ตอนที่ 457 ขอจุมพิตว่าที่สามี

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 457 ขอจุมพิตว่าที่สามี

“ทุกคนอย่าเป็นกังวลนักเลย สัตว์ร้ายเหล่านั้นล้วนมีอาณาเขตของพวกมันเอง อย่าลืมว่าหมู่บ้านฉือหลี่โกวของพวกเรามีฝูงหมาป่าคอยปกป้องอยู่ ขอเพียงพวกเราไม่ออกไปนอกอาณาเขตที่นางหนูรองกำกับไว้ก็จะไม่ได้รับอันตราย”

“ส่วนบนภูเขาที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกับหมู่บ้าน ช่วงสองปีมานี้ก็ปลอดภัยเพราะมีนางหนูรองคอยดูแล เมื่อก่อนลำพังแค่หมูป่าก็ทำให้พวกเราปวดหัวมากพอแล้ว”

แน่นอนว่ามีหลายคนที่ละโมบโลภมาก คิดคำนวณว่าเสือดาวหิมะและหมีควายที่บ้านตระกูลหลินและตระกูลเจียงได้มาคงจะขายได้เงินไม่น้อย ! ทว่าต่อให้อิจฉาก็ไร้ประโยชน์ ใครใช้ให้ครอบครัวของพวกตนไม่โชคดีเท่าตระกูลหลินที่ให้กำเนิดบุตรสาวผู้แข็งแกร่งขนาดนี้ออกมา ?

เจียงโม่หานเดินทางไปยังเมืองจงโจวครั้งนี้อย่างไม่เสียเปล่าเพราะเขาได้ข่าวที่ยืนยันแน่ชัดมาแล้วว่า…การสอบระดับเซียงซื่อในปีนี้ได้รวมบัณฑิตจากสองเมืองให้เข้ามาสอบที่เมืองเหอโจวแห่งเดียว พวกเขาจึงจำเป็นต้องเดินทางไปยังเมืองเหอโจวเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าและการที่บัณฑิตจากสองเมืองมารวมตัวกันที่เมืองเหอโจว นอกจากจะทำให้เรื่องการเช่าบ้านมีความกดดันไม่น้อยแล้ว ดีไม่ดีหากไปช้าก็อาจหาบ้านเช่าไม่ได้เลยสักหลัง !

หลินเว่ยเว่ยจึงเอ่ยกับผู้เข้าสอบทั้งสามว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าได้เขียนจดหมายถึงคุณชายหนิงว่าให้ช่วยหาบ้านเช่า และถ้าเจอบ้านที่เหมาะสมก็ให้เขาเดินเรื่องเช่าแทนพวกเราได้เลย”

การสอบระดับเซียงซื่อต้องสอบถึงสามสนาม แต่ละสนามจะใช้เวลาสอบ 3 วัน 3 คืน และในระหว่างที่สอบทั้งสามสนามนั้นจะได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านแค่หนึ่งคืน กระนั้นหากเช่าบ้านที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมก็อาจส่งผลต่อบัณฑิตที่เข้าสอบได้

กิจการของร้านหนิงจี้ในเมืองเหอโจวได้รับความนิยมอย่างสูง เหล่าผู้อาวุโสและลูกหลานของตระกูลหนิงล้วนชื่นชอบขนมหวานและผลไม้อบแห้งจากร้านหนิงจี้เป็นอย่างมาก กอปรกับพรสวรรค์ด้านการค้าขายของหนิงตงเซิ่งจึงนับได้ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงในระดับแนวหน้าของบุตรหลานในตระกูล !

พี่ชายคนโตที่อยากประสบความสำเร็จและอยู่เหนือกว่าเขามาโดยตลอดยังถูกผู้เป็นบิดาออกปากเตือนจนไม่กล้าคิดทำอะไรเขาอีก ดังนั้นหนิงตงเซิ่งในยามนี้จึงทำการค้าอย่างราบรื่นมากขึ้นทุกวันและความสามารถของเขาก็ปรากฏให้เห็นออกมาอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าฮูหยินใหญ่และพี่ชายต่างมารดาจะควบคุมเขาเรื่องทำการค้าไม่ได้ แต่ก็ยังไม่วายมาควบคุมเรื่องการแต่งงานของเขา ตอนนี้ฮูหยินใหญ่กำลังคิดที่จะให้หลานสาวจากบ้านฝั่งมารดาของนางมาแต่งงานกับเขา ถึงขั้นไปรับหลานสาวคนนั้นมาอยู่ที่บ้านด้วยกัน เวลานางเห็นเขาก็แทบกระโจนเข้าใส่ เดิมทีบ้านควรจะเป็นสรวงสวรรค์แห่งการพักผ่อน แต่ตอนนี้มีสตรีที่อยากจับเขาใจจะขาด แถมยังมีนิสัยอวดดีไม่มีใครเกิน ทำให้หนิงตงเซิ่งเหนื่อยเกินกว่าจะรับมือไหว เขาจึงไม่อยากกลับบ้าน

ขนาดป้าสะใภ้ยังเอ่ยปากว่าอยากให้เขาไปพบกู่เหนียงคนหนึ่งที่มีนิสัยไม่เลว…ไอหยา ! เมื่อใดที่เขาจะสามารถปลดเปลื้องพันธนาการนี้ออกจากตัวได้ สามารถทำตามความปรารถนาของตนได้อย่างอิสระ ?

