ตอนที่ 483 ว่าจ้างคุณอวี๋

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 483 ว่าจ้างคุณอวี๋

หลินม่ายมาที่แผนกบุคคลของสถาบันออกแบบจงหนาน

หัวหน้าฝ่ายบุคคลจำเธอได้อย่างแม่นยำ แต่ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนสวย

เด็กสาววัยรุ่นคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะสวยแค่ไหน ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับหล่อนเป็นพิเศษ

เหตุผลหลักเป็นเพราะความใจกว้างของหลินม่าย รวมถึงซองแดงปึกหนา ที่ทำให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลประทับใจในตัวเธออย่างสุดซึ้ง

หลินม่ายใช้วิธีเดียวกันกับคราวที่แล้ว นั่นก็คือให้ซองแดงเป็นเครื่องช่วยเบิกทาง

หลังจากหัวหน้าฝ่ายบุคคลได้รับซองแดง หล่อนก็ช่วยแนะนำวิศวกรเกษียณอายุหลายคนที่มีความสามารถโดดเด่นด้านการออกแบบและก่อสร้างอาคารพาณิชย์ให้หลินม่าย

หล่อนยังอุตส่าห์แนะนำบุคลิกของวิศวกรเหล่านี้เพิ่มเติม เพื่อที่หลินม่ายจะได้ตัดสินใจว่าจ้างคนที่มีความสามารถและบุคลิกตรงตามความต้องการมากขึ้น

หลินม่ายฟังหัวหน้าฝ่ายบุคคลแนะนำจนจบ ในที่สุดก็เลือกวิศวกรที่เกษียณอายุแล้วชื่อว่าอวี๋หมิง

เมื่อเธอเดินทางไปพบคุณอวี๋ถึงที่บ้านแล้วอธิบายจุดประสงค์ของตัวเอง คุณอวี๋ก็มีความสุขมาก

เขาพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ไอหยา ดีเหลือเกิน ในที่สุดฉันก็ได้งานใหม่แล้ว จากนี้ฉันจะได้ไม่ต้องนั่งอิจฉาตาเฒ่าเจิ้งเอินตงนั่นอีก!”

หลินม่ายส่งแผนผังที่ดินของหมู่บ้านซั่งเฉวียนให้กับคุณอวี๋

“นี่คืองานแรกของคุณค่ะ ซึ่งก็คือการออกแบบอาคารพาณิชย์ห้าชั้นบนที่ดินผืนนี้ โดยซอยย่อยออกเป็นหน้าร้านหลาย ๆ คูหา คุณคิดว่าประมาณกี่วันถึงจะออกแบบเสร็จคะ?”

คุณอวี๋หยิบแผนผังที่ดินขึ้นมาดู “ไว้ผมค่อยแวะไปดูสถานที่จริงในภายหลัง น่าจะออกแบบเสร็จอย่างช้าที่สุดภายในสองวัน”

หลินม่ายยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อนค่ะ ไว้หลังวันไหว้พระจันทร์ค่อยส่งงานก็ได้ ช่วงประมาณสองวันหลังจากวันไหว้พระจันทร์ ฉันจะไปรับคุณมาที่บริษัทเพื่อประชุมและทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ถึงเวลานั้นคุณค่อยส่งพิมพ์เขียวให้ฉันก็ได้”

คุณอวี๋โบกมือ “ผมไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้นจริง ๆ ไม่ต้องรอให้ถึงวันไหว้พระจันทร์ผมก็ทำงานเสร็จแล้ว อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่อาคารขนาดใหญ่ ไม่ยากเท่าไหร่หรอก”

หลินม่ายยึดตามที่เขาว่า

วันแรกหลังเทศกาลไหว้พระจันทร์ตรงกับวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่มีนัดประชุมใหญ่ช่วงเช้าตามปกติ

ถ้าคุณอวี๋สามารถส่งพิมพ์เขียวให้เธอภายในวันนั้นได้ เธอก็ไม่ต้องเลื่อนการประชุมออกไปเพื่อรองรับเขา

วันพรุ่งนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์แล้ว หลังออกจากบ้านของคุณอวี๋ หลินม่ายก็ไปที่ตลาดสดฝูตัวตัวเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมื้อเย็น และจะได้ตรวจสอบการทำงานของจ้าวเลี่ยงด้วย

ไม่กี่วันที่ผ่านมา หลินม่ายแวะไปที่ตลาดสด พบว่าในตลาดมีลูกค้าจำนวนมาก

ด้วยจำนวนคนที่มากขนาดนั้น ถ้าจะพูดว่าเป็นคลื่นมหาชนก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง

หลินม่ายเดินตามคลื่นมหาชนเข้าไปในตลาดสดฝูตัวตัว สินค้าประเภทเส้นบะหมี่และผักสดยังไม่มีการขึ้นราคา แต่วัตถุดิบประเภทสัตว์ปีก ไข่ไก่ รวมถึงเนื้อสัตว์ปรับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ถึงอย่างนั้นก็ยังมีลูกค้าจำนวนมากที่เต็มใจเลือกซื้อของราวกับไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงด้านราคา

โดยเฉพาะสินค้าประเภทข้าวสารและบะหมี่ที่ขายดิบขายดีเป็นพิเศษ เนื่องจากมันไม่มีการขึ้นราคา จึงมีคนต่อแถวซื้อยาวเหยียด

ลูกค้าหลายคนซื้อไปคนละสองถุง แต่ละถุงบรรจุข้าวสารปริมาณห้าชั่ง

พนักงานขายคอยนับสต็อกและเติมสินค้าอยู่เรื่อย ๆ หลายคนเหงื่อแตกพลั่กเพราะความเหนื่อยล้า เสื้อผ้าของพวกเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

หลินม่ายตรงไปที่แผงขายหมู ตั้งใจว่าจะซื้อเนื้อสันในสักหนึ่งชั่ง วางแผนว่าจะกลับไปทำเนื้อสันในผัดเปรี้ยวหวานเป็นอาหารมื้อเย็น เพราะคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางชอบเมนูนี้มาก

ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินคุณป้าสองสามคนกำลังยืนเถียงกับพนักงานขายหน้าแผงขายไก่และเป็ดที่อยู่ข้าง ๆ

คุณป้าคนหนึ่งตั้งคำถามว่าไก่กับเป็ดพวกนี้ที่อยู่ในตู้แช่แข็งสดพอหรือเปล่า

พนักงานขายอธิบายให้พวกเธอฟังอย่างอดทนว่าไก่และเป็ดเหล่านี้เพิ่งถูกเชือดตอนตีสองหรือตีสามในเช้าวันเดียวกัน ดังนั้นรับประกันความสดใหม่ได้เลย

แต่คุณป้าคนนั้นกลับกลอกตา “เธอเป็นพนักงาน ก็ต้องบอกว่าของของตัวเองสดใหม่แน่อยู่แล้ว! แต่เราไม่เห็นตอนเชือดพวกมันซะหน่อย จะให้เชื่อได้ยังไงว่ามันเพิ่งถูกเชือดเมื่อเช้า? ไก่กับเป็ดพวกนี้ป่วยหรือเปล่าพวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน”

หลังจากได้ยินคุณป้าคนนี้พูด ลูกค้าหลายคนต่างก็เห็นด้วยกับหล่อน และคิดว่าสิ่งที่หล่อนพูดมีเหตุผล

ขณะนั้นจ้าวเลี่ยงกำลังเดินตรวจตราตลาดผักอยู่พอดี เมื่อเห็นว่าแผงขายไก่และเป็ดค่อนข้างเสียงดังเอะอะเป็นพิเศษ จึงรีบเดินเข้าไปดู

หลังจากรู้สาเหตุแล้ว เขาก็หันไปสั่งลูกน้องคนหนึ่งที่เดินตามมาด้วย “เข้าไปในสำนักงานของฉันแล้วหยิบใบรับรองการควบคุมโรคสัตว์ออกมาหน่อย”

ลูกน้องของเขาเคลื่อนไหวเร็วมาก ไม่กี่นาทีต่อมา ใบรับรองการควบคุมโรคสัตว์ที่ห่อคลุมไว้ด้วยถึงพลาสติกใสก็ถูกนำมาแขวนไว้ที่หน้าแผง

คุณป้าคนเดิมไม่พูดอะไรอีก แต่ในขณะที่กำลังจะเลือกซื้อเป็ดไก่ หล่อนก็ถูกลูกค้าจำนวนมากเบียดออกไป ทุกคนต่างแย่งชิงโอกาสที่ตัวเองจะได้ซื้อไก่และเป็ดกลับไปทำอาหาร

นั่นเป็นเพราะไก่และเป็ดแบบถอนขนแล้วที่อยู่ในตู้แช่แข็งมีจำนวนจำกัด ใคร ๆ ก็กลัวว่าตัวเองอาจซื้อไม่ทันกันทั้งนั้น

เพราะกลัวว่าสถานการณ์อาจวุ่นวาย จ้าวเลี่ยงจึงเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำตลาดสดมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย ในขณะเดียวกันก็จัดแจงให้คนช่วยขนย้ายไก่และเป็ดจำนวนสองร้อยตัวไปเก็บไว้ที่ห้องเย็นของรัฐ

หลินม่ายไม่ได้เข้าไปแทรกแซงงานของเขา ปล่อยให้จ้าวเลี่ยงจัดการกันเอง

พอเห็นว่าเขาสามารถจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ก็ไม่มีเหตุผลที่หลินม่ายจะเข้าไปก้าวก่าย

