ตอนที่ 881 ตื่นตระหนก (4) ตอนที่ 882 งานเลี้ยงในวังหลวง (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 881 ตื่นตระหนก (4) / ตอนที่ 882 งานเลี้ยงในวังหลวง (1)
ตอนที่ 881 ตื่นตระหนก (4)

อีกสี่คนที่เข้ามาในสิบอันดับแรกได้ประกาศยอมแพ้ไป ไม่ใช่เพราะพวกเขาขี้ขลาด แต่เพราะระดับพลังที่ห่างชั้นกันเกินไป ต่อให้พวกเขาขึ้นประลอง แต่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดทั้งหกคนของสำนักศึกษาเฟิงหัว พวกเขาก็พ่ายแพ้ยับเยินอยู่ดี แทนที่จะทำให้ตัวเองต้องอับอาย พวกเขาเลือกยอมรับอันดับที่ต่ำกว่าแล้วถอนตัวออกจากการประลองเสียตั้งแต่ต้นจะดีกว่า

การประลองของศึกประลองภูติวิญญาณสิบอันดับแรกที่น่าจะเป็นที่สนใจมากที่สุด กลับกลายเป็นการประลองที่ไม่น่าตื่นเต้นและน่าเบื่อเอามากๆ หลังจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นถอนตัวไป ก็เหลือแต่ผู้เข้าแข่งขันของสำนักศึกษาเฟิงหัวเท่านั้น จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ไม่สู้ให้เสียเวลาด้วยซ้ำ พวกเขาแค่โผล่หน้าไปขึ้นเวทีเพียงเพื่อจะยกมือประกาศยอมแพ้ ดันฟ่านจัวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของศึกประลองภูติวิญญาณ

สำหรับตัวฟ่านจัวเองนั้น…

การถูกดันขึ้นสู่อันดับหนึ่งด้วยวิธีแบบนั้น เขาไม่รู้สึกถึงชัยชนะเลยสักนิด!

แต่เขาก็รู้แก่ใจดีว่า จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ทำเช่นนี้ก็เพราะเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเขาแซ่ฟ่านนั่นเอง!

การที่คนของสกุลฟ่านได้อันดับสูงสุดในศึกประลองภูติวิญญาณ สำหรับฟ่านจิ่นและสำนักศึกษาเฟิงหัวแล้ว มันเป็นสิ่งที่จะเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้คนได้

หลังศึกประลองภูติวิญญาณจบลง ฟ่านจิ่นก็ดื่มจนเมามายตั้งแต่เที่ยง เขาถูกฟ่านจัวแบกกลับเข้าห้องไปพักผ่อนพร้อมด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

ตามกำหนดการของศึกประลองภูติวิญญาณ หลังจากการประลองรอบสิบอันดับแรกจบลง ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนจะเชิญผู้ชนะสิบอันดับแรกเข้าร่วมงานเลี้ยง และปีนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ในวันที่สองหลังจบศึกประลองภูติวิญญาณ จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ก็ได้รับพระราชโองการเชิญพวกเขาให้เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงที่วังหลวง เหลยเชินส่งของขวัญแสดงความยินดีให้กับพวกเขาด้วย และบอกว่าเขาจะไปร่วมฉลองกับพวกเขาอีกครั้งที่งานเลี้ยงในคืนนี้

“ข้ากล้าสาบานว่าฮ่องเต้ต้องร่างราชโองการฉบับนี้ไปกระอักโลหิตไปแน่ๆ” เฉียวฉู่พูดขึ้น เขาพลิกม้วนราชโองการไปมาอยู่หลายตลบเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดังลั่นไม่หยุด

เยี่ยซาได้ข่าวมาจากในวังหลวงว่าฮ่องเต้ตั้งใจที่จะก่อเรื่องอีกครั้งในระหว่างการประลองตัดสินสิบอันดับแรก แต่ผู้ใดจะไปคิดว่าจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ จะจบการแข่งขันที่น่าจะตื่นเต้นเร้าใจที่สุดลงในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน คนของฮ่องเต้ที่เพิ่งจะเตรียมดำเนินตามแผนการ รู้ตัวอีกทีก็พบว่าการแข่งขันจบลงแล้ว

นั่นทำให้ฮ่องเต้ไม่สามารถระบายโทสะที่จุกพระอุระอยู่ออกมาได้และทำให้พระองค์ยิ่งพิโรธหนักเข้าไปอีก

