ตอนที่ 883 งานเลี้ยงในวังหลวง (2) ตอนที่ 884 งานเลี้ยงในวังหลวง (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 883 งานเลี้ยงในวังหลวง (2) / ตอนที่ 884 งานเลี้ยงในวังหลวง (3)
ตอนที่ 883 งานเลี้ยงในวังหลวง (2)

จวินอู๋เสียพยักหน้าให้เหลยเชิน แม้ว่าจะไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง แต่อย่างไรก็ยังเป็นท่าทางที่สุภาพ

การตอบสนองของจวินอู๋เสียยิ่งทำให้ความโกรธของเหลยฝานพุ่งทะลุจุดเดือด เขาข่มกลั้นโทสะอย่างหนัก ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม

ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับเรื่องของชวีหลิงเย่ว์ ตอนนี้จวินอู๋เสียคงเป็นผู้ช่วยที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาไปแล้ว เหลยเชินจะไม่มีโอกาสอวดความสนิทสนมระหว่างเขากับจวินอู๋เสียที่นี่อีก

ความเกลียดชังของเขายิ่งรุนแรงขึ้นจนอยากจะเตะเหลยเชินลงนรกไป แต่เขาต้องฝืนยิ้มไร้เดียงสาเอาไว้ เหลยฝานแทบจะกระอักโลหิตจากการข่มกลั้นความโกรธ

ในที่สุดฮ่องเต้ก็เสด็จเข้ามาในงานเลี้ยงอย่างช้าๆ ฉลองพระองค์ตัวยาวสีเหลืองทองปักด้วยลวดลายมังกรปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน ขณะที่พระองค์เสด็จขึ้นไปประทับนั่งบนตำแหน่งหลักในงานเลี้ยง

“เราทำให้แขกผู้มีเกียรติทั้งหลายต้องรอนานแล้ว ศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้ช่างน่าประทับใจนัก แม้ว่าเราจะไม่โชคดีพอที่ได้ไปดูการต่อสู้ของเหล่าผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นของเราก็ตาม แต่เราก็ได้ฟังมามาก คืนนี้เราได้เชิญทุกคนมาร่วมฉลองกันที่นี่ ขอให้พวกเจ้าทุกคนประสบความสำเร็จและเป็นที่จดจำไปทั่วแผ่นดิน!” ฮ่องเต้ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์กว้าง พระองค์ยกจอกสุราขึ้นเพื่ออวยพร

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

ผู้เยาว์ทั้งสิบคนยืนขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน แล้วกระดกสุราลงไปในคราวเดียว

“ทุกคนนั่งลงเถอะ คืนนี้ขอให้สนุกกันให้เต็มที่” ฮ่องเต้ตรัสพร้อมกับทรงพระสรวล สายพระเนตรแอบชำเลืองมองไปทางคนของสำนักศึกษาเฟิงหัวทั้งหกคน พระองค์พินิจไปทีละคนและพบว่าพระองค์รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

ถึงแม้พระองค์จะเคยทอดพระเนตรรูปวาดของจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ มาก่อน และรู้ว่าห้าในหกคนนี้หน้าตาดีมาก แต่พระองค์ก็ค้นพบว่าเมื่อทรงได้มาเห็นตัวจริงกับตาในวันนี้ พวกเขาดูดีกว่าที่เห็นในรูปล้านเท่า

และทั้งหกคนก็โดดเด่นมาก แค่มองครั้งเดียวก็ทรงบอกได้ว่าผู้เยาว์พวกนี้มีอนาคตไกลอย่างแน่นอน

เมื่อคิดว่าผู้เยาว์ที่ไม่ธรรมดาทั้งหกคนนี้กลายเป็นพวกของเหลยเชิน ฮ่องเต้ก็รู้สึกแน่นพระอุระอย่างอธิบายไม่ถูก ถ้าคนที่ผู้เยาว์พวกนี้สนิทสนมด้วยคือเหลยฝาน พระองค์คงจะมีความสุขยิ่งนัก

เฟยเยียนที่เพิ่งนั่งลงเอียงตัวเข้าไปใกล้จวินอู๋เสีย

“คนที่นั่งข้างๆ เหลยเชินคือองค์ชายสี่เหลยฝานใช่หรือเปล่า”

จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย เหลยฝานเคยเข้าหานางสองครั้ง และทั้งสองครั้งสหายของนางก็ล้วนไม่ได้อยู่ด้วยเลย

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลกมาก” เฟยเยียนยิ้มพลางครุ่นคิด