เธอซื้อเนื้อสันในมาหนึ่งชั่ง ตับหมูอีกครึ่งชั่ง จากนั้นก็เดินเล่นในตลาดต่อ

พอเห็นปูสด ๆ ที่เพิ่งจับมาจากแม่น้ำ ก็รีบเดินเข้าไปดูด้วยความตื่นเต้น

อาหารทะเลโดยเฉพาะปูและกุ้งถือเป็นของโปรดของเธอ พอเห็นกุ้งปูที่มาจากบ้านเกิดของตัวเองก็ยิ่งปลื้มปริ่ม

กุ้งแม่น้ำในเมืองซื่อเหม่ยเป็นกุ้งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สามารถขยายขนาดจนโตได้ถึงหนึ่งหรือสองนิ้ว

ส่วนปูก็สามารถขยายขนาดจนตัวโตเท่าชามใบหนึ่ง

ถึงอย่างนั้นผลผลิตก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมแพร่หลาย ชาวบ้านทั่วไปไม่ชอบกินปูกับกุ้งเท่าใดนัก วัตถุดิบประเภทนี้จึงไม่มีชื่อเสียง

หลินม่ายคุกเข่าลงนั่งยอง ๆ แล้วเริ่มเลือกกุ้งและปู

เธอซื้อกุ้งน้ำจืดตัวใหญ่ที่ยังเป็น ๆ มาสองชั่ง และซื้อปูน้ำจืดที่มีก้ามขนาดใหญ่มาสิบเอ็ดตัวในคราวเดียว

มื้อเย็นวันนี้มีผู้ใหญ่ห้าคนและเด็กอีกหนึ่งคนรอรับประทานอาหาร จึงกลัวว่าถ้าซื้อน้อยกว่านี้คงไม่เพียงพอ

ลำพังเธอคนเดียวก็กินปูตัวใหญ่ได้มื้อละสองตัวแล้ว คุณปู่ฟางกับคนอื่น ๆ เองก็คงมีความสามารถในการกินที่ไม่ต่างกัน

ยุคสมัยนี้ กุ้งแม่น้ำรวมถึงปูน้ำจืดถือเป็นวัตถุดิบไร้ค่า หลินม่ายจึงซื้อพวกมันในปริมาณมากมาด้วยราคาเทียบเท่ากับการซื้อซี่โครงหมูสองชั่ง

อีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า ถ้ามีเงินแค่มีเงินไม่กี่ร้อยหยวนก็แทบจะหาซื้อพวกมันไม่ได้แล้ว

หลินม่ายรอให้พนักงานขายจับกุ้งและปูใส่ถุงให้เธอ เสร็จแล้วก็รับมาถือไว้ พอหันกลับมาก็พบเข้ากับจ้าวเลี่ยงอย่างจัง ทำให้เธอตกใจจนสะดุ้งโหยง

เธอลูบหน้าอกตัวเองพร้อมถามว่า “ทำไมนายถึงมาอยู่นี่ล่ะ ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการไม่ใช่หรือไง?”

จ้าวเลี่ยงพูดกลั้วหัวเราะ “ปัญหาทั้งหมดคลี่คลายแล้ว หัวหน้าหลินอยู่ที่นี่ทั้งคน ไม่ว่ายังไงผมก็ควรแวะมาทักทายหน่อย”

หลินม่ายมองไปทางแผงขายไก่และเป็ด เห็นคนงานรูปร่างสูงใหญ่กำยำสองสามคนกำลังเดินยกตะกร้าที่บรรจุไก่กับเป็ดที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งก้อนไปวางบนรถเข็นขนของขนาดเล็ก

บรรดาลูกค้าที่ชุลมุนวุ่นวายเมื่อกี้นี้สงบลงมากแล้ว

หลินม่าย “ฉันเคยแนะนำให้นายใช้น้ำแข็งก้อนเพื่อรักษาอุณหภูมิไก่กับเป็ดในโกดังไม่ใช่เหรอ เผื่อว่าตู้แช่แข็งว่าเปล่าจะได้เอาของมาเติมได้ทันที พอลูกค้าเห็นแบบนั้นก็จะได้ไม่สร้างปัญหาให้เราปวดหัวตั้งแต่แรก ทำไมนายถึงยอมจ่ายเงินเพื่อขนย้ายไก่กับเป็ดพวกนี้ไปเก็บไว้ในห้องเย็นของรัฐด้วย? หรือว่านายกลัวว่าน้ำแข็งอาจรักษาความสดใหม่ของเนื้อสัตว์ได้ไม่ดีพอ? ตราบใดที่มีน้ำแข็งมากพอ การเก็บรักษาของสดในระยะสั้นย่อมไม่ใช่ปัญหา”

