บทที่ 447 เลือกวัตถุดิบ
บทที่ 447 เลือกวัตถุดิบ
เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเปิดร้านขายหยก หลินซือและไป๋หรูปิงจึงจดจ่อกับการตามหาร้านขายหยกในเมืองหลวง ต่างไปดูมาทั้งร้านเล็กหรือร้านใหญ่ จนตอนนี้ก็ใช้เวลาไปแล้วสามวันแล้ว
ในเมืองหลวงหรือจะกล่าวว่าต้าเยี่ยนทั้งหมด เมื่อกล่าวถึงหยกแล้ว ต้องพูดถึงโรงผลิตอวี้หยวน
ร้านของพวกเขาไม่เพียงแต่มีหยกเป็นของตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงที่สุดในต้าเยี่ยน เพราะฉะนั้นต่อให้จะขายสินค้าราคาแพงเท่าไร แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้
กิจการของพวกหลินซือเป็นกิจการขนาดเล็ก ก้าวแรกจะต้องไม่ทำอะไรที่ใหญ่เกินไป ก้าวแรกก็เหมือนกับสิ่งที่เจี่ยงเถิงกล่าวไว้ หากต้องการจะครอบครองตลาดระดับล่าง วัตถุดิบของพวกนางจะต้องไม่แพงเกินไป และก็ต้องจ้างวานช่างฝีมือที่ฝีมือไม่เลว จึงจะใช้ได้
ครั้งนี้เจี่ยงเถิงแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่
เด็กหนุ่มเดินทางไปมาแล้วทั่วทุกทิศ ไม่ต้องพูดถึงว่าทุก ๆ สถานที่ที่เคยไปมา เด็กหนุ่มรู้อย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าวได้ว่าเขารู้ถึงสถานการณ์รอบ ๆ เมืองหลวงเหมือนหลับตาเห็นทีเดียว
และมีเหมืองหยกอยู่ห่างจากทิศเหนือของเมืองหลวงไปเพียงแค่สิบลี้
“จริงหรือไม่?!” หลินซือตกใจจนเบิกตากว้าง “ข้าคาดไม่ถึงว่าจะมี”
“เจ้าต้องไม่รู้อย่างแน่นอน เจ้าไม่ได้ออกจากเมืองมากี่ปีแล้ว?”
เมื่อเจียงเถิงพูดจบก็ถูกหลินซือจ้องเขม็ง เด็กสาวบ่นขึ้น “ไม่ใช่ข้าที่ไม่อยากจะออกนะ แต่ข้าออกไม่ได้ พวกท่านที่คิดอยากไปไหนก็ได้ไป จะมาเข้าใจพวกข้าได้เยี่ยงไร”
“อาซือ ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น”
เจี่ยงเถิงยอมรับความผิดของตนโดยดี และรีบกล่าวขอโทษ “วันพรุ่งนี้ ข้าพาเจ้าไปที่เหมืองดีหรือไม่?”
“แบบนี้ก็ไม่เลว” หลินซือจ้องมองเจี่ยงเถิง แล้วขมวดคิ้วต่อ “แต่ว่าพวกเรายังขาดช่างฝีมือ คงยังไม่สามารถขายสินค้าได้”
“ค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรเสียก็ต้องแก้ปัญหานี้ได้” เจี่ยงเถิงลูบหัวของอาซือ “เช่นนั้นให้ข้าแกะให้เจ้า”
จริง ๆ แล้วเจี่ยงเถิงศึกษาเกี่ยวกับการแกะสลักหยก จี้ที่อยู่บนคอของหลินซือตอนนี้ก็เป็นฝีมือการแกะสลักของเจี่ยงเถิง
แต่จะให้คนคนหนึ่งที่ต้องเจียดเวลามาพูดคุยกับตนหาเวลามาแกะสลักหยกคงเป็นไปไม่ได้
“พรุ่งนี้ไปดูเหมืองก่อนแล้วกัน ไม่แน่ว่าอาจจะได้ขุดที่นั่นเลย”
หลินซือเกาศีรษะไว้แล้วพึมพำ
เจี่ยงเถิงบีบแก้มกลมยุ้ยของหลินซือ “ได้ที่ไหนเล่า เช่นนั้นก็ให้ท่านอาซูมาช่วยสิ เป็นครั้งแรกที่อาซือทำกิจการ ท่านอาคงจะไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ หรอกกระมัง”
หลินซือตีมือเจี่ยงเถิงด้วยความไม่พอใจและเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ “ท่านหยิกข้าจนบวมแล้ว”
ทันทีหลังจากนั้นเด็กสาวก็ส่ายหน้า น้ำเสียงพลันอ่อนลง “ข้าไม่อยากไปหาท่านแม่ ก่อนหน้านี้ก็เห็นอยู่ว่าทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอด แล้วเพียงก้าวสุดท้ายเหตุใดจึงทำไม่สำเร็จเล่า?”
