ตอนที่ 885 งานเลี้ยงในวังหลวง (4) ตอนที่ 886 งานเลี้ยงในวังหลวง (5)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 885 งานเลี้ยงในวังหลวง (4) / ตอนที่ 886 งานเลี้ยงในวังหลวง (5)
ตอนที่ 885 งานเลี้ยงในวังหลวง (4)

เหลยเชินกำลังจะลุกขึ้นเดินตามไป แต่เหลยหยวนดึงแขนเสื้อเขาเอาไว้ก่อน

“น้องรอง เจ้าทำอะไร” เหลยเชินขมวดคิ้วถามเจ้าอ้วนเหลยหยวน

เหลยหยวนพูดเสียงต่ำว่า “เสด็จพี่ฉลาดออกปานนี้ น่าจะเข้าใจสิ่งที่เสด็จพ่อตรัสอยู่แล้วกระมัง ในเมื่อเสด็จพ่อประสงค์อยากให้น้องสี่ได้พูดคุยกับจวินเสียให้มากขึ้น มันจะดีกว่านะถ้าเสด็จพี่ไม่ไปขัดขวางพระราชประสงค์ของเสด็จพ่อ ข้ารู้ว่าท่านสนิทกับสำนักศึกษาสำนักศึกษาเฟิงหัว ถึงจะเสียจวินเสียให้น้องสี่ไปสักคน ท่านก็ยังมีคนอื่นๆ อยู่อีกไม่ใช่หรือ”

เหลยหยวนเคยเห็นพลังของจวินอู๋เสียมาแล้ว แต่ที่ฮ่องเต้ตรัสในวันนี้ว่าพระองค์อยากเห็นจวินอู๋เสียกับเหลยฝานได้พูดคุยกันมากขึ้น พระประสงค์ของเสด็จพ่อของพวกเขายังไม่ชัดเจนพออีกหรือ

เหลยเชินหรี่ตาลง เขาหันไปมองบุรุษที่นั่งอยู่บนบัลลังก์และพบว่าฮ่องเต้ดูไม่มีสมาธิเอาเสียเลย สายพระเนตรของฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปที่จวินอู๋เสียอย่างไม่ตั้งใจ เหลยเชินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจล้มเลิกความตั้งใจเดิมของตนและนั่งลงดื่มแก้กลุ้ม

เหลยฝานเดินมายืนอยู่ข้างๆ จวินอู๋เสีย เขามองจวินอู๋เสียยิ้มๆ และพูดว่า “จวินเสียคิดว่างานเลี้ยงวันนี้สนุกหรือไม่”

จวินอู๋เสียนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรสักคำ

เหลยฝานดูจะเคยชินกับนิสัยเหินห่างเย็นชาของจวินอู๋เสียแล้วและไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เหลยฝานตั้งใจจะถามจวินอู๋เสียต่ออีกสักหน่อย ทหารจากนอกวังนายหนึ่งก็วิ่งเข้ามา

“กราบทูลฝ่าบาท ท่านราชครูมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว พระองค์กำลังจะตรัสอะไรบางอย่าง แต่พอสายพระเนตรเหลือบไปเห็นจวินอู๋เสียโดยไม่ตั้งใจ พระองค์ก็รีบตรัสขึ้นทันทีว่า “เรานึกขึ้นมาได้ว่าจวินเสียยังเด็กอยู่นี่นะ คงไม่สนุกกับงานเลี้ยงที่น่าเบื่อแบบนี้ ลูกฝาน เจ้าเป็นองค์ชาย ต้องทำหน้าที่เจ้าภาพที่ดี การแสดงแบบนี้คงไม่ใช่รสนิยมของเขา ทำไมเจ้าไม่พาจวินเสียไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงเล่า ปีนี้เราเพิ่งปลูกต้นเบญจมาศใหม่ที่นั่น”

พระดำรัสอย่างกะทันหันของฮ่องเต้ทำให้ทุกคนในงานเลี้ยงประหลาดใจเป็นอย่างมาก ทหารเพิ่งเข้ามารายงานว่าราชครูมาถึงแล้ว ทำไมฮ่องเต้ถึงไม่สั่งให้ทหารพาแขกเข้ามา แต่กลับมีพระราชกระแสรับสั่งให้เหลยฝานพาจวินอู๋เสียไปเดินเล่นในอุทยานหลวงแทน

ผู้คนในงานเลี้ยงต่างเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ มีเพียงผู้เยาว์ที่ยังเด็กและใสซื่ออ่อนต่อโลกจากสำนักศึกษาธงศึกและสำนักศึกษาพิชิตมังกรเท่านั้นที่แอบอิจฉาริษยาจวินอู๋เสียที่ฮ่องเต้แสดงความโปรดปรานเช่นนั้น

ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ขนาดนี้ให้แล้ว ยังจะเป็นห่วงว่าเด็กอย่างจวินเสียจะเบื่อและมีรับสั่งให้องค์ชายอย่างเหลยฝานพาจวินเสียไปเดินเล่นรอบๆ วังอีก ช่างเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้หนอ!

