บทที่ 446 การร่วมมือ

บทที่ 446 การร่วมมือ

หลินซือไม่ได้ไปภัตตาคารหรูอี้ตามที่เจี่ยงเถิงคาดคิดไว้ แต่กลับไปที่ร้านชาเล็ก ๆ ทางทิศเหนือของเมือง

เจี่ยงเถิงมองซ้ายแลขวา เด็กหนุ่มดูไม่ออกว่าร้านชาแห่งนี้มีสิ่งใดพิเศษ ถึงสามารถดึงดูดหลินซือให้มาที่นี่ได้

โดยเฉพาะร้านค้าที่มองดูแล้วค่อนข้างมีอายุ บรรดาโต๊ะเก้าอี้ต้องหยิบจับอย่างทะนุถนอม ไม่เช่นนั้นหากนั่งลงไปก็อาจจะร่วงลงไปอยู่บนพื้นได้

สิ่งเดียวที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนคือความสะอาด ไร้ฝุ่นและคราบมัน เจี่ยงเถิงจึงวางใจให้หลินซือสั่งชามาหนึ่งชุด

หลินซือนั่งลงและยกชาขึ้นดื่มอย่างสบายใจไร้ความกังวล

“อาซือ เจ้ามาทำอะไรที่นี่? อยากเปิดร้านชาใช่หรือไม่?”

เจี่ยงเถิงมองดูเด็กสาวที่กำลังกวาดสายตาไปรอบ ๆ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“นี่ท่านยังไม่เข้าใจสินะ” หลินซือที่กำลังยุ่ง ๆ ตอบกลับเจี่ยงเถิงหนึ่งประโยค “นี่คือทางเข้าตลาดทางด้านทิศเหนือ จากตรงนี้คนจะเห็นร้านได้อย่างชัดเจน และกิจการน่าจะไปได้ดีอย่างมาก หากเราจะทำร้านค้าสิ่งแรกเราควรจะตรวจสอบก่อน โดยเฉพาะร้านที่เปิดมาเป็นเวลานาน เรามาสอบถามที่นี่ก็คงจะดีน่าดู”

เจี่ยงเถิงยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ในฐานะที่เป็นขุนนางฝ่ายการค้าเกลือ พวกเขาทำกิจการกับพ่อค้ารายใหญ่เท่านั้น และเด็กหนุ่มไม่ได้สังเกตเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ พวกนี้

เมื่อตรวจสอบกับหลินซืออยู่ครู่หนึ่ง เจี่ยงเถิงจึงค่อย ๆ สัมผัสถึงบรรยากาศรอบด้าน จากตรงนี้ยังไม่อาจดูออกว่าจะทำกิจการให้ดีได้อย่างไร แต่สามารถมองเห็นวิถีชีวิตต่าง ๆ ของผู้คน เมื่อมองดูสิ่งเหล่านี้แล้วก็เป็นประโยชน์ต่อการเป็นข้าราชการในราชสำนักไม่น้อย

ทั้งสองคนนั่งมาได้ราว ๆ ครึ่งชั่วยาม กระทั่งดื่มชาจนหมดกา ในที่สุดไป๋หรูปิงก็มาถึง

“เอ้อเป่า ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้ข้ามาสาย” ไป๋หรูปิงก้าวเข้ามาด้วยความรีบร้อน และกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ

หลินซือรู้จักนิสัยของไป๋หรูปิงเป็นอย่างดี นางคงไม่ได้มีเจตนาที่จะสายเป็นแน่แท้ จึงรีบตอบกลับ “ไม่เป็นไรพี่ไป๋ พวกเราเองก็เพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน”

ไป๋หรูปิงนั่งลงในขณะที่นางยังคงหอบหายใจ หลินซือกำลังเริ่มเล่าสิ่งที่สังเกตเห็นและตรวจสอบ ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบเห็นคนผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น

“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงมาได้?” หลินซือมองหลินจื้อที่มาโดยไม่ได้รับเชิญด้วยความตกใจ “วันนี้ท่านก็หยุดหรือ?”

หลินจื้อพยักหน้า เด็กหนุ่มเริ่มมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบ ๆ และนั่งลงข้างไป๋หรูปิง ส่งสายตาให้กับเจี่ยงเถิงเพื่อบอกความลับบางอย่าง

เวลานี้หลินซือและไป๋หรูปิงกำลังสนทนากันด้วยบรรยากาศคึกคัก และไม่ได้สนใจชายหนุ่มทั้งสอง

โดยปกติแล้วหลินจื้อไม่ใช่คนที่ตื่นเต้นกับอะไรง่าย ๆ แต่วันนี้หลินซือเอาแต่พูดถึงไป๋หรูปิง หลังจากนั้นไม่นานก็เชิญนางมาที่บ้าน

คนที่ตนรักอยู่ห่างแค่กำแพงบ้านกั้นไว้ แต่ไม่อาจมองเห็นหรือสัมผัสได้ คนธรรมดาที่ไหนจะทนไหว?