“อะไร” จวินอู๋เสียพูดเสียงต่ำ

“เจ้ารู้ว่าข้าทำการรวบรวมข้อมูลของรัฐเหยียนเพิ่มอยู่ใช่หรือไม่ ข้าบังเอิญไปเจอรูปวาดของพระสนมที่ฮ่องเต้ทรงโปรดมากที่สุด นางงดงามมากทีเดียว จากที่เหลยเชินเล่าให้พวกเราฟัง เหลยฝานไม่ได้เกิดจากสตรีนางนั้น แต่…หน้าตาของเหลยฝานเหมือนสตรีในรูปวาดนั้นมากเลย” เฟยเยียนค้นพบเรื่องที่น่าสนใจเข้าให้แล้ว

บุตรชายนอกสมรสของฮองเฮากับขุนนางระดับสูง หน้าตาเหมือนสตรีที่ฮ่องเต้ทรงหลงรักอย่างนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่

จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ตอนที่นางพบกับเหลยฝานก่อนหน้านี้ นางไม่ได้ให้ความสนใจหน้าตาของเขามากนัก

“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมฮ่องเต้ถึงได้ทรงรักองค์ชายสี่มากขนาดนั้น หน้าตาแบบนี้เตือนให้พระองค์ทรงนึกถึงสตรีที่พระองค์รักอยู่เสมอ แล้วแบบนี้จะไม่ทุ่มเทความโปรดปรานให้กับเหลยฝานได้อย่างไร” เฟยเยียนหัวเราะกับตัวเอง

“ทักษะปลอมแปลงใบหน้า” จวินอู๋เสียพูดเสียงเบา

“ทำลายได้หรือไม่” เฟยเยียนถามอย่างตื่นเต้น

“ข้าต้องรู้ก่อนว่าพวกเขาใช้วิธีไหน” จวินอู๋เสียเลือกที่จะไม่รับรองแบบชุ่ยๆ มีวิธีมากมายที่จะปลอมแปลงใบหน้าในโลกใบนี้ การจะเปิดเผยมันก็ต้องรู้ก่อนว่าเป้าหมายใช้วิธีไหน

เหลยฝานดูเหมือนจะสังเกตได้ว่าจวินอู๋เสียลอบมองไปทางเขา นอกจากจะประหลาดใจแล้ว เขายังยิ้มกว้างออกมาทันที เขายกจอกขึ้นชูไปทางจวินอู๋เสียและพูดว่า “จวินเสียมองข้าแบบนี้ ทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆ โอกาสที่เราจะได้มาดื่มกินในที่เดียวกันเช่นนี้หายากนัก ข้าหวังว่าจวินเสียจะไว้หน้าข้าสักเล็กน้อย”

ตอนที่ 884 งานเลี้ยงในวังหลวง (3)

ในงานเลี้ยง คำพูดของเหลยฝานดึงความสนใจของทุกคน พวกเขาต่างหันไปมองจวินอู๋เสีย แม้ว่าจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเหลยเชิน แต่รอยยิ้มนั้นก็ไปไม่ถึงดวงตา

จวินอู๋เสียไม่ตอบสนองในทันที นางมองใบหน้ายิ้มๆ ของเหลยฝาน นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกจอกสุราขึ้นช้าๆ และจิบเล็กน้อยพอเป็นพิธี

ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์และตรัสขึ้นว่า “นี่ต้องเป็นผู้เข้าแข่งขันที่เด็กที่สุดของสำนักศึกษาเฟิงหัวแน่ ชื่อจวินเสียใช่หรือไม่”

จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืนแล้วตอบว่า “พ่ะย่ะค่ะ”

“ดีๆๆ! วีรบุรุษค้นพบได้จากผู้เยาว์จริงๆ เราไม่คิดเลยว่าคนที่เด็กมากขนาดนี้จะสามารถบรรลุถึงขั้นนั้นได้แล้ว อนาคตของเจ้าช่างไร้ขีดจำกัดโดยแท้! เจ้าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับองค์ชายสี่แบบนี้ พวกเจ้าทั้งสองคนน่าจะเข้ากันได้ดีนะ” ฮ่องเต้ตรัสพร้อมกับแย้มพระสรวล ดวงเนตรซึ่งฉายแววปีติยินดีของพระองค์พิจารณาจวินอู๋เสียอย่างละเอียดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่เมื่อสายพระเนตรของพระองค์กวาดไปถึงแหวนที่จวินอู๋เสียสวมอยู่ที่นิ้ว รอยยิ้มของพระองค์ก็แข็งค้างไปในทันใด!