ทันใดนั้น ในภาพความคิดของหนิงตงเซิ่งก็ได้ปรากฏเงาร่างอันสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขขึ้นมา…แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เขาพบนางช้าไป เพราะกู่เหนียงผู้นั้นได้มีคู่ครองที่เหมาะสมไว้เคียงกายแล้ว…

“นายท่าน มีจดหมายถึงท่านขอรับ ! ” ยามนี้คนงานในร้านได้นำจดหมายมาส่งให้หนิงตงเซิ่ง

เมื่อเห็นตัวอักษรที่ดูดีและเป็นระเบียบบนจดหมาย ทันใดนั้นหนิงตงเซิ่งก็รู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาทันที หลินเว่ยเว่ยเขียนจดหมายมาหาด้วยหรือ ? สิ่งที่นางกังวลที่สุดคือการเขียนอักษรไม่ใช่หรือไร ? จริงสิ นางมีพู่กันขนห่านรูปร่างประหลาด ถึงแม้ว่าอักษรที่นางเขียนจะตัวอ้วนกลม ไร้ความอ่อนช้อย แต่ในที่สุดตัวอักษรของนางก็เป็นรูปเป็นร่างเสียที เมื่อก่อนตอนที่นางใช้พู่กันเขียนอักษรใหม่ ๆ เขาจำได้ว่าถึงขั้นทำเอาทุกคนบรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว !

เขารอไม่ไหวที่จะเปิดซองแล้วหยิบกระดาษแผ่นบางที่มีตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวออกมาอ่าน ‘ท่านช่วยข้าหาบ้านเช่าที่ใกล้สนามสอบในเมืองเหอโจวสักหลัง ขอบ้านที่มีสภาพแวดล้อมเงียบสงบด้วยจะดีมาก’

อารมณ์ที่เคยสดใสของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นเมฆครึ้มทันที จริงสิ อีกสองเดือนก็จะเป็นการสอบระดับเซียงซื่อแล้ว อีกอย่างคู่หมั้นของนางก็สอบติดอั้นโฉ่วในการสอบเยวี่ยนซื่อที่ผ่านมา แล้วจะพลาดการสอบระดับเซียงซื่อในรอบนี้ไปได้อย่างไร ? เมื่อนึกได้ว่าตนต้องเช่าบ้านให้คู่หมั้นของนาง หนิงตงเซิ่งก็ไม่อยากทำทันที !

แต่ด้วยความที่กู่เหนียงน้อยติดคู่หมั้นของนางมาก การสอบระดับเซียงซื่อคราวนี้นางต้องติดตามเขามาแน่นอน หากไม่ช่วยนางแล้วปล่อยให้สตรีบอบบางอาศัยอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมสกปรกและยุ่งเหยิง หนิงตงเซิ่งจะวางใจได้อย่างไร ?

หนิงตงเซิ่งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วกล้ำกลืนความคับข้องใจอย่างยอมรับชะตากรรม เขาจึงตัดสินใจช่วยนางหาบ้านเช่าในวันต่อมา

เขาอ่านตัวอักษรเหล่านั้นอีกหลายรอบ ทันใดนั้นก็พบว่าตัวอักษรที่นางเขียนมีอีกหลายตัวยังไม่สมบูรณ์ จึงทั้งขำขันและเป็นกังวลแทนนาง…เป็นบุตรสาวชาวนาที่เขียนตัวอักษรไม่เป็น แต่คู่หมั้นของนางเป็นถึงบัณฑิตผู้มีความรู้ความสามารถ อีกฝ่ายจะปฏิบัติต่อนางอย่างมั่นคงหรือไม่ ? ในอนาคตจะรังเกียจและทอดทิ้งนางหรือเปล่า ?

ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน หลินเว่ยเว่ยก็ได้รับจดหมายตอบกลับจากหนิงตงเซิ่ง นางจึงวิ่งมาที่เชิงเขาอย่างอารมณ์ดีเพื่อมาหาเจียงโม่หานที่กำลังวาดภาพอยู่ “บัณฑิตน้อย คุณชายหนิงตอบจดหมายกลับมา ตอนนี้เขาหาบ้านเช่าให้เราได้แล้วจึงถามว่าพวกเรามีเวลาไปดูหรือเปล่า…”

“ไม่จำเป็น ขอแค่มีที่อยู่ก็เพียงพอ ! ” การสอบระดับเซียงซื่อในชาติที่แล้ว บ้านเช่าของเขาคือห้องนอนรวมที่ต้องนอนเบียดกันสิบกว่าคน แต่เขาก็ยังสอบติดจู่เหรินไม่ใช่หรือ ? แม้ว่านั่นคือเรื่องในอีกสามปีข้างหน้า

“เช่นนั้น…ก็ดี ! บ้านที่คุณชายหนิงเลือกต้องไม่แย่แน่นอน ! ”หลินเว่ยเว่ยคำนึงได้ว่าเมืองเหอโจวอยู่ไกลกว่าจงโจวเป็นเท่าตัว ใช้เวลาไปกลับนานถึงสี่วัน เช่นนั้นมันจะรบกวนการทบทวนความรู้ของบัณฑิตน้อย !

นางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา หลังจากชำเลืองมองภาพที่บัณฑิตหนุ่มบรรจงวาดขึ้นมา นางก็อดพูดไม่ได้ว่า “บัณฑิตน้อย เจ้าควรปล่อยวางเรื่องการวาดภาพบนพัดลงบ้าง การสอบระดับเซียงซื่อสำคัญมาก เจ้าอย่าประมาท ! ”

ระยะนี้นางมักเห็นเผิงหยูเหยี่ยนและหลินจื่อเหยียนเตรียมตัวสอบอย่างแข็งขัน พวกเขาท่องตำราจนลืมวันลืมคืน ฝึกฝนทำข้อสอบอยู่อย่างนั้น ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนตนได้ย้อนกลับไปช่วงสอบเกาเข่า1ไม่มีผิด สวรรค์ ! มาคิดเอาตอนนี้ก็ยังรู้สึกขนลุกไม่หาย ! แต่พอนางหันมามองคู่หมั้นแล้ว เขากลับทำตัวสบาย ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ถึงขั้นมีอารมณ์มาวาดภาพเขียนบทกวี นี่เขาไม่จริงจังเกินไปหรือเปล่า ?

เจียงโม่หานวาดภาพเส้นสุดท้ายเสร็จแล้ว ในตอนที่เขากำลังล้างพู่กันอยู่นั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “พวกเรามาเดิมพันกัน…หากข้าสอบผ่าน เจ้าจะให้อะไรข้า ? ”

หลินเว่ยเว่ยทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “หากเจ้าสอบผ่าน ข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า…ให้เจ้าจุมพิตข้า ! ”

เจียงโม่หานที่กำลังเก็บพู่กันถึงขั้นชะงัก ทันใดนั้นใบหูของเขาก็กลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว ทว่าเขายังกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม “อันที่จริง…อีกสามปีไปสอบก็ยังไม่สาย…”

หลินเว่ยเว่ยได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะแหะแหะทันที “จริงอย่างที่เจ้าว่า ต่อให้สอบไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกดดันตัวเองมากนัก เจ้ายังเป็นคู่หมั้นสุดที่รักของข้าดังเดิม อย่างไรข้าก็ต้องจุมพิตปลอบใจเจ้าบ้าง…”

เจียงโม่หานหันมามองนางทันที ให้ตายเถิด…ไม่ว่าเขาจะสอบผ่านหรือไม่ นางก็ยังคิดจะเอาเปรียบกันอยู่เรื่อย ! ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก !

เจียงโม่หานเดินเข้ามาหานาง จากนั้นก็ใช้มือโอบเอวของนางพลางดึงเข้ามาใกล้ “ถ้าอยากให้ข้าจุมพิตเจ้า…เหตุใดต้องรอหลังการสอบระดับเซียงซื่อด้วยเล่า ? ” ในระหว่างที่พูดก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงมา…

หลินเว่ยเว่ยมองใบหน้าอันหล่อเหลาของบัณฑิตน้อยที่ค่อย ๆ ก้มลงมาใกล้ใบหน้าของตน ในใจพลันกรีดร้องอย่างหนัก จะจูบแล้ว ? หรือข้าจะสูญเสียจุมพิตแรกให้เขาแล้ว ?

ในขณะที่เห็นว่าใบหน้าของเจียงโม่หานกำลังจะแนบชิดเข้าหาใบหน้าของนาง จู่ ๆ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนมุมไปเคลื่อนผ่านแก้มของนางแทน ในขณะที่จุมพิตนั้นยังไม่ทันได้เริ่ม เขาก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “มีใบไม้ติดอยู่ที่ผมของเจ้า ! ”

บ้า…เอ๊ย ใบไม้อะไรเนี่ย ! มีหรือที่หลินเว่ยเว่ยจะไม่รู้ทัน บัณฑิตน้อยกำลังแกล้งนาง ! นางอุตส่าห์เตรียมตัวเตรียมใจตั้งนานเพื่อที่จะมอบจุมพิตให้แก่เขา เหตุใดพอใกล้ทำสำเร็จแล้วกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ?

[i]

1 สอบเกาเข่า คือ การสอบเข้าระดับอุดมศึกษาของประเทศจีน