“มันคงยากสำหรับพระองค์จริงๆ นั่นแหละ พระองค์ไม่อยากเจอหน้าพวกเราเลยสักนิดแต่ก็ต้องจำใจเชิญพวกเรา” เฟยเยียนพูดยิ้มๆ แผนที่ฮ่องเต้คิดขึ้น พังไม่เป็นท่าก่อนจะได้เริ่มสร้างความวุ่นวายขึ้นในรอบตัดสินสิบอันดับแรกเสียอีก ใครๆ ก็รู้ว่าพวกเขาสนิทสนมกับเหลยเชินที่สุด และตามกำหนดการพวกเขาจะกลับสำนักศึกษากันหลังศึกประลองภูติวิญญาณจบลง ฮ่องเต้จะไม่มีโอกาสชิงตัวพวกเขาอีก จึงได้แต่เฝ้ามองความสัมพันธ์ระหว่างเหลยเชินกับพวกเขาในฐานะพันธมิตรเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีปัญญาทำอะไรได้ จะต้องรู้สึกอึดอัดคับข้องพระทัยมากขนาดไหนกัน

“คืนนี้ข้าจะดื่มอวยพรให้เหลยเชินอีกหลายๆ รอบต่อหน้าต่อตาฮ่องเต้เลย!” เฉียวฉู่พูด ดวงตาส่องประกายชั่วร้าย

“ต้องดื่มอวยพรอยู่แล้วสิ! จะยิ่งสมบูรณ์แบบถ้าเป็นการคล้องแขนดื่มอวยพรงานแต่ง! ข้าว่าเจ้าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดเลยล่ะ” เฟยเยียนพูดพร้อมกับกะพริบตาหยอกล้อใส่เฉียวฉู่

เฉียวฉู่หยุดหัวเราะแล้วคว้าแจกันขึ้นมาเขวี้ยงใส่เฟยเยียนซึ่งเขาก็รับมันไว้ได้อย่างง่ายดาย

“ข้าไม่สนใจหรอกว่าฮ่องเต้จะรู้สึกอย่างไร ที่ข้าอยากรู้มากกว่าคือน้องเสียคิดจะทำอย่างไรต่อไป พวกเราไม่มีโอกาสเข้าวังหลวงมากนักหรอกนะ ถ้าคืนนี้ไม่สามารถลงมือได้ เราจะต้องหาข้ออ้างอยู่ในเมืองหลวงต่อและพยายามหาทางเข้าวังหลวงค้นหาแผนที่ผ่านทางเหลยเชิน” ฟ่านจัวพูด เขายกมือขึ้นจับคางตัวเองพร้อมกับมองไปที่จวินอู๋เสีย

จวินอู๋เสียตอบว่า “คืนนี้เราจะลองดู”

ตอนที่ 882 งานเลี้ยงในวังหลวง (1)

หลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปและม่านราตรีเข้าปกคลุมใต้หล้า ที่เมืองหลวงของรัฐเหยียนก็สว่างไสวไปด้วยโคมไฟจำนวนนับไม่ถ้วน แสงไฟละลานตาส่องสว่างขับไล่ความมืดที่ปกคลุมเมืองให้ออกไป

รถม้าของสำนักศึกษาเฟิงหัวสองคันเคลื่อนที่ออกจากโรงเตี๊ยมตำหนักเซียนไปยังประตูวังหลวงอย่างช้าๆ

ขณะที่เคลื่อนผ่านถนน มีผู้เยาว์มากมายจากสำนักศึกษาต่างๆ ที่ยังไม่ออกจากเมืองหลวงหยุดดูพวกเขา ก่อนที่ศึกประลองภูติวิญญาณจะเริ่มต้นขึ้น ไม่มีใครคิดว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวที่ดูเหมือนตกอยู่ในภาวะย่ำแย่จะแสดงความแข็งแกร่งในศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้ได้อย่างน่าตกใจ ชื่อเสียงของสำนักศึกษาเฟิงหัวตอนนี้ ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่าทวีจนทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาอาจจะเหนือกว่าสำนักศึกษาธงศึกและสำนักศึกษาพิชิตมังกร อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของสำนักศึกษาทั้งหมด

วังหลวงเต็มไปด้วยโคมไฟและธงหลากสีเพื่อต้อนรับผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเหนือคนอื่นๆ ในศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้ทั้งสิบคน ทุกที่ประดับประดาไปด้วยของตกแต่งเฉลิมฉลอง

รถม้าจากสำนักศึกษาอื่นๆ หยุดลงตรงหน้าประตูวัง ในสิบอันดับแรกนอกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวที่ได้ไปถึงหกตำแหน่งแล้ว สำนักศึกษาธงศึกและสำนักศึกษาพิชิตมังกรก็ได้ไปสำนักศึกษาละสองตำแหน่ง ผู้เยาว์สิบคนมาถึงประตูวังเกือบพร้อมกัน ศิษย์ทั้งสี่คนจากสำนักศึกษาธงศึกและสำนักศึกษาพิชิตมังกรสวมใส่ชุดอาภรณ์หรูหรา เห็นได้ชัดว่าแต่งตัวมาอย่างพิถีพิถัน ทุกคนยืนใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองประตูวังที่ตั้งตระหง่านด้วยแววตาตกตะลึง