จวินอู๋เสียพยักหน้าทันที ไม่ปฏิเสธพระราชกระแสของฮ่องเต้

เหลยฝานเหลือบมองเหลยเชินอย่างผู้ชนะ และเดินนำจวินอู๋เสียออกไปจากงานเลี้ยงด้วยรอยยิ้มเริงร่า เมื่อทั้งสองคนเดินออกมา จวินอู๋เสียก็เห็นร่างที่สง่างามของคนผู้หนึ่งอยู่ข้างนอก

เขาเป็นบุรุษที่ดูดีมีเสน่ห์มาก ดูเหมือนจะอายุยี่สิบต้นๆ เท่านั้น สวมชุดคลุมยาวสีเทาเงิน ใบหน้าอันงดงามของเขาเหมือนพระจันทร์อันสว่างไสวบนฟากฟ้า แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของจวินอู๋เสียก็คือผมของบุรุษผู้นั้น

ผมสีเงินถักเป็นเปียยาวลงมามัดเอาไว้ด้วยสายรัดสีเทาเงิน ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนจางๆ เมื่อเขาเห็นจวินอู๋เสียกับเหลยฝาน เขาก็มองมาด้วยแววตายิ้มๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร

หลังจากจวินอู๋เสียกับเหลยเชินจากไปแล้ว บุรุษผมเงินที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ถามขันทีน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาว่า “เด็กหนุ่มที่เพิ่งออกไปพร้อมกับองค์ชายสี่เป็นใครหรือ”

ขันทีผู้นั้นตอบไปตามความจริงว่า “เขาเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวชื่อจวินเสียขอรับ เป็นแขกที่ฝ่าบาททรงเชิญมางานเลี้ยงในคืนนี้”

“หืม นั่นน่ะหรือจวินเสีย” บุรุษผมเงินพูดพร้อมกับยิ้มออกมา และจู่ๆ เขาก็ออกเดินและเปลี่ยนทิศทางทันที

ตอนที่ 886 งานเลี้ยงในวังหลวง (5)

ขันทีสับสนลุกลี้ลุกลนขึ้นมาโดยพลัน เขาเรียกไล่หลังบุรุษผมเงินไปว่า “ท่านราชครู! ท่านจะไปไหนขอรับ”

“พระจันทร์อุตส่าห์ส่องสว่างเผยให้เห็นทิวทัศน์อันงดงามเช่นนี้ ข้าจะทำให้มันผิดหวังได้อย่างไร เจ้าไปกราบทูลฮ่องเต้เถิดว่าข้าจะไปงานเลี้ยงช้านิดหนึ่ง” พูดจบบุรุษผมเงินก็หันหลังจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก

หลังจากนั้นไม่นาน ข้ารับใช้คนหนึ่งก็ออกมาจากงานเลี้ยงเพื่อถ่ายทอดพระราชดำรัสของฮ่องเต้ที่ให้เชิญราชครูเข้าไปร่วมในงานเลี้ยง แต่ทว่า…ราชครูกลับออกไปแล้ว

เหลยฝานเดินนำจวินอู๋เสียไปที่อุทยานหลวง งานเลี้ยงยังคงดำเนินอยู่ ในอุทยานหลวงจึงว่างเปล่าไม่มีคนอยู่เลยสักคน โคมไฟแขวนห้อยเอาไว้ทั่วทุกหนแห่ง เมื่อรวมกับแสงจันทร์จึงทำให้บริเวณนั้นสว่างไสว ตอนนี้ยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิ ยังเป็นฤดูหนาวอยู่ เมื่อไม่กี่วันก่อนก็มีหิมะตกหนักในเมืองหลวงรัฐเหยียน หิมะสีขาวปกคลุมพื้นที่มากมายทั่วเมืองหลวง และในอุทยานหลวงของวังหลวงเองหิมะบนพื้นถูกกวาดไปแล้วแต่บนกิ่งไม้และยอดไม้ยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่ แสงจันทร์สะท้อนหิมะสีขาวทำให้อุทยานหลวงสว่างไสวไปทั่วในราตรีนี้

“ศึกประลองภูติวิญญาณจบแล้ว จวินเสียมีแผนจะทำอะไรต่อไปอย่างนั้นหรือ” เหลยฝานถามยิ้มๆ ตอนเดินมาที่นี่เขาพยายามหาโอกาสชวนคุยจวินอู๋เสียคุยอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองมากนัก ความอดทนของเขาใกล้จะหมดแล้ว

