหภาพแรงงานขององค์กร ต้องจัดการกับปัญหาและเรื่องหยุมหยิมระหว่างพนักงานแทบทุกวัน แน่นอนว่าย่อมมีกึ๋นมากกว่าใคร ๆ

ตราบใดที่หล่อนคิดว่าคนอื่นมีกึ๋นมากกว่าตัวเอง หมายความว่าคนคนนั้นต้องไม่ธรรมดา

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

จั๋วเยวี่ยจริงๆ แล้วก็เก่งเหมือนกันนี่นา แต่แค่ชอบทำตัวลอยชายไปมาเท่านั้นเอง

ไหหม่า(海馬)