ส่วนอีกหกคน จวินอู๋เสียและพรรคพวกของนางยังคงสวมใส่เครื่องแบบของสำนักศึกษาเฟิงหัวราวกับว่าพวกเขาไม่มีชุดอื่นแล้วนอกจากชุดนี้

แต่เมื่อทั้งหกคนปรากฏตัวขึ้น ท่าทีของสำนักศึกษาธงศึกและสำนักศึกษาพิชิตมังกรก็อ่อนลงในพริบตา ความหยิ่งยโสของพวกเขาหายไปอย่างรวดเร็ว

ความแข็งแกร่งของทั้งหกคนก็คือเครื่องสวมใส่ที่ดีที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องประดับประดาอะไรให้มากความ พวกเขาถูกมองเป็นสัตว์ประหลาดไร้ผู้ต้านไปแล้ว!

ขันทีน้อยในวังหลวงนำคนทั้งสิบเข้าไปข้างใน รัฐเหยียนสมกับเป็นรัฐที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดจริงๆ การประดับตกแต่งภายในทุกส่วนหรูหราและยิ่งใหญ่ แม้ว่าผู้เยาว์ทั้งสี่จากสำนักศึกษาธงศึกและสำนักศึกษาพิชิตมังกรจะพยายามซ่อนความตื่นเต้นไว้มากแค่ไหนก็ตาม แต่แววตาของพวกเขาก็ลุกวาวเป็นประกายอยู่ตลอดเวลา

ตรงกันข้ามกับจวินอู๋เสียและสหายของนางที่สงบนิ่ง จวินอู๋เสียเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนหลินอ๋อง นางไม่ใช่คนแปลกหน้าของวังหลวง วังหลวงของรัฐชีคือสวนหลังบ้านของนางที่จะไปจะมาเมื่อไรก็ได้ตามแต่ที่นางต้องการ

ส่วนเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ที่อยู่อย่างยากจนข้นแค้นมานานนั้น ตอนเด็กๆ พวกเขาเคยอาศัยอยู่ในสิบสองตำหนักมาก่อน ความหรูหราของสามโลกชั้นกลางนั้น เป็นสิ่งที่สามโลกเบื้องล่างยากจะเทียบเคียงได้อยู่แล้ว

หลังจากเดินมาเกือบครึ่งวัง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงงานเลี้ยง ในห้องโถงนั้นที่นั่งของพวกเขาถูกจัดเอาไว้แล้ว และพวกเขาไม่ได้มาถึงเป็นอันดับแรกๆ จึงมีคนนั่งรออยู่บ้างแล้ว

องค์ชายทั้งสี่พระองค์ของรัฐเหยียนอยู่ที่นี่กันหมด นอกจากนั้นยังมีคนจากเมืองพันอสูรซึ่งประกอบด้วยสยงป้า เฟิงเย่ว์หยาง ชิงอวี่ และชวีหลิงเย่ว์ที่พากันนั่งหลังตรงอย่างเป็นทางการอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง สยงป้าเคยเจอ ‘จวินเสีย’ ครั้งหนึ่งในวันที่พวกเขาไปตัว​จวินอู๋เสียออกจากคุก และตอนนี้เขาก็มองจวินอู๋เสียเป็น​ ‘เด็กหนุ่ม’​ บอบบางที่ได้รับความอยุติธรรมอย่างไม่สมควร เมื่อสยงป้าเห็นจวินอู๋เสียเข้ามาในงานเลี้ยง เขาก็พยักหน้าให้พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

ส่วนชวีหลิงเย่ว์นั้นมองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าละอายใจ นางยิ้มให้แค่แวบเดียวก่อนจะก้มหน้าลงไม่กล้ามองจวินอู๋เสียอีก

จวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ นั่งลงในตำแหน่งของตัวเอง เสียงดนตรีอันไพเราะดังไปทั่ววังหลวง เหล่าข้ารับใช้และนางกำนัลในวังยกผลไม้และสุรามาให้พวกเขา ทุกคนดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้อย่างเงียบๆ รอคอยให้งานเลี้ยงเริ่มต้น

เหลยเชินมองไปที่จวินอู๋เสีย รอยยิ้มกว้างของเขาแสดงให้เห็นว่าเขายินดีมากแค่ไหน เหลยเชินรู้ดีว่าเหลยฝานที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาตอนนี้กำลังทุรนทุรายด้วยความอิจฉา รอยยิ้มกว้างของเขายิ่งทำให้อีกฝ่ายเกรี้ยวกราดหนัก มือที่ซ่อนอยู่โต๊ะก็กำลังขูดโต๊ะจนเป็นรอยนับไม่ถ้วนอยู่ข้างใต้