สายตาของจวินอู๋เสียกวาดมองพืชพันธุ์ต่างๆ ในอุทยานหลวง เนื่องจากมีบัวหิมะซังอวี้อยู่ในตัวนาง นางจึงมีสัมผัสที่ไวขึ้นและสามารถรับรู้ได้ถึงชีวิตของพวกต้นไม้ แม้ว่าอุทยานหลวงในวังของเมืองหลวงรัฐเหยียนจะดูธรรมดาทั่วๆ ไป แต่นางก็สามารถสัมผัสได้ว่าภายใต้หิมะสีขาวมีพืชพันธุ์ที่ไม่ธรรมดาซุกซ่อนอยู่ในอุทยานหลวง ต้นไม้พวกนั้นให้พลังวิญญาณได้มากพอสมควร แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับบัวหิมะซังอวี้ แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าต้นไม้อื่นๆ อยู่มาก

“องค์ชายสี่ถามทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ” จวินอู๋เสียตอบกลับ

เหลยฝานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในหลายปีที่ผ่านมา หลังจากศึกประลองภูติวิญญาณจบลง คนที่ได้อันดับต่างๆ ถ้าไม่เลือกกลับไปที่สำนักศึกษาเพื่อศึกษาต่อก็หาที่ไปที่ดีกว่าให้กับตัวเอง จวินเสียแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่อายุเพิ่งจะเท่านี้ ข้าเชื่อว่าผู้คนที่อยากให้เจ้าไปอยู่ด้วยคงมีมากมายเป็นแน่ ถึงแม้เจ้าจะปฏิเสธข้อเสนอของข้าหลายครั้งแล้ว แต่ข้าก็ยังอยากชวนเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะมาเป็นสหายร่วมเรียนของข้าได้หรือไม่ ข้าไม่อยากเห็นคนที่ข้าอยู่ด้วยแล้วสบายใจตั้งแต่แรกพบแยกจากไปไกลเช่นนี้จริงๆ”

หลังจากพูดจบ เหลยฝานก็ถอนหายใจออกมาราวกับรู้สึกหดหู่อย่างมาก

จวินอู๋เสียนิ่งเงียบอีกครั้ง แต่สายตาของนางลอบพิจารณาใบหน้าของเหลยฝานอย่างละเอียด สิ่งที่เฟยเยียนพูดก่อนหน้านี้จุดประกายความสนใจของนาง นางแน่ใจว่าใบหน้านี้ไม่ใช่ใบหน้าเดิมของเหลยฝาน

นั่นเป็นเรื่องที่อยู่ในความเชี่ยวชาญของจวินอู๋เสีย จึงไม่ยากที่นางจะมองทะลุการปลอมตัวของเหลยฝาน

ทักษะการปลอมแปลงใบหน้าแยกออกได้สามวิธี วิธีที่หนึ่งคือสิ่งที่นางทำอยู่ ปกคลุมใบหน้าเดิมของตัวเองด้วยวัสดุจากภายนอกเพื่อเปลี่ยนหน้าตาให้เป็นอย่างที่ต้องการ วิธีที่สองต้องทำร้ายเส้นเอ็นและกระดูกอย่างรุนแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วยวิธีแก้ไขปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูกภายใน วิธีที่สามจะคล้ายกับฮวาเหยาที่ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายกระดูก แต่พวกเขาไม่ได้ควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งของกระดูกด้วยตัวเอง แต่ผ่านการใช้โอสถวิเศษเพื่อแปลงโฉมชั่วคราว

ในสามวิธีนั้น วิธีแรกเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแต่ก็ถูกค้นพบได้ง่ายที่สุดเช่นกัน ตราบเท่าที่รู้วิธีปลอมแปลงใบหน้าสักเล็กน้อย พวกเขาก็จะสามารถหารอยตำหนิได้

ส่วนวิธีที่สอง…จวินอู๋เสียเชื่อว่าเนื่องจากเหลยฝานเป็นบุตรชายแท้ๆ ของฮองเฮา พระนางคงไม่อยากให้เขาต้องผ่านวิธีที่เจ็บปวดแสนสาหัสแบบนั้น นอกจากนั้นเหลยฝานก็ยังเด็กมาก โครงสร้างกระดูกของเขายังไม่เติบโตเต็มที่ ให้เขาผ่านมีดหมอตอนนี้ก็ไม่ได้รับประกันว่าพอโตขึ้นหน้าตาของเขาจะเป็นอย่างที่พวกเขาต้องการ