บทที่ 445 ซ่อนมีดในรอยยิ้ม

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 445 ซ่อนมีดในรอยยิ้ม

บทที่ 445 ซ่อนมีดในรอยยิ้ม

“ท่านแม่ องค์รัชทายาทเป็นเพียงแค่เด็กในสายตาข้า ข้าไม่ได้อยากเป็นพระชายาอะไรอย่างนั้นแน่นอนเจ้าค่ะ”

หลินซือขมวดคิ้วมุ่น เด็กสาวมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะสาบานต่อหน้าฟ้าดิน “หากในวันข้างหน้าข้าไม่เข้ามาในพระราชวังแล้ว องค์รัชทายาทน้อยไม่ได้พบหน้าข้าเพียงไม่กี่วันก็คงจะลืมข้าแล้วเจ้าค่ะ”

เหยาซูเองก็มีความคิดเช่นนี้

“ยังมีอีกเรื่อง แล้วกับเจี่ยงเถิงเล่า?” เหยาซูเอ่ยถาม

ครั้งนี้หลินซือถึงกับชะงักไป เด็กสาวอ้ำอึ้งอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจี่ยงเถิง เขาก็เป็นเหมือนกับพี่ชายของข้าเจ้าค่ะ”

“เป็นเพียงแค่นี้?”

“ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ ” หลินซือไม่เข้าใจตนเอง เด็กสาวดึงเหยาซูและกล่าวอ้อนวอน “ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งถามจะได้หรือไม่เจ้าคะ รอให้ข้าคิดได้ก่อนแล้วเวลานั้นข้าจะบอกท่านคนแรกเลยดีไหมเจ้าคะ?”

ด้วยกลอุบายของหลินซือ เหยาซูจึงทำได้เพียงพยักหน้า

“ถ้าคิดได้แล้วต้องบอกกับแม่ เข้าใจใช่ไหม?”

“อืม ๆ ๆ บอกแน่นอนเจ้าค่ะ” หลินซูตอบแล้วรีบดึงเหยาซูกลับ “พวกเรารีบไปกันเถอะท่านแม่ ท่านพ่อต้องรอเรานานแล้วแน่ ๆ”

อุทยานหลวงตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง

เมื่อเห็นทั้งสองแม่ลูกจากไปแล้ว เจี่ยงเถิงที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ก็ได้ออกมา เด็กหนุ่มยืนอยู่สักครู่ ทันใดนั้นเขาก็ชกต้นไม้ที่อยู่ข้าง ๆ

ต้นเหมยเล็ก ๆ เพิ่งจะย้ายปลูกได้ไม่นาน หลังจากโดนหมัดของเจี่ยงเถิงซัดครั้งแล้วครั้งเล่า จากเดิมที่มีใบไม้ไม่มากอยู่แล้วก็มีใบร่วงหล่นเสียจนแทบไม่เหลือสักใบ

เจี่ยงเถิงหลับตาลงสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามควบคุมความรู้สึกที่อยากจะสังหารคนเอาไว้ เด็กชายดึงมือที่อาบไปด้วยเลือดกลับมา เช็ดเลือดแล้วหดกลับไปในแขนเสื้อ จากนั้นเดินตามองค์รัชทายาทกลับเข้าไปในงานเลี้ยง

แรกเริ่มเจี่ยงเถิงรู้อยู่แล้วว่าการที่องค์รัชทายาทมุ่งมั่นจะจัดงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์นั้นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินซือ เขาเองก็เฉลียวใจเช่นกัน จึงได้คอยจับตามององค์รัชทายาทในงานเลี้ยงมาโดยตลอด

ตั้งแต่วินาทีที่องค์รัชทายาทออกมาจากงานเลี้ยง เจี่ยงเถิงเองก็ได้แอบตามเขาออกมา

แล้วก็เป็นไปตามที่เขาคิดจริง ๆ เขามุ่งตรงไปหาหลินซือ เวลานั้นก็อาจจะมีคนที่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ​​​ ‘พระชายา’ ที่สนทนากันในสวนหลวงก็เป็นได้

ถ้าเกิดมีคนมาได้ยินเข้า แล้วเรื่องราวนี้ไปถึงหูขององค์จักรพรรดิ เนื่องด้วยเขาเป็นคนที่ช่างสงสัย ต้องคิดว่าแม่ทัพหลินส่งอาซือให้มาล่อลวงองค์รัชทายาท คิดวางแผนเผื่อวันข้างหน้าที่จะครอบครองและสั่งการโอรสแห่งสวรรค์เป็นแน่ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจวนท่านแม่ทัพจะต้องเผชิญต่อสถานการณ์ที่ยากลำบาก