เมื่อเจี่ยงเถิงนัดหมายวันเวลากับหลินจื้อว่าจะหยุดงานพร้อมกัน เด็กหนุ่มเองก็ไม่ลังเลที่จะตอบตกลงเลย

“วันนี้ตอนที่ข้าออกมา ได้พบกับศิษย์พี่พอดี ศิษย์พี่กล่าวว่าวันนี้เป็นวันหยุด เลยอยากจะมาดูว่าช่วงนี้พวกเราทำอะไรกัน ดังนั้นจึงขอติดตามมาด้วย ระหว่างทางไม่ได้สนทนากันมากมายนัก เกรงว่าจะเสียเวลา”

ไป๋หรูปิงอธิบายให้กับหลินซือ แววตาจ้องมองไปยังหลินจื้อบ้างเป็นครั้งคราว หลังจากที่ดื่มชาอยู่นาน ริ้วรอยแดงบนใบหน้าของนางยังไม่จางหายไป

“ไม่มีอะไรแล้ว” หลินซือโบกมือ “สำรวจเสร็จหมดแล้ว พี่ใหญ่พี่สะใภ้วันนี้ออกไปเที่ยวเล่นเถอะ เรื่องที่เหลือข้ากับเจี่ยงเถิงจะจัดการเอง!”

กล่าวจบหลินซือก็ส่งสัญญาณให้กับเจี่ยงเถิงทันที เจี่ยงเถิงเข้าใจทันที จึงได้รีบลุกออกไปข้างนอกกับหลินซือ

ก่อนที่จะไปหลินซือตะโกนมาจากหน้าร้านน้ำชา “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ แล้วพบกันใหม่นะเจ้าคะ!”

ทำให้ใบหูของหลินจื้อขึ้นสีแดงทันที ไม่ต้องพูดถึงไป๋หรูปิงที่ก้มหน้างุดจรดอก

หลินจื้อกระแอมไอแล้วเอ่ยขึ้น “เอ้อเป่านับวันเจ้ายิ่งซนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ”

“นางนิสัยช่างเหมือนเด็กนัก คิดอยากจะออกก็ออกไปเลย”

ไป๋หรูปิงหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “เจี่ยงเถิงเองก็คงจะลำบาก ไม่รู้เมื่อไรเอ้อเป่าจะรู้ตัวสักที”

“ก็ไม่แน่นัก ข้ามองดูแล้วเขาก็ดูพอใจกับตอนนี้นะ”

คนที่จะสามารถนำน้องสาวของตนไปเป็นภรรยาได้ ต่อให้เป็นคนที่เขาเห็นชอบและเห็นสมควร ก็เป็นการยากที่จะไม่ให้หลินจื้อคอยจับผิด

หากกล่าวอีกนัยหนึ่ง เด็กหนุ่มไม่ได้เป็นกังวลกับเจี่ยงเถิงจริง ๆ ด้วยอารมณ์ของอีกฝ่ายแล้ว เอ้อเป่าก็เป็นเพียงเหยื่อที่เพียงใช้แค่ปลายนิ้วสัมผัสก็สามารถจับได้ เพียงแต่เมื่อไรเขาจะลงมือเท่านั้นเอง

“ก็จริง เรื่องราวความรัก ต้องสัมผัสเองจึงจะรู้รสชาติ” ไป๋หรูปิงเอ่ยขึ้น

หลินจื้อไม่อยากพูดเรื่องของน้องสาวแล้ว ที่วันนี้เขาหยุดงานไม่ใช่เพราะเรื่องพวกนี้

“ศิษย์น้อง วันนี้เจ้าอยากทำอะไร ข้าจะพาเจ้าไป”

ไป๋หรูปิงฉุกคิด วันนี้นางเองก็มาสายแล้ว หลินซือเองก็ไม่ได้บอกว่าผลของการสำรวจเป็นเยี่ยงไรบ้าง นางจึงเพียงแค่กล่าวว่า “พวกเราไปดูร้านหยกในเมืองกันเถอะ เอ้อเป่าก็อยากทำกิจการเกี่ยวกับหยกเช่นกัน”

ทางด้านนี้ทั้งสองก็ได้เริ่มต้นโลกของพวกเขาอย่างเป็นทางการ

แต่อีกด้านหนึ่ง หลินซือยังคงแบ่งปันเรื่องราวของพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ให้เจี่ยงเถิงฟัง

“ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นพี่ใหญ่ของข้าราวกับคนโง่…”

หลินซือพูดไม่หยุดจนเจี่ยงเถิงต้องรินน้ำให้นาง หลังจากที่หลินซือได้พูด เด็กสาวก็ขมวดคิ้วอย่างดื่มด่ำในอารมณ์

“อาซือ…” เจี่ยงเถิงฟังจนรู้สึกปวดหัว “เจ้าดูร้านค้าตรงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”

เจี่ยงเถิงคิดอย่างเจ็บปวด ‘การวิเคราะห์ของอาซือนั้นช่างสมเหตุสมผล แต่เหตุใดเรื่องของตนเองจึงไม่วิเคราะห์เช่นนี้กันนะ?’

“เรื่องนั้น” หลินซือชี้ไปที่ร้านที่เจี่ยงเถิงชี้ไป “ร้านนั้นทำเลดี เพียงแต่ค่าเช่ามีราคาสูง โดยเฉพาะค่าเช่ารายปี มากไปกว่านั้น ตรงข้ามของคือโรงผลิตอวี้หยวน พวกเราเองก็อยากทำกิจการค้าหยก เปิดตรงนี้เกรงว่าจะไม่ดีเท่าไรนัก”

“ไม่สามารถเอ่ยเช่นนี้ได้ กิจการของโรงผลิตอวี้หยวนนั้นใหญ่มาก และยังขายสินค้าแพงกว่าร้านทั่วไป”

เจี่ยงเถิงวิเคราะห์ “คนส่วนมากเพียงเข้าไปดูสินค้าในโรงผลิตอวี้หยวนเท่านั้น แต่กลับไม่ได้ซื้อ ถ้าพวกเจ้าเปิดร้านตรงนี้ แล้วลูกค้าของโรงผลิตอวี้หยวนออกมาตรงนี้พอดี ถ้าเห็นความแตกต่างของราคา อย่างไรก็ต้องซื้อของ”

“ที่ท่านพูดมานั้นมีเหตุผลยิ่งนัก” หลินซือพยักหน้า “ถ้างั้นข้าจะไปปรึกษากับเถ้าแก่”

เจี่ยงเถิงเดินตามหลินซือเข้าไปในร้านด้วยความสงสัย หลินซือในเมื่อก่อนถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่เก็บตัว แต่ว่าก็ไม่ได้ร่าเริงขนาดนั้น ตอนนี้สามารถเรียนรู้ที่จะต่อรองกับเถ้าแก่แล้วหรือ?

วันนี้หลินซือทำให้เจี่ยงเถิงรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก นางต่อรองลงมาได้ถึงยี่สิบเหรียญ

เดิมทีหลินซือค่อนข้างพอใจแล้ว แต่เจี่ยงเถิงเว้าวอนให้ลดให้เด็กสาวอีกยี่สิบเหรียญ และในท้ายที่สุดเถ้าแก่ก็สามารถตกลงราคาได้

หลังออกมาจากร้านค้า หลินซือมองเจี่ยงเถิงด้วยความชื่นชม “พี่อาเถิง ท่านเองก็สุดยอดเหมือนกันนะเนี่ย เดิมที่ข้าคิดว่ามันต่ำได้เพียงแค่นี้ แต่ท่านทำให้ต่ำกว่านี้ได้อีก!”

เจี่ยงเถิงยิ้ม “อาซือ เจ้าคิดว่าข้าเป็นขุนนางฝ่ายการค้าเกลือแล้วต้องทำอะไรเล่า ก็เพื่อต่อรองกับเหล่าข้าราชการพ่อค้าที่ร่ำรวยจากทั่วทุกสารทิศ”

หลินซือเพียงเคยได้ยินมาก่อนว่าขุนนางฝ่ายการค้าเกลือนั้นเป็นงานที่ทำเงินได้ดี กลับไม่รู้ว่าต้องเผชิญกับเรื่องที่ลำบากทั้งวันเช่นนี้ เด็กสาวจึงนับถือเจี่ยงเถิงเป็นอย่างมาก

วันนี้ เจี่ยงเถิงและหลินจื้อขุนนางหนุ่มต้นแบบได้ใช้เวลาวันหยุดทั้งวันไปอย่างคุ้มค่าและมีความสุข เมื่อพวกเขาพบกันอีกในตอนค่ำ ต่างก็ตกลงแลกเปลี่ยนแผนการร่วมมือระยะยาว…

………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สองหนุ่มนี้วางแผนอะไรกันนะ ทำให้อาซือรู้ตัวเสียทีว่ามีใครชอบอยู่เหรอ

ไหหม่า(海馬)