“อาซือ…”
ครั้นมองดูแก้มที่ซูบผอมลงไปมากของหลินซือ เจี่ยงเถิงก็เริ่มพิจารณาในใจ การที่ตนนั้นช่วยหลินซือในการเปิดร้านคงไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร
“ไม่สนแล้ว!” อาการหดหู่ของหลินซือมลายหายไป เด็กสาวตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน กลับไปสู่สภาพที่สง่างามของนางอีกครั้ง “เมื่อถึงเวลานั้นย่อมมีหนทาง! ข้าจะไม่ปักใจเชื่อว่าเมืองหลวงใหญ่โตเช่นนี้จะหาช่างฝีมือไม่ได้สักคนเดียว!”
“ดีมาก” เจี่ยงเถิงเองก็คลี่ยิ้ม “สหายร่วมงานของข้าชอบสะสมเครื่องประดับหยก ข้าจะไปสอบถามดูว่าจะมีหรือไม่”
อาซือไม่มีทางยอมแพ้ แล้วตนจะเป็นคนถอดใจก่อนได้อย่างไร ขอแค่เป็นสิ่งที่นางชื่นชอบ ตนก็จะสนับสนุนให้ถึงที่สุด
วันรุ่งขึ้น หลินซือตื่นนอนแต่เช้า รับประทานอาหารที่เจี่ยงเถิงเตรียมไว้ให้บนรถม้าพลางฟังอีกฝ่ายพูดเกี่ยวกับเหมืองหยก
“เช่นนั้นแสดงว่าไม่กี่ปีมานี้เพิ่งขุดไปได้ไม่กี่ส่วน และคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง ดังนั้นลู่ทางการขายสินค้าในเมืองหลวงจึงไม่ค่อยจะดีนัก ส่วนใหญ่จะต้องส่งไปเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เมืองหลวง”
เจี่ยงเถิงใช้เวลาแค่หนึ่งคืนก็รวบรวมข้อมูลได้อย่างเป็นระเบียบ แล้วบอกสิ่งสำคัญให้กับหลินซือ
หลินซือเช็ดคราบมันบนปาก นางยังเคยศึกษาหยกที่เจี่ยงเถิงนำมาให้ กล่าวกันว่าหยกสองชิ้นนั้นเป็นหยกที่แกะสลักมาจากเหมืองแห่งนั้น “ข้าคิดว่าคุณภาพของมันไม่เลวเลยทีเดียว ท่านดูชิ้นนี้สิ จับดูแล้วเย็นเฉียบและเกลี้ยงเกลา เสียงก็ฟังดูไม่เลว ติดแค่มีตำหนิเล็กน้อย”
“คุณสมบัติข้ออื่นก็ไม่เลวเช่นกัน แต่สำหรับหยกในโรงผลิตอวี้หยวนที่เมืองหลวง หลายคนไม่ชอบลักษณะเช่นนี้” เจี่ยงเถิงกล่าว
“ที่ท่านกล่าวมานั้นก็ใช่”
หลินซือพยักหน้า ก่อนที่นางจะตัดสินใจเปิดร้าน นางก็ไม่สนใจวัตถุดิบหยกชนิดนี้เช่นกัน
เหมืองหยกไม่ได้ไกลมาก ไม่นานทั้งสองคนก็เดินทางมาถึง
เจี่ยงเถิงประคองหลินซือลงจากรถม้า เมื่อเท้าทั้งสองของเด็กสาวสัมผัสพื้น หลินซือก็จามออกมาอย่างแรง
“ที่นี่ฝุ่นเยอะยิ่งนัก” หลินซือปิดจมูกและเอ่ยขึ้น
ก่อนหน้านี้เจี่ยงเถิงเองก็ได้ยินมาว่าสภาพแวดล้อมของเหมืองไม่ค่อยจะดีนัก แต่ไม่ได้คิดว่าจะรุนแรงเกินจินตนาการได้ถึงเพียงนี้ เด็กหนุ่มแอบรู้สึกเสียใจที่พาหลินซือมาที่นี่
เด็กหนุ่มรีบนำผ้าที่เตรียมไว้ออกมาพันรอบตัวหลินซือ แล้วนางก็เดินเข้าไปด้านในทั้งอย่างนั้น
“โชคดีที่ไม่ได้พาพี่ไป๋มาด้วย ไม่เช่นนั้นพี่ใหญ่ตำหนิข้าจนตายแน่ ๆ”
หลินซือยื่นมือโบกไปมาบริเวณด้านหน้า แต่ก็ไม่อาจทำอะไรกับมวลฝุ่นที่ฟุ้งกระจายนี้ได้ สุดท้ายนางก็ยอมแพ้ไป
เจี่ยงเถิงเพิกเฉยคำพูดขบขันของหลินซือภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ และสุดท้ายเด็กหนุ่มจึงเตือนขึ้น “แผนการของพวกเรา เจ้ายังจำได้อยู่ใช่ไหม?”
หลินซือชูนิ้วขึ้นมาเพื่อบ่งบอกว่าไม่มีปัญหา เจี่ยงเถิงรีบคว้านางแล้วพาเข้าไปในเหมืองที่มีหยกกองสุมกันอยู่
“โอ้ เจ้าหนู ทางนี้ ทางนี้”
ชายหน้าตามอมแมมโบกมือให้ทั้งสองคนจากที่ไกล ๆ “พวกเจ้าคือคนจากในเมืองที่จะมาดูวัตถุดิบใช่ไหม?”