แต่นับว่ายังโชคดีที่องค์จักรพรรดิไม่ได้รับรู้เรื่องราว เพียงแต่ว่าหากท้องตลาดติฉินนินทา ย่อมส่งผลไม่ดีต่อชื่อเสียงของอาซือ

เวลานั้นเจี่ยงเถิงเกือบจะเข้าไปเผชิญหน้ากับองค์รัชทายาท แต่ยังดีที่เหยาซูเข้ามาได้ทันเวลา จึงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น

ไม่เช่นนั้นเกรงว่าจะกระทบต่อตำแหน่งที่เขาพยายามอย่างยากลำบาก เพียงแค่องค์รัชทายาทไม่พอใจเขา ฝ่าบาทจะต้องส่งคนมาก่อกวนสร้างปัญหาให้ตนแน่ เมื่อถึงเวลานั้นความพยายามทั้งหมดที่เขาทำมาจะสูญเปล่า

ดังนั้น ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา

เจี่ยงเถิงบอกกับตัวเอง เขาต้องพยายามมากขึ้น เพื่อทำให้องค์จักรพรรดิสนใจในตัวเขา แล้วอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหมดขององค์รัชทายาทก็จะทำอะไรไม่ได้

เจี่ยงเถิงคิดเรื่องของหลินซือขณะกลับไปที่งานเพื่อตามหาตัวองค์รัชททายาท และก็พบกับอีกฝ่ายที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

เพียงแค่ชั่วพริบตาเด็กหนุ่มก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เจี่ยงถิงยกจอกให้กับเขาด้วยรอยยิ้ม

ใบหน้าขององค์รัชทายาทไร้ซึ่งความรู้สึก

เมื่อตอนที่เขากลับมา เขาก็มองไม่เห็นเจี่ยงเถิง ครั้นถามขันทีที่อยู่รอบ ๆ ตัว ก็ได้รู้ว่าอีกฝั่งได้ตามตนเองออกไป และตอนกลับมาก็ยังคงตามตนเองอยู่

เมื่อนึกถึงตอนที่อยู่ในอุทยานหลวงเมื่อครู่ เขาก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นราวกับมีคนจ้องมองอยู่ และองค์รัชทายาทก็มั่นใจได้ว่าคนผู้นั้นคือเจี่ยงเถิง

องค์รัชทายาทดูออกตั้งแต่แรกพบว่าเจี่ยงเถิงเองก็ชอบหลินซือ โดยเฉพาะได้ยินมาว่าพวกเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเยาว์

องค์รัชทายาทกำจอกชาไว้ในมือจนแน่น เด็กชายกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการกับเสี้ยนหนามนี้อย่างไรดี

ภายในใจของทั้งสองต่างก็คิดหาวิธีสังหารอีกฝั่ง ขณะทั้งคู่สบตาและยิ้มให้แก่กัน ทั้งสองต่างก็มองเห็นแววดุร้ายภายในสายตาของกันและกัน

หลินซือไม่รู้ว่ากระแสน้ำที่ก่อตัวขึ้นของทั้งสองคนนี้เกิดขึ้นเพราะตัวของนางเอง ตอนนี้เด็กสาวกำลังวุ่นอยู่กับการทำกิจการ แม้กระทั่งเหยาซูต้องการที่จะไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องพิธีปักปิ่นยังต้องไปแต่เช้าหรือไม่ก็ตอนค่ำเพื่อพบกับเด็กสาว

สองวันมานี้ฟ้ายังไม่ทันจะสว่าง หลินซือก็ออกจากบ้านแล้ว เด็กสาวนัดกับไป๋หรูปิงออกไปดูจำนวนผู้คนตามท้องถนนด้วยตัวเอง เพื่อที่จะหาทำเลดี ๆ เปิดร้านค้า ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องคิดอย่างคุ้มค่า การค้าขายนั้นไม่กลัวการขายไม่ได้ แต่กลัวการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย

เพียงแต่วันนี้ในขณะที่หลินซือกำลังขยี้ตาแล้วขึ้นไปยังรถม้านั้น จู่ ๆ น้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ได้รั้งนางเอาไว้