จ้าวเลี่ยงส่ายหน้า “ไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้นหรอกครับ สาเหตุหลักเป็นเพราะข้าวสารกับเส้นบะหมี่ขายดีเกินกว่าที่คิด ผมกลัวว่าถ้ายอดขายยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ของอาจหมดสต็อก ก็เลยซื้อของพวกนั้นมาตุนไว้ในโกดังตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้พื้นที่ไม่เพียงพอจะเก็บไก่และเป็ดไว้อีกต่อไป เดี๋ยวความชื้นจะส่งผลต่อคุณภาพของข้าวสารกับเส้นบะหมี่เอาได้”

เป็นอย่างนี้นี่เอง

จ้าวเลี่ยงถอนหายใจ “ถ้าตลาดสดของเรามีห้องเย็นเป็นของตัวเองก็คงจะดี เราจะได้เก็บวัตถุดิบประเภทของสดได้มากหน่อย สมมุติของในตู้แช่แข็งหมด เราก็ขนของจากในห้องเย็นออกมาเติมได้ในไม่กี่นาที ถ้าต้องรอขนของจากห้องเย็นของรัฐมาเติม ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบนาทีเชียว พอ ๆ กับความเร็วของรถสามล้อพ่วงข้างเลยนะ”

ในขณะที่เขากำลังบ่นยาวเหยียด พนักงานคนหนึ่งก็เดินมาเรียกให้เขาไปช่วยแก้ไขปัญหา

จ้าวเลี่ยงชี้ไปที่แผงขายอาหารทะเล “พ่อค้าจากกวางตุ้งได้กุ้งมังกรตัวใหญ่มาขาย หัวหน้าหลินไม่ซื้อกลับไปสักสองตัวล่ะครับ?” ถามแล้วก็รีบเดินจากไปโดยไม่รอคำตอบ

หลินม่ายยืดคอมองไปบนแผงขายอาหารทะเลอีกครั้ง พบว่ามีกุ้งมังกรตัวใหญ่ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของน่านน้ำในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่จริง ๆ ด้วย… กุ้งมังกรประเหลือง(1)

เมื่อเทียบกับกุ้งล็อบสเตอร์ของออสเตรเลียแล้ว กุ้งมังกรประเหลืองตัวนี้มีรสชาติคล้าย ๆ กัน

แต่ชาวต่างชาติมักเก่งกาจด้านการส่งเสริมวัตถุดิบมากกว่าประเทศจีน กุ้งล็อบสเตอร์ออสเตรเลียจึงมีราคาสูงกว่ามาก ทำให้กุ้งมังกรประเหลืองไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเท่ากุ้งล็อบสเตอร์ออสเตรเลีย

กุ้งมังกรสามารถเอาไปทำอาหารรสเลิศ ไม่ว่าจะนึ่ง อบ… หลินม่ายคิดวิธีการปรุงอยู่ในหัวไม่ต่ำกว่าสิบแปดอย่าง

น่าเสียดายที่วันนี้เธอซื้อกุ้งแม่น้ำมาแล้ว ไว้ถึงวันฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์อย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ค่อยซื้อกุ้งมังกรประเหลืองไปทำกับข้าวก็แล้วกัน

ขณะที่หลินม่ายกำลังเลือกซื้อผักและผลไม้ ก็เหลือบไปเห็นว่ามีเกาลัดป่าวางขายอยู่พอดี

พอหวนนึกถึงตอนที่เธอได้เกิดใหม่ในช่วงแรก ๆ เธอทำธุรกิจส่วนตัวทีละขั้นตอนโดยเริ่มจากการขายเกาลัดคั่ว ก็ให้รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง

เธอซื้อเกาลัดป่ามาอีกสองชั่ง แล้ววนกลับไปซื้อเป็ดตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว ตั้งใจว่าจะทำเป็ดย่างเกาลัดให้ทุกคนได้กินในช่วงมื้อค่ำ

หลังจากซื้อวัตถุดิบทุกชนิดครบแล้ว หลินม่ายก็แวะไปที่ร้านเปาห่าวซือ หยิบกล่องขนมไหว้พระจันทร์รสต่าง ๆ ติดมือมาด้วย จากนั้นค่อยปั่นจักรยานกลับไปที่วิลล่า

ระหว่างทาง เธอมักจะรู้สึกเอะใจแปลก ๆ ว่าตัวเองเหมือนลืมทำอะไรบางอย่าง แต่นึกแล้วนึกอีกก็จำไม่ได้

ในเมื่อนึกไม่ออก แสดงว่าเรื่องที่ว่าคงไม่ใช่เรื่องสำคัญสักเท่าใด ในที่สุดหลินม่ายก็เลิกคิดเรื่องนี้

…………………………………………………………………………………………………………….