“จวินเสีย เจ้าเป็นผู้เข้าแข่งขันที่อายุน้อยที่สุดในศึกประลองภูติวิญญาณ เด็กที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขัน อัจฉริยะน้อย เข้ามาให้เราเห็นเจ้าชัดๆ ซิ” ฮ่องเต้ตรัสต่อโดยไม่แสดงท่าทีผิดปกติใดๆ ออกมา

จวินอู๋เสียไม่อยากทำให้ฮ่องเต้ต้องอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าทุกคน นางจึงลุกจากที่นั่งออกมายืนตรงหน้าฮ่องเต้

พระพักตร์ของฮ่องเต้ยังคงยิ้ม แต่ในสายพระเนตรของพระองค์กลับมีร่องรอยของความตกใจปนอยู่

แหวนบนนิ้วของจวินเสียนั่น! พระองค์ไม่เคยลืมมันเลย!

“จวินเสีย แหวนบนนิ้วของเจ้าคือแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของเจ้าหรือ นี่เป็นครั้งแรกที่เราเห็นคนสวมใส่แหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณที่นิ้วนั้น” ตามปกติแล้วแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณจะสวมใส่อยู่บนนิ้วกลางในมือข้างขวา และตัวเจ้าของก็ไม่ได้เป็นคนเลือกเองด้วย แต่เมื่อแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณตื่นขึ้น มันจะปรากฏที่นิ้วกลางเอง และคนส่วนใหญ่ก็จะไม่เปลี่ยนตำแหน่งของแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณโดยพลการ

แต่แหวนเงินที่มือของจวินอู๋เสียกลับสวมอยู่ที่นิ้วนาง

จวินอู๋เสียก้มหน้าลงมองแหวนที่นิ้วนาง มันเป็นแหวนที่นางหยิบมาจากบ้านหินที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า หลังเดินทางออกจากผาสุดขอบฟ้า นางก็สวมมันไว้ตลอด ไม่ได้ถอดออกเลยตั้งแต่ตอนนั้น

เหตุผลแรกก็คือมันเป็นของเพียงอย่างเดียวที่ ‘อาจารย์’ ของนางเหลือทิ้งไว้ให้ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือไม่มีใครมองเห็นแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของนาง การสวมแหวนเงินนี้เอาไว้จะสามารถทำให้คู่ต่อสู้ของนางสับสนได้

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” จวินอู๋เสียตอบ แม้ว่าฮ่องเต้จะพยายามปกปิดเอาไว้ แต่นางก็ยังสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กๆ นั้นได้ว่าฮ่องเต้ทรงสนพระทัยแหวนวงนี้มาก

“อย่างนั้นหรือ” ฮ่องเต้ตรัส รู้สึกโล่งพระทัยขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความกังวลในสายพระเนตรของพระองค์ก็ยังไม่หายไป

“เราก็แค่อยากรู้เท่านั้น จวินเสีย เจ้ากลับไปนั่งที่เถอะ วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองให้กับผู้ชนะศึกประลองภูติวิญญาณทุกคน เพราะฉะนั้นตามสบายเลยนะ”

จวินอู๋เสียกลับไปนั่งที่ แต่ในใจนั้นนางจับตามองอากัปกิริยาที่น่าสงสัยของฮ่องเต้อย่างใกล้ชิด

งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ นางรำออกมาร่ายรำพร้อมเสียงเพลงอันไพเราะ กลิ่นอันหอมหวานของสุราชั้นยอดล่องลอยอยู่ในอากาศ บรรยากาศสนุกสนานครึกครื้นเป็นอย่างมาก

หลังจากดื่มไปสามรอบ งานเลี้ยงก็ยิ่งเสียงดังครื้นเครง องค์ชายสี่ชวนแขกในงานคุยเป็นระยะ ศิษย์จากสำนักศึกษาธงศึกกับสำนักศึกษาพิชิตมังกรก็เข้ามาดื่มอวยพรให้ฮ่องเต้อย่างต่อเนื่อง พระพักตร์ของฮ่องเต้ยังคงแย้มสรวล แต่สายพระเนตรแสดงออกว่าในพระหฤทัยของพระองค์คิดเรื่องอื่นอยู่ พระองค์ตอบรับคำอวยพรของทุกคนแค่สองสามคำพอเป็นพิธีเท่านั้น

เหลยฝานฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นๆ คุยกันลุกขึ้นเดินตรงมาทางจวินอู๋เสีย