“อาซือ”

หลินซือหันกลับมาด้วยใบหน้าที่งัวเงีย พลันพบเจี่ยงเถิงที่ยืนยิ้มให้กับตน ถุงกระดาษน้ำมันในมือยังคงส่งกลิ่นหอมอันคุ้นเคย

หลินซือทำจมูกฟุดฟิดและสูดดมกลิ่นนั้นเข้าไป

เจี่ยงเถิงสามารถหลอกล่อหลินซือได้อย่างชำนาญ และเขาก็จะเก็บเหยื่อไว้กับตัวไม่ยอมแบ่งให้ใคร

หลินซือมองเจี่ยงเถิงด้วยความกระตือรือร้น และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่เถิง ข้าอยากกินเสี่ยวหลงเปาไส้ปู”

หลินซือสนิทสนมกับเจี่ยงเถิงมาเป็นเวลาสิบกว่าปี หากแต่เจี่ยงเถิงไม่ได้พัฒนาภูมิคุ้มกันต่ออีกฝ่าย กลับปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นานวันเข้าเด็กหนุ่มก็ไม่อาจรับมือกับลูกอ้อนของหลินซือได้

“ยังไม่ได้กินข้าวอีกหรือ?” เขาถามแล้วยื่นถุงกระดาษเปื้อนน้ำมันให้กับหลินซือ

หลินซือรอไม่ไหวที่จะเปิดมันออก กินเข้าไปหนึ่งคำ ปากพลางกล่าวพึมพำไม่หยุด “ใช่น่ะสิ ตื่นเช้าไปหน่อยเลยไม่อยากอาหาร”

“เหตุใดจึงทำตัวเหมือนกับเด็ก เจ้าลืมอาการปวดท้องที่ไม่ได้กินข้าวเช้าไปแล้วหรือ?”

เจี่ยงเถิงได้ยื่นน้ำที่เตรียมไว้ให้กับหลินซือแล้วลูบหลังให้กับเด็กสาว และเอ่ยปลอบอย่างช่วยไม่ได้

หลินซือกลืนน้ำลงไปไม่กี่คำ ในที่สุดก็ยัดเสี่ยวหลงเปาลงไปในท้อง เด็กสาวถอนหายใจยาว ๆ แล้วตบท้องด้วยความโล่งใจ “ขอบคุณพี่เถิงที่มาช่วยชีวิตข้าไว้ ทั้งยังไปซื้อเสี่ยวหลงเปาของจางเสิ่นมาให้ด้วย นานแล้วเหมือนกันที่ข้าไม่ได้กิน”

“ข้ารู้ว่าสองวันมานี้เจ้ายุ่งเป็นอย่างมาก ไม่มีใครคอยดูแลเจ้า และเจ้าก็คงจะไม่กินอาหารมื้อเช้าอย่างแน่นอน”

ในมุมที่หลินซือมองไม่เห็น เจี่ยงเถิงกลับมองดูเด็กสาวอย่างอ่อนโยน “วันนี้เป็นวันหยุด อาซืออยากจะให้ข้าช่วยหรือไม่?”

“วันหยุดหรือ? ท่านเองก็มีวันหยุดหรือ?” หลินซือเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จ้องมองไปยังเจี่ยงเถิงที่ทำงานปีละสามร้อยหกสิบห้าวันอย่างไม่เชื่อสายตา

“ช่วงนี้ค่อนข้างว่าง” เมื่อเปรียบเทียบกับเรื่องที่จะถูกแย่งคนรักไป เรื่องอื่น ๆ ค่อยว่ากันทีหลัง

“เช่นนี้ก็ดีเลย สองวันนี้ข้ากับพี่ไป๋จะเลือกร้านค้า มองดูจนตาลายไปหมด พวกเราสามคนรวมกันก็เป็นขงเบ้ง ไม่แน่วันนี้อาจจะหาได้”

หลินซือกัดอาหารเลิศรสหนึ่งคำ พลางมองดูเด็กหนุ่มที่ส่งสายตาพะเน้าพะนอมาให้

หลินซือก็รู้สึกว่าหัวใจของตนนั้นเต้นแรงเป็นอย่างมาก

…………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อาซือช่างไม่รู้ตัวเลยน้าว่าทำให้สองหนุ่มนี่เกือบจะฆ่ากันเพื่อแย่งชิงตัวน้องแล้ว

ไหหม่า(海馬)