“พวกเราเอง”
เจี่ยงเองนำหลินซือให้ไปหลบอยู่ข้างหลังของตน เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “นำวัตถุดิบต่าง ๆ ของพวกเจ้าออกมาแล้วหาที่ที่สะอาด ๆ เพื่อตรวจดูเสีย”
“ได้ๆ” ชายผู้นั้นเห็นว่าทั้งสองคนแต่งตัวดูดีมีราคา อีกทั้งยังอายุน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าหากใช้อุบายจะทำให้เขามีโชคอย่างมหาศาล ทันใดนั้นเขาจึงเรียกเด็กข้างกายของเขามา “พาลูกค้าอันทรงเกียรติสองท่านนี้ไปดื่มชาข้างหน้าเร็วเข้า”
ถึงแม้ว่าเหมืองแห่งนี้จะดูไม่พร้อม แต่กลับทำงานได้อย่างรวดเร็ว
พวกหลินซือไปยังห้องรับรองโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ วัตถุดิบหยกแต่ละชนิดก็ถูกจัดวางลงอย่างเป็นระเบียบ
“คุณชายและคุณหนู พวกท่านลองดูขอรับ นี่คือหยกที่พวกเรามีทั้งหมด” ชายผู้นั้นเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าดำคล้ำของตนแล้วก็ยิ้มขึ้นด้วยความไร้เดียงสา
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซือเห็นหยกที่ไม่ได้ผ่านการขัดเงาจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ นางจับมันดูด้วยความฉงน เจียงเถิงท่าทีดูสงบกว่านางเล็กน้อย เด็กหนุ่มไม่ได้ลงมือทำอะไร เพียงแค่มองดูหยกพวกนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า
“โอ้ คุณหนูท่านนี้สายตาช่างเฉียบแหลม” ครั้นเห็นหลินซือถือหยกก้อนหนึ่งเอาไว้ในมือเขาจึงรีบก้าวออกมาคุยโวทันที “นี่คือวัตถุดิบที่ดีที่สุดของพวกเราขอรับ แม้แต่โรงผลิตอวี้หยวนก็เลือกเอาไปใช้ขอรับ”
“จริงหรือ? พวกเจ้าจัดหาวัตถุดิบให้กับโรงผลิตอวี้หยวนหรือ?” หลินซือหยิบหยกขนาดเท่ากับกำปั้นมองผ่านแสง “ไม่เลวเลย ดูดีเลยจริง ๆ”
“เป็นเช่นนั้นแน่นอนขอรับ นี่เป็นวัตถุดิบเดียวที่พวกเราส่งให้โรงผลิตอวี้หยวน คาดว่าท่านทั้งสองคงรู้ดีว่าวัตถุดิบที่โรงผลิตอวี้หยวนรวบรวมเอาไว้คือหยกชั้นยอดของต้าเยี่ยน…”
ชายหนุ่มยังคงคุยโวโอ้อวด เจี่ยงเถิงคร้านจะฟังต่อแล้ว เขาโยนของที่อยู่บนมือของหลินซือลงไปบนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือให้กับหลินซือ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ท่านเถ้าแก่ พวกเรามาตามหาวัตถุดิบด้วยความจริงใจ โรงผลิตอวี้หยวนมีเหมืองเฉพาะของทางร้านไม่เคยรับหยกจากภายนอกมาก่อน เพียงไปสอบถามเล็กน้อยก็สามารถรับรู้ได้ ท่านมองพวกเราเป็นคนโง่เขลาเช่นนี้ พวกเราก็จะไม่ทำการค้ากับท่านแล้ว”
กล่าวเสร็จ เจี่ยงเถิงก็จูงหลินซือออกไป ชายหนุ่มจึงรีบห้ามพวกเขาเอาไว้ เขาพยักหน้าแล้วโค้งคำนับ “ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ส่งให้กับโรงผลิตอวี้หยวน แต่นั่นก็เป็นหยกที่ดี ทั้งสองท่านลองดูอักสักครั้งเถิดขอรับ”
ชายผู้นั้นชักแม่น้ำทั้งห้า ทั้งยังพร่ำพูดถึงข้อดีมากมาย เจี่ยงเถิงทำเป็นไม่สนใจก่อนพาหลินซือเดินออกไป
ลับหลังชายหนุ่มผู้นั้น หลินซือแอบยกนิ้วโป้งให้กับเจี่ยงเถิง เด็กสาวเอ่ยขึ้น “อุบายนี้ช่างเยี่ยมยอด”
เจี่ยงเถิงยิ้มอย่างสงวนท่าที แล้วยังคงต่อรองกับชายผู้นั้นต่อ
……………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดจะตุกติกเอาหยกคุณภาพต่ำมาขายในราคาสูงกับเจี่ยงเถิงเหรอ ไม่มีทางหรอก ดูเสียก่อนว่าเขาเป็นใคร
ไหหม่า(海馬)